ภาค 4 กวาดล้างหมื่นลี้ บทที่ 368 การโจมตีอันน่าประหลาด

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ปีศาจออัคคีอาจจะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ที่คุ้มกันอยู่ที่ทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกเอง ก็น่าจะเห็นเงื่อนงำบ้างแล้ว จึงเตรียมพร้อมและเฝ้าระวัง

ฟู่เอินซู ผู้อาวุโสระดับหนึ่งจากเขากว่างเฉิงที่พักอยู่ ณ ทะเลตะวันออกเป็นการชั่วคราว ร่วมมือกับอีกหลายคนป้องกันปีศาจอัคคี ส่งรายงานกลับมาที่สำนักโดยเฉพาะ

ขุมกำลังของสำนักอื่นได้รับข่าวที่ส่งมาจากผู้รับผิดชอบ ที่พักอยู่ในทะเลตะวันออกเช่นกัน

เมื่อเจอกับผลกระทบเช่นนี้ สงครามเย็นระหว่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เดิมทีตึงเครียดก็ผ่อนคลายลง

ทว่าทุกดินแดนล้วนมีแผนของตนเอง หลังจากผ่านสงครามกว่างเฉิง ระหว่างเขากว่างเฉิงกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาต ตัดสินแพ้ชนะกันไม่ได้

สำนักสุริยันศักดิสิทธิ์ในตอนนี้มีความสัมพันธ์กับเขากว่างเฉิงเลวร้าย ยิ่งกว่าเมืองทะเลมรกตเสียอีก

สถานการณ์ของตำหนักอัสนีสวรรค์และเขากว่างเฉิงก็ตึงเครียดเช่นกัน

ตอนนี้บรรยาการค่อยๆ ผ่อนคลายขึ้น เพียงเพราะมหาอำนาจแปดพิภพกำลังเชิญหน้ากับศัตรูร่วมกันเท่านั้น

เมิ่งหว่าน ศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ผู้ครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์อย่างมงกุฎจันทรา ได้นำมงกุฎจันทรามายังทะเลตะวันออกแล้ว

ณ ที่นั้น อันชิงหลิน ผู้คุมหอคลื่นโหม จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์พลิกเมฆาก็มาถึงแล้วเช่นกัน

“นอกจากนั้น ได้ติดต่อเฉินลี่ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าสีดำ เจ้าตำหนักอัสนีสวรรค์แล้ว ทั้งยังมีปราชญ์ภาพวาดด้วยอีกคน” อาหู่รายงานให้เยี่ยนจ้าวเกอฟัง “ปราชญ์ภาพวาดยังพอเป็นไปได้ว่าจะเดินทางมา แต่ไม่อาจยืนยันได้ว่าเฉินลี่จะออกจากอัสนีพิภพมาหรือไม่

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “เช่นนั้นคงต้องดูว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรแล้ว”

อาหู่กลืนน้ำลาย “คุณชาย ว่ากันว่าหลายปีมานี้ปีศาจอัคคีค่อยๆ ฟื้นกำลังขึ้น ท่านว่าจะเกิดปีศาจอัคคีระดับมหาราชันอีกหรือไม่”

คุณชายเยี่ยนเงยหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “เรื่องนี้บอกได้ยากยิ่ง สงครามภายในของปีศาจอัคคีเองก็รุนแรงมาก ในสถานการณ์เช่นนี้มีความเป็นไปได้ว่าเสียเปรียบจากภายใน และเป็นไปได้ว่าจะเร่งให้เกิดผู้ปกครองเหนือธรรมดาเช่นการเลี้ยงแมลงกู่[1]”

เขามองอาหู่ “เอาเป็นว่าให้จับตาดูการเคลื่อนไหวทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกอย่างใกล้ชิด มีข่าวอะไรให้รายงานข้าทันที”

อาหู่พยักหน้า “ขอรับคุณชาย”

ไม่ทันไรก็มีข่าวส่งกลับมา ราชันปีศาจอัคคีสองตัวนำยอดฝีมือเผ่าปีศาจอัคคีจำนวนมากเดินทางมาถึงทะเลตะวันออกแล้ว

อันชิงหลินกับมงกุฎจันทราดักซุ่มโจมตีศัตรูได้ ยอดฝีมือเผ่ามนุษย์กับยอดฝีมือเผ่าปีศาจอัคคีโรมรันกันอย่างดุเดือดบนทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออก เกิดการเข่นฆ่ากันอย่างรุนแรงยิ่งนัก

ทว่าสถานการณ์ของมหาอำนาจแปดพิภพยังคงไม่สงบ

หลังจากความวุ่นวายที่เกิดจากปีศาจอัคคีรุนแรงยิ่งขึ้น ทะเลตะวันออกในตอนนี้จึงเกิดสงครามติดต่อกัน

ตอนที่ทะเลสาบปิดนภาเกิดการเปลี่ยนแปลง และตอนที่เกิดสงครามกว่างเฉิง ขณะนั้นมีการติดต่อจากบึงน้ำไร้ขอบเขต ทำให้ปีศาจอัคคีโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ทุกครั้งมีราชันปีศาจอัคคีเข้าสู่มหาอำนาจแปดพิภพมากกว่าหนึ่งตัว ภายในบึงน้ำไร้ขอบเขตก็จะมีความวุ่นวายเกิดขึ้น ณ นพยมโลก บีบบังคับให้เผ่ามนุษย์จำเป็นต้องส่งยอดฝีมือระดับเดียวกันไปรับมือ

ดังนั้นตอนนี้ปีศาจอัคคีสองตัวเข้าสู่ทะเลตะวันออก จึงไม่ได้ทำให้จอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ประหลาดใจนัก

สิ่งที่ทุกคนเป็นห่วงในตอนนี้ก็คือ เผ่าปีศาจอัคคียังมียอดฝีมือรอเข้ามาสนับสนุนในมหาอำนาจแปดพิภพอีกหรือไม่

เยี่ยนจ้าวเกอเปิดใช้เตาผลึกหินชั้นใน ตั้งใจสร้างน้ำแข็งย้อยเก้าแท่งนั้นต่อ

แต่ว่าอาหู่กลับส่งข่าวร้ายมาอย่างรวดเร็ว

“ร่องรอยหายไป?” เยี่ยนจ้าวเกอมองอาหู่ที่แทบจะพังประตูเข้ามาด้วยประหลาดใจ “ร่องรอยของพวกปีศาจอัคคีหายไปอย่างนั้นหรือ”

อาหู่สีหน้าจริงจังยิ่ง “สถานการณ์โดยรวมยังไม่แน่ชัด พวกผู้อาวุโสฟู่แทบจะคลั่งอยู่แล้ว”

“ยอดฝีมือฝั่งปีศาจอัคคีจำนวนมากหายไปโดยมีราชันปีศาจอัคคีสองตัวเป็นผู้นำ พวกมันหลุดพ้นจากพวกผู้คุมหอและพวกผู้อาวุโสฟู่ ไม่ทราบว่าไปที่ใดกันแน่”

เยี่ยนจ้าวเกอพลันขมวดคิ้ว “นี่เหนือความคาดหมายไปบ้าง พวกมันทำได้อย่างไร”

ปีศาจอัคคีอันตรายยิ่ง ขอแค่พวกมันอยู่ในมหาอำนาจแปดพิภพ เพียงยืนอยู่เฉยๆ ก็ทำลายปราณวิญญาณในใต้หล้าได้แล้ว ส่งผลกระทบเสียหายต่อมหาอำนาจแปดพิภพอย่างหนัก

ยิ่งปีศาจอัคคีมีพลังฝึกปรือแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งส่งผลกระทบรุนแรงมากเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ยากจะปกปิดร่องรอยของตนเองด้วย

ปีศาจอัคคีที่มีพลังใกล้เคียงกับจอมยุทธ์ระดับมหาปรมาจารย์เผ่ามนุษย์ยังพอทำเนา เมื่อเลื่อนสู่ระดับที่สูงกว่านั้น เกรงว่าพวกมันแทบซ่อนตัวไม่ได้

ต่อให้ปีศาจอัคคีระดับสูงเก็บลมปราณของตนเอง หลบซ่อนจากจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ที่มีพลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำได้ ทว่าก็ยากจะปิดบังจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ที่มีระดับเดียวกัน

อีกทั้งพวกมันทุกตัวจะเปล่งประกายดั่งเปลวไฟในยามค่ำคืน

แต่ว่าตอนนี้ ปีศาจอัคคีจำนวนมากสลัดหลุดจากจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างอันชิงหลิน สลัดหลุดจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์อย่างมงกุฎจันทรา และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยจริงๆ

สิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษก็คือ ขณะนี้ไม่ได้มีแต่ราชันปีศาจอัคคีที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเท่านั้น ปีศาจอัคคีตัวก็หายตัวไปด้วยเช่นกัน

ดวงตาของเยี่ยนจ้าวเกอปรากฏความเคร่งเครียดในทันที

เขาผลักประตูออกจากห้องพักที่ตนเองเข้าฌาน บัดนี้เมืองทะเลมรกตเงียบงันนัก

จอมยุทธ์ระดับกลางและต่ำไม่ทราบเรื่องที่เจ้าเมืองซ่งอู๋เลี่ยงเข้าฌานบำเพ็ญเพียร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชาวบ้านในเมืองชั้นนอก

ทว่าจอมยุทธ์ระดับสูงของเมืองทะเลมรกตกลับล่วงรู้ บัดนี้ทั้งเมืองตกอยู่ในช่วงที่เปราะบางที่สุดพอดี คล้ายกับเขากว่างเฉิงตอนที่หยวนเจิ้งเฟิงเข้าฌานเพื่อเลื่อนขั้นเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์

การเปลี่ยนแปลงอันแปลกประหลาดของสถานการณ์รบที่ทะเลตะวันออก ดึงดูดความสนใจของคนระดับสูงในเมืองทะเลมรกตแล้ว

เพื่อหลีกเลี่ยงความกลัวที่ไม่จำเป็น ถึงแม้จะไม่ได้แจ้งให้ทุกคนทราบ แต่ทั่วทั้งเมืองทะเลมรกตก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว

บนเกาะมังกรบูรพาเริ่มเฝ้าระวังอันตราย กองทัพป้องกันเมืองของเมืองทะเลตะวันออกเองก็เตรียมเพิ่มระดับการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่

เยี่ยนจ้าวเกอลอยตัวขึ้นไปบนอากาศ ก่อนจะห็นบนขอบฟ้าทั้งสี่ด้านมีกระแสน้ำซัดขึ้นมาอยู่ไกลๆ!

น้ำทะเลมหาศาลก่อให้เกิดคลื่นยักษ์สูงเทียมฟ้า พุ่งมาจากทุกทิศทุกทาง

เกาะมังกรบูรพาที่ใหญ่โตเหมือนกับทวีปเล็กๆ ในตอนนี้คล้ายกับกำลังจมลง เพราะถูกมหาสมทุรกลบฝัง!

ม่านน้ำที่ไหลเชี่ยวโหมขึ้นสู่ท้องนภา ปิดบังพระอาทิตย์และท้องฟ้าในพริบตา

เกาะมังกรบูรพาในตอนนี้คล้ายกับเป็นโลกใต้บาดาล

ลวดลายของค่ายกลที่ทั้งลี้ลับและซับซ้อนหลายเส้นสายเปล่งแสงสีมรกตออกมา พลางสั่นไหวเชื่อมต่อกันเป็นค่ายกลขนาดยักษ์ภายในม่านน้ำของมหาสมุทร และครอบคลุมเกาะมังกรบูรพาเอาไว้ โดยมีเมืองทะเลมรกตเป็นศูนย์กลาง

อาหู่กล่าวชมเชย “นี่คือค่ายกลคุ้มภูผาที่ไร้ขีดจำกัดของเมืองทะเลมรกตกระมัง ช่างน่าตื่นตะลึงจนตาค้างเสียจริงๆ…”

ยังไม่ทันกล่าวจบ อาหู่พลันเบิกตากว้าง ดวงตาเกือบจะถลนออกมา

เยี่ยนจ้าวเกอกลับด้านบนสุดของค่ายกลอย่างไม่วางตา

ตรงนั้นพลันมีลำแสงสีแดงเพลิงพวยพุ่งสู่ส่วนบนของค่ายกลม่านน้ำ!

ถึงแม้ว่าจะกั้นไว้ด้วยน้ำทะเล แต่ว่าเปลวไฟอันไร้ที่สิ้นสุดก็โหมอย่างบ้าคลั่ง คล้ายกับต้องการเผาน้ำทะเลให้ติดไฟ

แสงสีแดงอันรุนแรงก่อตัวเป็นร่องรอยสีแดงที่ดุร้ายและน่ากลัวบนม่านน้ำเหนือเมืองทะเลมรกต แผ่ขยายจากปลายท้องฟ้าด้านหนึ่งไปถึงอีกด้านหนึ่ง โดดเด่นเหมือนกับแผลฉกรรจ์!

สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ ไม่ทันไรก็มีไฟรุนแรงอีกสายพุ่งลงมาอีกครั้ง ตัดกับรอยนั้นเป็นแนวตั้งแนวนอนเหมือนกับไม้กางเขน

กางเขนเพลิงทำให้ลวดลายบนค่ายกลม่านน้ำแตกสลายแทบจะทันที

ทะเลสีมรกตเหนือศีรษะราวกับกำลังถูกฉีก!

เยี่ยนจ้าวเกอมองภาพนี้ ม่านตาค่อยๆ หดตัวลง ‘พวกมันมาที่นี่นี่เอง….’

……………………………………….

[1] แมลงกู่ เป็นแมลงพิษในเรื่องเล่าของจีน วิธีเลี้ยงคืนจับแมลงพิษหลายชนิดมารวมกันในโหล จากนั้นก็ปล่อยให้ฆ่ากันเอง ตัวใดรอดก็กลายเป็นแมลงกู่ไป