ภาคที่ 5 ตอนที่ 11 ถามสามคำ

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองอันกั๋วที่ห่างไกล จูจั้นกับคุณหนูจวินที่ขี่ม้าเดินทางอยู่ระหว่างทางมาเมืองหลวงเวลานี้นาทีนี้ยังไม่รู้

 

 

ม้าสองตัวของพวกเขาหนึ่งหน้าหนึ่งหลังควบเร็วรี่ไม่หยุด

 

 

“มีเรื่องหนึ่ง…” จูจั้นเอ่ยขึ้น

 

 

“มีเรื่องอะไรเข้าเมืองหลวงค่อยพูด” คุณหนูจวินขัดเขา “นอกจากนี้ก็ไม่มีเรื่องอะไรควรค่าให้พูด”

 

 

นี่เป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ที่พวกเขาสนทนากันเช่นนี้ จูจั้นจะเอ่ยคำพูด คุณหนูจวินขัด

 

 

“จวินจิ่วหลิง” จูจั้นเอ่ยเรียก ขวางนางไว้ “เจ้าพูดกับข้าดีๆ ได้หรือไม่?”

 

 

เขาเรียกนางจวินจิ่วหลิง ความรู้สึกนี่กลับน่าสนใจ

 

 

ทว่าคุณหนูจวิน มองก็ไม่มองเขาสักที

 

 

“ไม่ได้” นางว่า

 

 

จูจั้นสะอึกถลึงตา

 

 

“หมดหนทางกับเจ้าจริงๆ” เขาโกรธเอ่ยขึ้น

 

 

“นั่นคือท่านหมดหนทางกับข้าในตอนนี้ ที่เป็นฉู่จิ่วหลิงเช่นนี้ หากเป็นจวินจิ่วหลิงก่อนหน้านี้เล่า?” คุณหนูจวินคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มมองเขาพลางเอ่ยขึ้น

 

 

“จวินจิ่วหลิงก่อนหน้านี้ข้าก็หมดหนทางเหมือนกัน”จูจั้นเอ่ย “เจ้าก็คิดถึงก่อนหน้านี้ เจ้าลองคิดดู ข้าเคยทำอันใดเจ้าจริงๆ หรือ”

 

 

ไม่หรือ?

 

 

คุณหนูจวินสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

 

“ไม่ต้องพูดถึงเงินโคมไฟที่หยางเฉิง” จูจั้นเอ่ยต่อ “เวลานั้นไม่นับ พูดตั้งแต่ต้นเซียนจื่ออิงครั้ง ข้าแย่งสมุนไพรของเจ้า แต่เจ้าข้าเป็นคนแปลกหน้า ข้าเก็บค่าตอบแทนไม่เป็นปัญหากระมัง? ข้ายอมรับว่าตนไม่ทำร้ายคน แต่ก็ไม่ใช่คนดี”

 

 

คุณหนูจวินเงียบครู่หนึ่ง

 

 

“ท่านเป็นคนดีคนหนึ่ง” นางเอ่ย จากนั้นก็ยิ้มแล้ว

 

 

แม้เขามีท่าทีเลวร้ายต่อผู้อื่น แต่ไม่เคยทำเรื่องเลวร้าย ตรงกันข้ามทำเรื่องกล้าหาญดีงามเสมอ

 

 

“ใช่ ท่าทีที่ข้ามีต่อเจ้าไม่ดี นี่ไม่ได้เจาะจงใส่เจ้า กับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรี ท่าทีของข้าล้วนไม่ดี” จูจั้นเอ่ย พลางยื่นมือลูบหน้าของตนเอง “ที่สำคัญคือข้าคนนี้น่าจับตาเกินไป เรียกคนให้ชมชอบเกินไป ดีกับสตรีนิดหน่อยก็ทำให้พวกนางเข้าใจผิดง่าย น่ารำคาญจริงๆ”

 

 

คุณหนูจวินสีหน้าประหลาดอยู่บ้าง

 

 

“แม้ที่ท่านพูดน่าจะเป็นความจริง แต่ทำไมฟังแล้วน่าขันเช่นนี้” นางเอ่ย

 

 

จูจั้นไม่ได้สนใจรอยยิ้มของนาง

 

 

“ตอนนั้นข้าไม่ดีกับเจ้าก็ไม่ใช่ความผิดข้าคนเดียว เจ้าก็เป็นเหตุผลประการใหญ่” เขาสีหน้าเคร่งขรึมเอ่ย

 

 

“ข้ารู้แล้ว ข้าไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ ไปเถอะ ไปเถอะ” คุณหนูจวินขัดเขาต้องการกระตุ้นม้าเดินหน้า

 

 

นางก็แค่คิดขึ้นมาได้ จึงตะบึงตะบอนเล่นสักหน่อยเท่านั้น แต่หากพูดเรื่องนี้จริงๆ อย่างไรก็รู้สึกหัวใจว้าวุ่นอยู่บ้าง

 

 

“ไม่ได้!” จูจั้นกระโดดลงจากม้า ยื่นมือแย่งบังเหียนม้าของนางไป ท่าทางไม่ยอมรับคำปฏิเสธ

 

 

“ท่านพาลกับข้าแล้ว” คุณหนูจวินคิ้วตั้งเอ่ย ฉวยแย่งเชือกบังเหียน “เอามาให้ข้า”

 

 

จูจั้นปล่อยให้นางแย่งเชือกบังเหียนไป แต่ยื่นมืออุ้มนางลงมาจากม้า

 

 

คุณหนูจวินไม่ทันป้องกันตกใจสะดุ้งโหยง

 

 

“ท่านทำอะไร?” นางตะโกน

 

 

“เรื่องนี้ต้องพูดกันให้ชัด” จูจั้นสีหน้าขรึมเอ่ย กดนางไว้บนร่างไม่ให้ขยับ “เวลานั้นเจ้าจำข้าได้ แต่ข้าจำเจ้าไม่ได้ สำหรับเจ้า ข้าคือคนคุ้นเคย ดังนั้นเจ้าอยู่ต่อหน้าข้าจึงทำตัวตามใจไม่หวั่นเกรง แต่ข้าเล่า ข้าจำเจ้าไม่ได้นะ เจ้าลองคิดดู สตรีแปลกหน้าคนหนึ่งอยู่ดีๆ ทำท่าคุ้นเคยทำตัวตามอำเภอใจ เจ้าไม่กลัวหรือ? เจ้าไม่สงสัยว่านางมีแผนการอื่นหรือ? ข้าย่อมต้องป้องกัน ระแวง แต่เจ้าถามใจตนเองดู ท่าทีข้าไม่ดี แต่ข้าเคยทำเรื่องไม่ดีกับเจ้าไหม?”

 

 

ที่จริง แน่นอนไม่มี เขาเคยช่วยชีวิตนาง ช่วยนางขวางลู่อวิ๋นฉี ไม่เสียดายหาเรื่องยุ่งยากสังหารใต้เท้าน้อยหวงแทนนาง สัญญาว่าจะปกป้องชีวิตนาง ช่วยนางหาทายาทนักโทษมาทดลองยาจนเกลี้ยกล่อมหมอทั้งหลายได้อีก…

 

 

คุณหนูจวินออกแรงดึงมือเขาออก

 

 

“ข้ารู้แล้ว” นางเอ่ย “หลังจากนี้ข้าไม่พูดแล้วก็ได้”

 

 

จูจั้นกดนางไว้ไม่ปล่อย

 

 

“เจ้าไม่รู้” เขาเอ่ย “ข้าไม่ดีกับเจ้า ก็เพราะรู้สึกว่าเจ้าดียิ่งนัก”

 

 

นี่ตรรกะอันใด?

 

 

คุณหนูจวินมองเขา

 

 

“แต่ ข้าชอบฉู่จิ่วหลิง ข้าไม่อาจชอบสตรีคนอื่นได้อีก” จูจั้นมองนางพลางเอ่ย “ดังนั้นข้าจึงได้แต่ไม่ดีกับเจ้า ให้เจ้าไม่ดีกับข้าอีกต่อไป”

 

 

นี่มันตรรกะอะไรอีก?

 

 

คุณหนูจวินมองเขา

 

 

“เหตุผลนี่ก็เพราะข้ากลัวข้าชอบเจ้า” จูจั้นเอ่ย “ข้ากลัวข้าชอบจวินจิ่วหลิงแล้วลืมฉู่จิ่วหลิง”

 

 

ไม่ได้พูดสิ่งใดชัดๆ เมื่อได้ยินประโยคหนึ่งนี้ ดวงตาของคุณหนูจวินกลับขัดเขืองอย่างไร้สาเหตุ น้ำตาหวิดจะเอ่อล้นออกมา

 

 

“ท่าน” นางเอ่ยพึมพำเสียงเบา “ฉู่จิ่วหลิงตายแล้ว ท่านกับนางก็ไม่สนิทกัน ลืมก็ลืมไปสิ”

 

 

จูจั้นมองนาง ฉับพลันก็ยิ้ม แหงนหน้ามองฟ้า

 

 

“ใช่ ข้ากับเจ้าไม่สนิทกัน เจ้าจำข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ” เขาเอ่ย “ข้าก็เคยเห็นเจ้าเพียงสองครั้ง”

 

 

พูดถึงตรงนี้ก็หัวเราะขึ้นมาอีกหน

 

 

“ครั้งหนึ่งถูกตี ครั้งหนึ่งมองเจ้าถูกตี ทั้งอเนจอนาถทั้งน่าขันจริงๆ”

 

 

ถูกนางตีคือครั้งนั้นทีประตูเมือง เป็นเขาจริงๆ คุณหนูจวินเงียบงัน ส่วนตนเองถูกตีคือครั้งนั้นที่ปีนกำแพงบ้านเฉิงกั๋วกง

 

 

“ข้าไม่รู้ว่าสิ่งใดเรียกชอบ” จูจั้นเอ่ยต่อ “เพียงรู้สึกว่าคนผู้นี้น่าสนใจทีเดียว ไม่รู้ตัวก็สนใจเพิ่มขึ้นหน่อย คิดอยากมีโอกาสรู้จักอีกนิด มีโอกาส…”

 

 

เขายิ้มอีกครั้ง เพียงแต่รอยยิ้มไม่น่ามองอยู่บ้าง

 

 

“…มีโอกาสดีกับนาง” เขาเอ่ย “แต่คิดไม่ถึงว่าต่อมากลับไม่มีโอกาสนี้อีกแล้ว”

 

 

นางแต่งงานแล้ว นางตายแล้ว บนโลกนี้ไม่มีนางอีกต่อไปแล้ว

 

 

เขามองไปทางคุณหนูจวิน

 

 

“เจ้าว่า นางตายไป อายุน้อยเช่นนั้นก็ตายแล้ว คนมากมายเช่นนั้นจะลืมเลือนนาง จะลบการมีอยู่ของนาง หากข้าลืมนางด้วย นางจะน่าสงสารเพียงไร เดียวดายเพียงไร…”

 

 

คำพูดของเขายังเอ่ยไม่ทันจบ คุณหนูจวินพลันยื่นมือกอดเขาไว้

 

 

จูจั้นร่างกายแข็งทื่อนิดหนึ่ง แต่ไม่ได้หยุดพูด

 

 

“…เจ้ามักจะพูดว่าข้ามองเจ้าก่อนหน้ากับให้หลังไม่เหมือนกัน บอกว่าหากเจ้าไม่ใช่ฉู่จิ่วหลิงข้ายังจะดีกับเจ้าเช่นนี้หรือ แต่เจ้าลืมไปแล้วเจ้าก็ดีกับข้ามากเช่นกัน หากเจ้าไม่ใช่ฉู่จิ่วหลิง เจ้ายังจะดีกับข้าเช่นนี้ไหม? จะดีกับครอบครัวของข้าเช่นนี้ไหม? เจ้ากับข้าจะยังพบพานรู้จักกันเฉกเช่นตอนนี้เช่นนี้ไหม?”

 

 

ไม่รู้ เพราะตั้งแต่แรกนางก็คือฉู่จิ่วหลิง นางไม่รู้ว่าหากเปลี่ยนเป็นคนอีกคนหนึ่ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร

 

 

เขาไม่มีทางได้พบนาง นางก็ไม่มีทางรู้จักเขา เขาจะคิดถึงฉู่จิ่วหลิงของเขาต่อไป ส่วนนางก็ใช้ชีวิตของตน ชีวิตที่ไม่เกี่ยวข้องกับฉู่จิ่วหลิงอย่างสิ้นเชิง

 

 

คุณหนูจวินส่ายศีรษะอยู่หน้าตัวเขา

 

 

“ข้าไม่รู้จัก ไม่เข้าใจว่าองค์หญิงจิ่วหลิงเป็นคนอย่างไร ข้าก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าคือนาง เจ้าดียิ่งนัก ดียิ่งนัก” จูจั้นเอ่ยต่อ “แต่ข้ายังไม่อยากและไม่อาจลืมเลือนคนที่ข้าไม่ทันได้ดีกับนางคนนั้น ข้าเคยคิดว่าข้าติดค้างเจ้า ชีวิตนี้จะติดตามเจ้ายอมให้เจ้าเรียกใช้ จนกระทั่งเจ้าไม่ต้องการ จนกระทั่งเจ้าแต่งงาน จนกระทั่งเจ้าไล่ข้าไป ข้าค่อยจากไป”

 

 

เขาก้มศีรษะ มองสตรีร่างเล็กตรงหน้าตัว ยกมือวางบนหัวไหล่นางช้าๆ ไขว้หากันช้าๆ

 

 

“ข้าคิดไม่ถึงว่าสวรรค์จะให้โอกาสนี้กับข้า” เขากอดนางไว้แน่นๆ ซุกศีรษะอยู่หลังลำคอของนาง “ให้ข้ามีโอกาสดีกับนาง ให้ข้ารู้สึกว่าคนที่ดีก็คือคนที่ต้องการดีกับนางที่สุด”

 

 

คุณหนูจวินรู้สึกได้ว่ามีน้ำอุ่นร้อนกระจายหลังลำคอ ทำคอเสื้อเปียกชื้น นี่ทำให้นางได้สติขึ้นมา

 

 

“เฮ้” นางดิ้นดันเขาออก “เอาล่ะ ข้ารู้แล้ว”

 

 

จูจั้นมองนาง

 

 

“รู้อะไร?” เขาเอ่ยถาม

 

 

คุณหนูจวินหลบสายตาเขา มองไปทางม้าที่กินหญ้าอยู่ด้านข้าง

 

 

“ข้ารู้ว่าท่านไม่ได้ก่อนหน้าหยิ่งยโสภายหลังเคารพ ท่านดีกับทั้งจวินจิ่วหลิง ฉู่จิ่วหลิง ดีด้วยเหมือนกัน” นางเอ่ย

 

 

จูจั้นยังคงมองนาง

 

 

“หลังจากนั้นเล่า?” เขาเอ่ยถาม

 

 

มีหลังจากนั้นอะไรเล่า

 

 

“หลังจากนี้ข้าจะไม่เอาเรื่องนี้มาแกล้งท่านอีกแล้ว” คุณหนูจวินเอ่ย

 

 

จูจั้นมองนางต่อ

 

 

“หลังจากนั้นเล่า?” เขาเอ่ยถาม

 

 

……………………