บทที่ 395 เขาแตกสลายอย่างละเอียด

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 395 เขาแตกสลายอย่างละเอียด
เส้นหมี่กลับบ้านพร้อมกับรินจังอย่างผิดหวัง

เมื่อเห็นท่าทีผิดหวังของหม่ามี๊ รินจังก็รู้สึกเป็นทุกข์: “หม่ามี๊ ทำไมแด๊ดดี้ไม่มาทานข้าวเย็นละคะ เขาไม่ต้องการเราแล้วเหรอคะ?”

เส้นหมี่:“……”

หล่อนไม่รู้จะตอบลูกอย่างไร

แต่เขาไม่ต้องการพวกเราแล้วจริงๆเหรอ?

ไม่ได้ ในเมื่อหล่อนได้เริ่มเดินหน้าถ้างั้นหล่อนจะไม่ยอมให้เขาไม่ต้องการพวกเราไม่ได้

เส้นหมี่ฟื้นจิตวิญญาณการต่อสู้ของหล่อน หล่อนกอดร่างนุ่มฟูของลูกสาวของหล่อน: “ไม่หรอก แด๊ดดี้แค่ยุ่งมาก ถ้าเป็นแบบนี้พรุ่งนี้พวกเราจะเข้าไปที่เรือนรองเพื่อเรียกพวกพี่ๆและแด๊ดดี้มาทานข้าวดีไหม? ”

“ดีค่ะ ดีค่ะ!”

เกี๊ยวน้อยปรบมือทันทีและยิ้มอย่างมีความสุข

ต้องการที่จะหลบหน้าหล่อนเหรอ?

ได้ ถ้าอย่างนั้นหล่อนจะไปหาเองและดูสิว่าเขายังหลบไปที่ไหน?

แววตาของเส้นหมี่เปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น

เรือนรองตึกวังฬาหนึ่ง

หลังจากที่เจ้าตัวแสบทั้งสองกลับมา พวกเขาก็ไม่พอใจและรีบขึ้นไปที่ชั้นสามเพื่อไปหาแด๊ดดี้ที่อยู่ในห้องหนังสือทันที

“แด๊ดดี้ครับ ทำไมแด๊ดดี้ไม่ไปทานข้าวเย็นที่บ้านคุณปู่ หรือแด๊ดดี้จงใจไม่ไปครับ?”

“อิคคิวพูดแบบนี้ไม่ถูกนะ แด๊ดดี้จะจงใจไม่ไปได้ยังไง? แด๊ดดี้กำลังยุ่งอยู่กับงาน?”

แครอทก็อยู่ในห้องหนังสือเช่นกันเมื่อหล่อนเห็นเด็กสองคนทันทีที่เพิ่งกลับมาก็พุ่งมาถามพ่อด้วยความโกรธ หล่อนก็รีบให้เหตุผลในการปฏิเสธทันที

เมื่ออิคคิวได้ฟัง เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก

“คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระ เห็นได้ชัดว่าคุณไม่ยอมให้แด๊ดดี้ไป กลัวว่าเขาจะเจอหม่ามี๊ คุณคิดว่าผมไม่รู้ความคิดของผู้หญิงเลวอย่างคุณเหรอ!”

“แก——”

แครอทโกรธมาก “ปึง!”หล่อนลุกขึ้นจากโซฟาทันที

เมื่อชินจังเห็นแบบนั้น จึงรีบดึงน้องชายของเขาไปข้างหลังเขาอย่างรวดเร็ว: “คุณจะทำอะไร?”

แม้ว่าเขาจะยังเด็ก แต่น้ำเสียงของเขาเย็นชาไม่น้อยไปกว่าพ่อของเขา

เลือดของแครอทพลุ่งพล่านขึ้นด้วยความโกรธ

ในท้ายที่สุดหล่อนพยายามหายใจเข้าลึกๆ แล้วจึงเดินไปหาชายที่นั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะ: “แสนรัก คุณไม่สนใจลูกสองคนของคุณเลยงั้นเหรอ ถึงปล่อยให้พวกเขาใส่ร้ายฉันแบบนี้”

หล่อนเรียกชื่อและนามสกุลของเขาโดยไม่มีคำนำหน้าอย่างไม่เกรงใจอะไร ซึ่งแตกต่างจากแป้งร่ำที่เคยประจบสอพลออย่างระมัดระวัง

แต่หล่อนไม่รู้ตัวว่าตอนนี้จิตใจของหล่อนเปลี่ยนไป

เมื่อก่อนถ้าหล่อนเจอเรื่องแบบนี้ หล่อนคงระเบิดอารมณ์ไปเลย!

แต่ไม่ใช่ตอนนี้ แม้ว่าตัวหล่อนเองก็ยังไม่รู้ แต่ก็มักจะแสดงเจตนาที่จะเอาใจผู้ชายคนนี้เสมอ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม

แสนรักปิดสมุดบันทึก

เขาเพิ่งอาบน้ำและมีกลิ่นหอมน้ำจาง ๆ หลังจากเปลี่ยนชุดลำลองสีเทา เขาก็ขี้เกียจและง่วง ความเย็นชาบนร่างกายของเขาถูกปกปิดไว้มาก

แต่ด้วยเหตุนี้ ความเย็นชาระหว่างคิ้วและดวงตาของเขาจึงดูหนาขึ้น ราวกับลำธารในฤดูใบไม้ร่วง และแววตาจางๆ ของเขาช่างเย็นยะเยือกอย่างน่าอัศจรรย์

“ชินจัง พาน้องชายของลูกไปนอนก่อน”

“ทำไม?”

“ก็เพราะวันนี้ลูกไปเล่นบ้านปู่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากแด๊ดดี้ อิคคิวแด๊ดดี้อดทนกับลูกมามากแล้ว หากลูกอยากไปเจอหม่ามี๊ แด๊ดดี้ก็จะไม่ห้าม แต่ถ้ามีได้คืบจะเอาศอกแล้วละก็ อย่าโทษแด๊ดดี้ทีหลังแล้วกัน!”

แสนรักพูดอย่างแข็งทื่อ ดวงตาของเขาเย็นชา และเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น

อิคคิวที่ยืนอยู่ข้างหลังของพี่ชายตาก็เริ่มแดงทันที

“แด๊ดดี้บ้า ผมไม่รักแด๊ดดี้แล้ว!”

เขาวิ่งหนีไปร้องไห้ และเป็นเวลานานที่ได้ยินเสียงร้องไห้ของเขาที่ชั้นบน

ชินจังก็โกรธจนหน้าเขียว

เขาจ้องไปที่แด๊ดดี้อย่างโกรธจัด และหลังจากนั้นไม่นานก็เห็นว่าเขาหันหลังเดินจากไป ไล่ตามน้องชายของเขา

แครอทที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นแบบนั้นก็รู้สึกซะใจ

“เอาละ พวกเขาเป็นเด็ก คุณอย่าโกรธเลย คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขาไปจะได้อะไร?”

หล่อนแสร้งทำเป็นเป็นคนใจกว้างและเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง แต่ในความเป็นจริงในใจของหล่อนกำลังเบ่งบานอยู่

เมื่อเส้นหมี่เพิ่งกลับมาถึงก็เริ่มกังวลใจ

หล่อนกลัวว่าชายคนนี้จะกลับไปหาหล่อนอีก หรือว่าเขาสองคนจะปรากฏตัวขึ้นอีก

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้ชายคนนี้ไม่แยแสและรังเกียจผู้หญิงคนนั้นสามารถยืนยันได้อย่างแน่นอนว่าในครั้งนี้ความทรงจำของเขาถูกลบไปแล้ว

แครอทเดินออกไปอย่างมีความสุข

ไม่กี่นาทีต่อมา แสนรักก็ลงมาที่ชั้นล่างและคิดว่าจะเดินไปดูเด็กทั้งสองคน

“คุณผู้ชายลงมาแล้วเหรอคะ เด็กทั้งสองคนหลับไปแล้วค่ะ”

เป็นพี่ภานั้นเอง หลังจากที่หล่อนได้ยินเสียงร้องของอิคคิว หล่อนก็รีบขึ้นมาปลอบพวกเขา

แสนรักพยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเหลือบมองไปยังห้องเด็กที่อยู่ด้านหน้า เขาเช็คว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ และหันกลับไปทันทีเพื่อเตรียมขึ้นชั้นบนไปยังห้องนอนของเขา

“คุณผู้ชายคะ เดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันมีอะไรจะพูดด้วยหย่อยค่ะ” จู่ๆ พี่ภาที่ยืนอยู่ด้านหลังก็เรียกเขา

สำหรับคนรับใช้ที่ดูแลเขามาหลายปีแล้ว เขามีท่าทีที่สุภาพต่อหล่อน เขาหยุด และหันมามองหล่อน

พี่ภากลืนน้ำลายแล้วพูดว่า “คุณผู้ชายคะ ลูกๆยังเล็ก พวกเขาไม่เข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่ สิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดในเวลานี้คือการให้พ่อกับแม่อยู่ด้วยกัน ดังนั้นคุณผู้ชาย ถ้าความต้องการของพวกเขาไม่มากเกินไป และถ้าคุณชายพอมีเวลา คุณก็คงพอทำสิ่งที่พวกเขาหวังได้บ้าง”

สิ่งที่พี่ภาพูดในครั้งนี้ช่างกล้าหาญยิ่งนัก และก้าวข้ามสถานะคนรับใช้ไปอย่างสิ้นเชิง

ใบหน้าก็แสนรักก็เริ่มคิดหนักขึ้นมา