ตอนที่ 954 โอกาสและโชคชะตา

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

ตอนที่ 954 โอกาสและโชคชะตา

 

หยางโปหันไปมองหลูตงซิง “ คุณคิดว่าโจวซินคนนี้เป็นคนยังไง ? ”

 

หลูตงซิงนิ่งอึ้งไปทันที เขาเข้าใจความหมายของหยางโปดี ก่อนหน้านี้เขาคิดมาตลอดว่า

 

ในเมื่อหยางโปสงสัยเสวียนจงแต่ทำไมยังมอบหมายเรื่องนี้ให้เสวียนจงเป็นคนไปตรวจสอบอยู่อีก ? ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่ใช่หยางโปประมาท แต่เพราะเขาไม่คิดที่จะสอบสวนเรื่องนี้ลงลึกไปกว่านี้ !

 

สำหรับโจวซินนั้น หลูตงซิงถึงกับส่ายหน้า “ โจวซินดูเหมือนจะไร้เดียงสา แต่กลับฉลาดแกมโกงเหมือนสุนัขจิ้งจอก เขาชอบเล่นการพนันและประเวณี มีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยดี ! ”

 

หยางโปพยักหน้า ” ถ้าเรื่องนี้ไม่สามารถสอนบทเรียนให้เขาได้ ผมคิดว่าเขาคงไม่มีวันโตขึ้นอีกแล้ว ! ”

 

หลูตงซิงพยักหน้า “ นายพูดถูก เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็สามารถทำให้เขาเติบโตขึ้นได้ ก่อนหน้านี้นายบอกว่าเขามีความสัมพันธ์บางอย่างกับคุณเยว่จวิ้นเหยา แต่ตอนนี้มาคิดๆดูแล้ว

 

เขาแตกต่างจากคุณเยว่อย่างสิ้นเชิง คุณเยว่ใสซื่อไร้เดียงสา ไหนเลยที่คนอย่างเขาจะเทียบติดได้ ? ”

 

หยางโปเอ่ยปากพูด “ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ถ้าเขายังต้องการอยู่ที่ชุมนุมยุทธภพต่อ เราก็ไม่ต้องพูดอะไร และกลับจินหลิงเลยก็จบ ”

 

หลูตซิงพยักหน้า “ ตกลง ! ”

 

ทั้งสองถึงได้แยกย้าย หลูตงซิงกลับไปที่ห้อง นำชิ้นส่วนโสมอายุกว่าร้อยปีที่นำมาด้วยใส่เข้าไปในปาก และเริ่มฝึกฝนอย่างอดทน โสมอายุนับร้อยปีต้นนี้หยางโปได้สั่งกำชับให้เขาเตรียมมาด้วยนานแล้ว พลังของยาโสมพันปีแข็งแกร่งเกินไป เขาทนรับไม่ไหว โสมคนอายุร้อยปี ดีกว่าเยอะ

 

เช้าวันรุ่งขึ้น หยางโปออกไปฝึกมวยเยว่เจียในสวนสาธารณะใกล้ๆ และเริ่มเรียนรู้วิทยายุทธเรียกลมฝน ในระหว่างที่เขาฝึกฝนวางท่วงท่าอยู่นั้น กลับไม่ได้ใช้พลังเลย แต่ยังคงสามารถสัมผัสได้ถึงลมพัดเบารอบๆตัวได้

 

จากนั้น หยางโปก็วาดท่วงท่าตาม มังกรเดินตัวที่สอง มังกรเดินชุดนี้เป็นวิทยายุทธเต๋าบทหนึ่ง

 

นี่เป็นชุดที่หยางโปได้ตรวจสอบยืนยันมานานแล้ว แค่ไม่มีคำอธิบายเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น มันยากมากที่จะฝึกฝนทั้งหมดออกมาได้ ท่วงท่าของมังกรเดินตัวที่สอง เขาเรียนรู้ท่วงท่าตามอยู่หลายเดือน แต่ก็ยังรู้สึกยากเย็นแสนเข็ญ

 

แน่นอน ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ ระดับที่บรรลุถึงของเขายังไม่เพียงพอ ดูเหมือนมันยากที่จะถ่ายทอดออกมา

 

หลังจากพยายามลองมาหลายครั้ง แต่ก็ยังคงล้มเหลวอยู่ดี แต่หยางโปไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านกับมันมานานแล้ว เขาหดมือกลับมาและวางมือลง และยืนนิ่งอยู่กับที่

 

หลูตงซิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล ถึงได้เดินเข้ามา ” นี่นายฝึกฝนอะไรอยู่งั้นเหรอ ? ”

 

“ เป็นศิลปะการต่อสู้แขนงหนึ่งน่ะ คุณปู่เย่วจวิ้นเหยาสอนศิลป์การต่อสู้ให้ผม อันที่จริงถ้าคุณฝึกมวยไท่เก๊ก มันอาจจะมีผลดีต่อการฝึกพลังมากกว่านะ ” หยางโปกล่าว

 

หลูตงซิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อนึกถึงเมื่อสักครู่ที่หยางโปฝึกรำมวยไท่เก๊กอยู่ เขาก็พยักหน้าลงเล็กน้อย ” ตกลง กลับไปฉันจะไปเรียนไท่เก๊ก ”

 

เมื่อทั้งสองกลับมาถึงโรงแรม หลังจากกินอาหารเช้าแล้ว หยางโปกลับไม่เห็นโจวซินมาหา

 

เขาจึงขมวดคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้ เวลาแบบนี้ โจวซินไม่ควรรีบมาขอบคุณสักหน่อยหรอกหรือไง ?

 

นี่มันน่าจะเป็นมารยาทและความเคารพขั้นพื้นฐานที่สุด อย่างน้อยเมื่อวานนี้ก็เป็นเพราะหยางโป เขาถึงไม่ต้องจ่ายหนี้ห้าสิบล้านที่ค้างชำระอยู่

 

หลูตงซิงถือคอมพิวเตอร์ กำลังเคลียร์งานผ่านทางอีเมล จู่ๆเขาก็เงยหน้าขึ้นมองหยางโป “ เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดในบ้านพักตากอากาศเมื่อวานหลังนั้น ทั้งหมดใช้ไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะในห้องที่เลอะเทอะไปหมด ตอนนี้ฉันกำลังจัดทีมวิศวกรไปซ่อมแซมตกแต่ง ถ้าซ่อมแซมและตกแต่งเสร็จแล้ว ก็จะขายออกไปเลยนะ ? ”

 

หยางโปนิ่งไปครู่หนึ่ง กำหมัดแน่น “ เอาไว้ก่อน ตกแต่งใหม่ น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ”

 

หลูตงซิงหัวเราะ ” นายก็ใช้แก้ขัดไปก่อน เมื่อเร็วๆนี้บริษัทของฉันเพิ่งซื้อที่ดินดีๆในแถบชานเมืองมาแปลงหนึ่ง มันล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำ ฉันวางแผนที่จะสร้างบ้านพักตากอากาศสองสามหลังอยู่ที่ริมแม่น้ำ ถึงตอนนั้นเดี๋ยวจะเก็บไว้ให้นายหลังหนึ่ง ”

 

หยางโปพยักหน้าให้ ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจมากนัก “ งั้นคุณก็เหลือไว้ให้ผมหลังหนึ่งละกัน ! ”

 

หลูตงซิงพยักหน้า “ ตกลง ! ”

 

ทั้งสองจึงนั่งรออยู่ในร้านอาหาร

 

จนกระทั่งถึงเที่ยง โจวซินก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็น หยางโปทั้งสองเก็บของเล็กน้อยก่อนที่จะจากไป

 

จู่ๆ เยว่จวิ้นเหยาก็โทรมา เสียงของเยว่จวิ้นเหยาเบามาก เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างที่จะรีบร้อน

 

“ คุณไม่ต้องพูดนะ ตอนนี้ฟังที่ฉันพูดก็พอ ยังจำเรื่องเมื่อวานที่ฉันบอกกับคุณ เป้าหมายที่โจวซินไปที่หยูหางได้ไหม คือเขาต้องการไปเสาะแสวงหาโอกาสและโชคชะตาหนึ่ง ”

 

หยางโปถือโทรศัพท์ไว้แต่ตอบกลับไปคำหนึ่งว่า “ อืม ” โดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ

 

ฟังแต่เยว่จวิ้นเหยาพูดต่อ ” เมื่อกี้ฉันแอบได้ยินที่อาจารย์ของฉันคุยกัน โอกาสและโชคชะตาใกล้มาถึงแล้ว น่าจะภายในสองวันนี้ มันจะดีที่สุดถ้าคุณอยู่ที่หยูหางต่อ เผื่อว่าโอกาสและโชคชะตานี้จะตกเป็นของคุณ มันมีความเป็นไปได้สูงมากเช่นกัน ! ”

 

หยางโปค่อนข้างจะตกใจ “ โอกาสและโชคชะตาอะไร ? ”

 

“ โอกาสและโชคชะตาฟ้าเป็นผู้กำหนด ไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ เอาล่ะ ฉันต้องวางสายแล้ว ”เยว่จวิ้นเหยารีบตัดบท เธอพูดแค่ไม่กี่คำจากนั้นก็วางสายไป

 

เมื่อเห็นหยางโปถือโทรศัพท์ยืนเงียบๆไม่พูดไม่จา หลูตงซิงก็มองมาที่เขา “ เกิดอะไรขึ้น ? ”

 

“ ไม่กลับแล้ว ผมต้องรออยู่ที่นี่ก่อน ” หยางโปเอ่ยออกมา

 

หลูตงซิงรู้สึกค่อนข้างที่จะแปลกใจ “ รอ ? รออะไร ? ”

 

“ ผมก็ไม่รู้ เยว่จวิ้นเหยาเพิ่งจะโทรมาหาผม ไม่ได้บอกอะไรชัดเจนเหมือนกัน แค่ให้ผมรออยู่ที่นี่อีกสองวัน ” หยางโปตอบ

 

หลูตงซิงขมวดคิ้ว “ รออีกสองวัน มันจะมีอะไร ? ”

 

ในเมื่อรับสายแล้ว หยางโปก็ไม่คิดที่จะจากไป แต่เป็นหลูตงซิงที่รอไม่ไหว เพราะที่บริษัทของเขามีงานยุ่งมาก เขาจำเป็นต้องกลับไปสะสางงาน เขาพูดกับหยางโปไม่กี่คำ จากนั้นก็ขอตัวกลับไปก่อน ก่อนที่จะจากไปก็ได้จัดการเตรียมรถจากบริษัทสาขาที่อยู่ในหยูหางให้หยางโปคันหนึ่ง

 

หลังจากรอมาได้ครึ่งวัน หยางโปก็ไม่สนใจที่จะอยู่รอต่อไปอีก เขาโทรหาฮัวชิงหยุนและชุยอี้ผิงทีละคน บอกข่าวพวกเขาเรื่องที่เลื่อนการเดินทางกลับ

 

หลังจากนั้น เขาก็ได้รับสายจากตาอ้วนหลิว พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่พาลู่เจียเฟยไปตรวจตราดูโรงงาน ทั้งสองตัดสินใจว่าจะร่วมหุ้นกันทำรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์แต่จำเป็นต้องนำเข้าอุปกรณ์ติดตั้งมาจากเยอรมนี คงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง

 

หยางโปรออยู่ที่โรงแรมสักพัก แต่รออยู่ไม่นานมาก จากนั้นก็เดินออกมาหาข้าวกลางวันกินที่ข้างถนน จากนั้นได้ให้คนขับรถพาตัวเองไปส่งที่ทะเลสาบด้านตะวันตก

 

ทิวทัศน์ที่สวยงามของหยูหางอยู่ที่ทะเลสาบตะวันตก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หยางโปมาที่นี่

 

เวลายามเช้า ท้องฟ้ายังคงแจ่มใสมาก พอเที่ยงวัน ท้องฟ้าก็มืดครึ้มขึ้นมาทันที จนกระทั่งเวลาที่

 

หยางโปมาถึงที่ทะเลสาบตะวันตก ก็มีละอองฝนตกโปรยปรายลงมาแล้ว

 

ทะเลสาบตะวันตกที่ตกอยู่ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายสวยงามมาก นักท่องเที่ยวก็เบาบางลงไปบางส่วน หยางโปเช่าเรือมาลำหนึ่ง จากนั้นก็พายเรือเข้าไปในทะเลสาบ เรืออูเผิงค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากชายฝั่งที่มีเสียงผู้คนพูดคุยกัน และค่อยๆเหลือเพียงเสียงเรือที่พายอยู่บนน้ำเท่านั้น

 

หยางโปกำลังนั่งอยู่บนเรืออูเผิง ท้องฟ้าและผิวน้ำเป็นสีเดียวกันถึงแม้จะอยู่ห่างไกลกัน ทิวทัศน์สวยงามมาก ใจของเขาก็สงบลงตามไปด้วย พลังหยิ่นชี่เริ่มไหลเวียน พลังงานที่มีเต็มรอบตัวหลั่งไหลเข้ามาในร่างกายของเขา

 

แต่จู่ๆ หยางโปก็เบิกตากว้างขึ้นมาทันที เพราะเมื่อสักครู่เขาสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ

 

แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตอนนี้เขาเพิ่งจะเข้าใจว่าเป็นเพราะพลังที่อยู่รอบตัวมีอยู่อย่างมากมายนั่นเอง ถึงขั้นที่ว่ามีมากกว่าปกติทั่วไปถึงสิบเท่า !

 

ในขณะที่กำลังจะคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนอยู่นั้น หยางโปก็เงยหน้าขึ้นกลับเห็นว่ามีเรืออูเผิงลำหนึ่งลอยลำอยู่ไม่ไกลออกไป บนเรือมีคนสองคนยืนอยู่บนเรือ พอดีว่าเป็นโจวซินกับเสวียนจงนี่เอง !

 

คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะอยู่กันที่นี่ !