จิ้นหยวนจ้องเธอตาเขม็ง แววตาเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกสับสนปนเป ในขณะเดียวกัน หัวใจของเขาก็เจ็บปวดรวดร้าวราวมีดกรีดแทง ก่อนหน้านี้เขาคิดหาสารพัดเหตุผลที่อาจทำให้เธอไม่ยอมกลับไปกับเขา แต่เขากลับคิดไม่ถึงเลยว่าการแต่งงานของเขาจะส่งผลกระทบต่อเธอมากขนาดนี้ ถ้าเขารู้ตั้งแต่แรก ต่อให้เอามีดมาจ่อคอเขาก็จะไม่มีวันแต่งงานกับหร่วนเซียงเซียงเด็ดขาด 

 

 

มาเสียใจเอาตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์ ต่อให้เขาอธิบายว่าตัวเองไม่เคยแตะต้องหร่วนเซียงเซียงแม้แต่ครั้งเดียว แต่มันก็คงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น จู่ๆ เขาก็คิดอะไรขึ้นมาได้… 

 

 

เธอเห็นสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปของเขาแล้วรู้สึกเย็นเยือกถึงขั้วหัวใจ “คุณปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน!” เสียงกรีดร้องหวีดแหลมของเธอคงดังทะลุออกไปนอกกระจกหน้าต่างแล้ว 

 

 

จิ้นหยวนค่อยๆ ยกมือขึ้น เฉียวซือมู่เหมือนจะเดาออกแล้วว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร นี่เขาคิดจะใช้กำลังพาเธอกลับไปสินะ เธอกลัวจนตัวสั่นเทา “จิ้นหยวน คุณอย่าบังคับให้ฉันต้องเกลียดคุณเลยนะ!” 

 

 

ดวงตาดั่งมหาสมุทรลึกล้ำจ้องมองเธอนิ่ง ราวกับกำลังตัดสินใจครั้งสุดท้าย ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเด็ดขาด ยกมือขึ้นสูง… 

 

 

“ก๊อกๆๆ…” 

 

 

ทั้งสองตัวแข็งทื่อ หันไปมองพร้อมกัน 

 

 

“เฉียว คุณอยู่บ้านหรือเปล่า?” เสียงคริสดังมาจากนอกประตู 

 

 

จิ้นหยวนหน้าดำถมึงทึง ส่วนเฉียวซือมู่รู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งหนีรอดจากความตาย เธอถอนหายใจโล่งอกเฮือกใหญ่ 

 

 

เธอกระซิบเสียงเบา “ถ้าอยากให้เขาแจ้งตำรวจ คุณก็ทำต่อเลย” 

 

 

จิ้นหยวนชะงักนิ่งอึ้ง ก้มหน้ามองเธอนิ่ง 

 

 

เธอแกะมือเขาที่กำลังจับแขนเธอแน่นออก ค่อยๆ เบี่ยงตัวออกจากวงแขนของเขา 

 

 

ด้านนอกประตู คริสเคาะประตูอย่างร้อนรน “เฉียว คุณอยู่หรือเปล่า? ถ้าอยู่ก็ตอบผมสักคำ” 

 

 

ในที่สุดเธอก็หลุดจากพันธนาการของเขา เธอถอนหายใจโล่งอกพลางก้าวเท้าถอยหลังสองก้าว “ฉันจะไปเปิดประตู” 

 

 

จิ้นหยวนขยับริมฝีปากเล็กน้อยแต่กลับพูดอะไรไม่ออก 

 

 

เธอหมุนตัวเดินออกไปเปิดประตูออก 

 

 

คริสยืนเป็นห่วงอยู่หน้าประตู พอเห็นเธอยืนอยู่หลังประตูจึงถอนหายใจโล่งอกอย่างไม่ปิดบัง “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมไม่ไปทำงานแล้วยังไม่รับโทรศัพท์อีก?” เอ่ยจบพลางกวาดสายตาสำรวจเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จากนั้นเอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจ “ทำไมดูคุณไม่ค่อยเหมือนเดิม?” 

 

 

ความรู้สึกเขาไวใช่เล่น เธอแอบยิ้มในใจ แต่ไม่มีทีท่าจะเชิญเขาเข้ามาในห้องสักนิด เพราะเธอตั้งใจยืนขวางอยู่ตรงประตูโดยไม่ขยับเขยื้อน “ฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ พอดีเมื่อคืนสภาพจิตใจฉันไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ก็เลยนอนไม่หลับ เพิ่งจะหลับเป็นตายเมื่อเช้านี้เอง ก็เลยไม่ได้รับสายของคุณน่ะค่ะ” 

 

 

“เหรอครับ?” สายตาของเขาเผยแววสงสัย ต้องหลับเป็นตายขนาดไหนถึงไม่ได้ยินเสียงไม่ได้รับสายมากมายขนาดนี้? พลันรู้สึกว่าเธอกำลังปิดบังอะไรเขาอยู่ 

 

 

แต่พอสำรวจสีหน้าเธออย่างละเอียดแล้ว เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเธอมีเลือดฝาด สีหน้าดูดีกว่าก่อนหน้านี้เยอะมาก ถ้าเช่นนั้น เธอคงสบายดี 

 

 

เขามองดูท่ายืนของเธอแล้วเอ่ยขึ้น “ผมคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณเสียอีก ก็เลยรีบมาดูคุณ ถ้าเมื่อกี้คุณยังไม่มาเปิดประตูอีก ผมกะจะแจ้งความแล้วเนี่ย จะว่าไป เห็นแก่ที่ผมเป็นห่วงคุณมากขนาดนี้ คุณไม่คิดจะเชิญผมเข้าไปนั่งหน่อยเหรอครับ?” 

 

 

“ไม่ดีกว่าค่ะ” เธอฝืนยิ้ม ไม่ต้องหันกลับไปมองเธอก็รู้สึกถึงแผ่นหลังของตัวเองที่ร้อนผ่าวราวถูกเปลวเพลิงแผดเผา “อย่าดีกว่าค่ะ ฉันยังไม่ได้เก็บห้อง ตอนนี้ห้องรกมาก เอาไว้คราวหน้าดีกว่าค่ะ” 

 

 

ขืนปล่อยเขาเข้ามา มีหวังจิ้นหยวนจอมขี้หึงต้องอาละวาดบ้านพังแน่ ให้เขาเข้ามาไม่ได้เด็ดขาด! 

 

 

คริสเห็นรอยยิ้มฝืดฝืนของเธอแล้วยิ่งสงสัยหนักเข้าไปใหญ่ เขาครุ่นคิดว่าทำไมเธอถึงดูผิดปกติแบบนี้ จากนั้นเอ่ยถามขึ้นใหม่ “อย่างนั้นเหรอครับ? พรุ่งนี้ก็สุดสัปดาห์แล้ว เรื่องที่ผมขอให้คุณไปที่บ้านผม คุณคิดไปถึงไหนแล้วครับ? ผมไม่มีรสนิยมแปลกๆ หรอกนะ คุณสบายใจได้” 

 

 

เธอได้ยินคำพูดของเขาแล้วกล้ามเนื้อบนใบหน้าแข็งเกร็งขึ้นมาในบัดดล เจ้านาย จะพูดจะจาอะไรอย่าให้มันคลุมเครือไม่ชัดเจนแบบนี้ได้หรือเปล่า? อะไรคือขอให้ฉันไปที่บ้านคุณ? ทั้งๆ ที่แค่ไปช่วยคุณทำอาหารเท่านั้นไม่ใช่เหรอ? 

 

 

แล้วแบบนี้จะอธิบายอย่างไรดีล่ะ? 

 

 

เธอตัดสินใจแล้วว่าต้องรีบไล่เขากลับไปให้เร็วที่สุด เขายังคงพยายามยื่นหน้ามองเข้าไปข้างในห้อง ไม่รู้ว่าเห็นจิ้นหยวนหรือยัง เธอร้อนใจมาก สองมือจับหมับลงบนแขนของเขา “ห้องฉันรกมาก ไม่มีอะไรน่าดูหรอกค่ะ ไปค่ะ เดี๋ยวฉันไปส่งคุณข้างล่างนะคะ” 

 

 

คริสเหล่มองสองมือของเธอด้วยความประหลาดใจ จากนั้นหันกลับมามองหน้าเธอ “เฉียว นี่เป็นครั้งแรกที่คุณ…” ยังไม่ทันเอ่ยจบ ทันใดนั้น เงาดำปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาแวบหนึ่ง จากนั้นกำปั้นหนักๆ ลอยเข้าหาเขาอย่างจัง  

 

 

เขาตกใจเล็กน้อย แต่เขาออกกำลังกายเป็นประจำ ร่างกายจึงมีปฏิกิริยาตอบสนองโดยอัตโนมัติ เขารีบก้าวเท้าถอยหลังอย่างว่องไว เบี่ยงกายหลบกำปั้นได้อย่างหวุดหวิด 

 

 

เฉียวซือมู่รู้สึกตัวอีกทีก็ถูกจิ้นหยวนกอดเอวเอาไว้แน่นแล้ว 

 

 

เธอหันหน้าไปมองจิ้นหยวนอย่างเซ็งๆ เพิ่งเห็นว่าเขาหน้าดำถมึงทึงจนดูน่ากลัวมาก เธอได้แต่ถอนหายใจเบาๆ อย่างปลงๆ “เขาเป็นเจ้านายฉันเอง…” 

 

 

แล้วตอนนี้จะพูดอะไรต่อดีล่ะ? 

 

 

คริสเพิ่งหลบกำปั้นของเขาได้อย่างหวุดหวิดเพียงเส้นยาแดงผ่าแปดจนเหงื่อแตกพลั่ก “เฉียว ผู้ชายคนนี้เป็นใคร?” 

 

 

เขาไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม ทำไมถึงมีผู้ชายอยู่ในห้องเธอ แล้วยังจะต่อยเขาอีกต่างหาก อย่าบอกนะว่าเป็นคนร้าย? มิน่าเล่า เธอถึงไม่ยอมให้เขาเข้าไปในห้องเสียที 

 

 

ให้ตายสิ เขาควรจะเชื่อคำพูดเธอแล้วรีบแอบไปแจ้งตำรวจ! 

 

 

เขาคิดว่าตัวเองเดาถูกแล้ว ดวงตาสีเขียวเย็นเยียบมองไปยังจิ้นหยวนอย่างไม่เป็นมิตร “คุณผู้ชายท่านนี้ สุภาพบุรุษเขาไม่บังคับข่มขู่สุภาพสตรีแบบนี้หรอกนะ คุณปล่อยเธอเถอะนะ” 

 

 

คำพูดของเขาทำเอาเฉียวซือมู่ตะลึงงัน เธอมองหน้าเขาพลันสังเกตเห็นสีหน้าเขาเคร่งเครียดมาก จึงเอ่ยขึ้น “คริสคะ เขาไม่ใช่…” 

 

 

เธอเอ่ยได้เพียงครึ่งเดียวก็ถูกจิ้นหยวนใช้แรงรัดรึงเอวเธอแน่นขึ้นอีกจนเธอหายใจแทบไม่ออก คำพูดที่เหลือก็พูดไม่ออกแล้วเหมือนกัน 

 

 

เธอหน้าถอดสี นี่จิ้นหยวนคิดจะทำอะไรกันแน่?