ตอนที่ 955 ฟ้าร้องและฟ้าผ่า

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

ตอนที่ 955 ฟ้าร้องและฟ้าผ่า

 

หยางโปหันมองไปรอบๆ สีท้องฟ้าและผืนน้ำที่นี่ ทั้งผืนฟ้าดินกว้างใหญ่ไพศาล มองไม่เห็นสภาพโดยรอบเลย ดูเหมือนท้องฟ้าและผืนดิน จะมีเพียงเรืออูเผิงสองลำที่ลอยลำอยู่เท่านั้น

 

เวลานี้ โจวซินทั้งสองคนก็มองเห็นทางด้านหยางโปแล้วเช่นกัน โจวซินถึงกับหน้าถอดสีด้วยความตกใจ “ เขามาได้ยังไง ? คุณเป็นคนบอกเขาใช่ไหม ? ”

 

“ จะเป็นผมไปได้ยังไง ? ” เสวียนจงส่ายหน้า “ ผมกล้ายืนยันเลยว่า มีเพียงพวกเราสองคนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ”

 

โจวซินจ้องเสวียนจงตาเขม็ง “ เขาแอบตามเรามา ? ”

 

เสวียนจงหันมองไปทางหยางโป เมื่อเห็นว่าเขาดูเหมือนจะไม่ได้มองมาทางด้านนี้ คล้ายกับว่าไม่ได้สังเกตเห็นสถานการณ์ทางด้านนี้เสียด้วยซ้ำ ถึงขั้นเริ่มนั่งสมาธิบำเพ็ญเพียร

 

“ อาจเป็นเรื่องบังเอิญ ? ”

 

โจวซินส่ายหัว ทำเสียงฮึดฮัดแล้วพูดว่า “ เมื่อวานไม่ควรโทรหาเขาเลย ! ”

 

เสวียนจงคลายไหล่ลง ไม่ได้พูดอะไร

 

โจวซินจึงหันไปมองหน้าเสวียนจง “ ประธานเสวียน คุณอย่าคิดนะว่าผมไม่รู้ว่าคุณอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เกรงว่าคุณจะยังไม่รู้ว่าพ่อของผมเป็นใคร แต่คุณก็น่าจะเห็นแค่ผมโทรกริ๊งเดียวก็สามารถเรียกหยางโปมาได้ นี่มันไม่ใช่สาเหตุเพราะผมแน่นอน ผมกับเขาไม่ได้รู้จักมักคุ้นกัน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพ่อของผม ! ”

 

เสวียนจงพยักหน้า “ โจวเต๋าโยว ผมรู้ดีว่าคุณมีอาจารย์คอยชี้แนะสั่งสอน และมีอิทธิพลพอตัว

 

ไม่อย่างนั้นก็คงไม่รู้สถานการณ์ของที่นี่เช่นกัน สถานที่แห่งนี่ยิ่งเข้าไปด้านใน พลังก็จะยิ่งหนาแน่นขึ้น มันมีอะไรอยู่กันแน่ ? ”

 

โจวซินหัวเราะออกมา “ โอกาสและโชคชะตา ! ”

 

“ โอกาสและโชคชะตา ? ” เสวียนจงถามออกมาด้วยความสงสัย

 

โจวซินเหลือบมองเสวียนจงจากนั้นก็ส่ายหัวเล็กน้อย ” เมื่อเอ่ยถึงโอกาสและโชคชะตา

 

มันก็จะไม่ใช่โอกาสและโชคชะตาอีกต่อไป ”

 

เสวียนจงยิ้มและพยักหน้า “ ก็จริงนะ ”

 

พอพูดจบ ทั้งสองก็พากันเงียบ

 

หยางโปที่กำลังนั่งอยู่บนเรืออูเผิง ไม่หยุดที่จะขับเคลื่อนพลังงานหยิ่นชี่ พลังโดยรอบพุ่งเข้าหาเขาอย่างบ้าคลั่ง การฝึกฝนแบบนี้ยังแข็งแกร่งกว่าที่เขาใช้กระจกแสงจันทร์หลายเท่าตัว

 

หยางโปกำลังแข่งกับเวลาเพื่อฝึกฝน คนพายเรือเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดมิดรอบตัว อดไม่ได้ที่จะลังเลและร้องตะโกนออกมา “ เถ้าแก่ เถ้าแก่ ! ”

 

หยางโปเงยหน้าขึ้นก็เห็นคนพายเรือตะโกนเรียกเขาอยู่ เขาอดไม่ได้ที่จะถามไปว่า

 

” เกิดอะไรขึ้น ? ” คนพายเรือเป็นชายร่างกายกำยำในวัยสี่สิบ ดูผิวจะดำไปหน่อย มักจะพายเรือพาลูกค้ามาที่นี่ตลอดทั้งปี วันปกติทั่วไปจะตกปลาหาเงิน เขาหันมองไปที่หยางโป ” เถ้าแก่ ตอนนี้มืดมากแล้ว ผมกลัวว่าฝนจะตกหนัก เดี๋ยวพายุจะแรงขึ้นมันจะกลับไปยาก ”

 

หยางโปหันมาส่งยิ้มให้คนพายเรือและพูดว่า “ ทะเลสาบตะวันตกเป็นเพียงทะเลสาบชั้นใน

 

ต่อให้มีลมแรง คงไม่รุนแรงมากนักหรอก ”

 

คนพายเรือดูค่อนข้างจะเป็นกังวล “ ลมไม่แรง แต่พอถึงเวลานั้นอาจจะระบุทิศทางไม่ได้ กลัวว่าจะกลับไปไม่ได้น่ะสิ ”

 

หยางโปยิ้ม “ ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องกังวล แบบนี้ก็ดีแล้ว ราคาโดยสารเรือที่เราตกลงกันก่อนหน้านี้ ผมจะเพิ่มเงินให้คุณสิบเท่า ”

 

คนพายเรือพึมพำ ” เรื่องเงินน่ะมันไม่ใช่ปัญหา ”

 

“ ยี่สิบเท่า ” หยางโปพูดต่อ เขาเข้าใจดี เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้ามีเงินพอ มันก็ไม่เป็นปัญหาเช่นกัน

 

ในที่สุดคนพายเรือก็หยุดบ่น “ ยี่สิบเท่า นี่พูดกันไว้แล้วนะ ! ”

 

หยางโปพยักหน้า ” คุณไม่ต้องกังวล พอถึงฝั่งผมจะเอาให้ ”

 

หลังจากปลอบใจคนพายเรือ หยางโปก็หันมองออกไปไกล เห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดลง ก้อนเมฆสีดำก็พัดเข้ามาใกล้ตัวเมือง แต่เรืออูเผิงของพวกโจวซินกลับพายเรือห่างออกไปไกล ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายกลับทำให้เกิดความล่าช้า ทำให้ห่างจากกันอย่างมาก

 

หยางโปนึกถึงสิ่งที่เยว่จวิ้นเหยาสั่งกำชับไว้ โอกาสและโชคชะตา !

 

โอกาสและโชคชะตานี้คืออะไรกันแน่นะ ?

 

ในขณะที่เรือแล่นไปข้างหน้าอยู่นั้น ก็มีปลาจำนวนนับไม่ถ้วนพากันแหวกว่ายออกมาบนผืนทะเลสาบ สิ่งมีชีวิตในน้ำเหล่านี้ดูเหมือนจะถูกร้องเรียกให้ออกมา และดูเหมือนว่าพวกมันจะถูกดึงดูดจากพลังในอากาศ กระโดดโลดเต้นขึ้นมาไม่หยุด

 

แค่ครู่เดียว ก็มีปลาแหวกว่ายขึ้นมาเต็มผืนน้ำทะเลสาบ ปลาพวกนี้โดดโลดเต้นอยู่บนผืนน้ำทะเลสาบ ทำให้ความเร็วของเรืออูเผิงที่แล่นอยู่ในทะเลสาบช้าลง ถึงกระทั่งที่ว่าทุกครั้งที่เจ้าของเรือพายเรือ ก็จะพายไปโดนปลาที่แหวกว่ายอยู่จำนวนมากนั้น

คนพายเรือบนเรืออูเผิงของโจวซินถึงกับโยนพายทิ้งแล้วหันไปหยิบแหจับปลาบนเรือออกมา

 

เพื่อคิดที่จะจับปลา จนทำเอาโจวซินกระทืบเท้าและสบถด่าว่า “ ฉันจ่ายเงินให้แกมาพายเรือให้ ไม่ใช่ให้แกมาจับปลา ! ไอ้สารเลว ถ้าแกหว่านแหโยนลงไป ฉันก็กล้าที่จะฆ่าแกทิ้งซะเหมือนกัน ! ”

 

ชาวประมงที่อยู่กับโจวซินเป็นชายวัยห้าสิบกว่าปี เขาหันมองไปทางโจวซิน ทั้งสองฝ่ายจึงเผชิญหน้ากันเพราะเหตุนี้ !

 

ชาวประมงก็มีโมโหขึ้นมาเล็กน้อย “ ผมมาพายเรือให้พวกคุณจะได้เงินสักเท่าไหร่กัน ?

 

ผมทอดแหจับปลาแค่ครั้งเดียว ยังหาเงินได้มากกว่าซะอีก ทำไมผมจะไม่ทอดแหล่ะ ?

 

ถ้าพวกคุณไม่ยอม งั้นก็ลงไปจากเรือเดี๋ยวนี้เลย ! ”

 

“ แก ! ” โจวซินชี้ไปที่ชาวประมงด้วยใบหน้าที่โกรธเกรี้ยว

 

เสวี่ยนจงรีบพูดขึ้น “ เอาล่ะ ใจเย็นลงก่อน คุณไม่ต้องจับปลาแล้ว แค่รับผิดชอบงานในครั้งนี้ให้ออกมาอย่างเรียบร้อยสวยงาม กลับไปผมจะเอาเงินให้หมื่นหยวนเพื่อชดเชยสิ่งที่คุณสูญเสียไปเอง ! ”

 

“ ทำไมต้องให้เงินเขาด้วย ? ไม่ต้องให้เขา ! ” โจวซินพูดอย่างโกรธจัด

 

เสวียนจงดึงโจวซินเอาไว้ ” คุณเงียบก่อน ฟังผมนะ เรื่องของเรามันสำคัญกว่า ! ”

 

ในที่สุดชาวประมงก็ยอมที่จะประนีประนอมให้ แต่เพราะแบบนี้ ชาวประมงก็ไม่ยอมที่ออกแรง บวกกับปลาในทะเลสาบเลยทำให้เรืออูเผิงเคลื่อนไปข้างหน้าได้ยากขึ้น

 

หยางโปมองเห็นสถานการณ์ตรงหน้าจากระยะไกล เขาจึงหันไปยิ้มให้กับคนพายเรือที่มีอาการลังเลอยู่ “ คุณสบายใจได้ ไม่ต้องรีบไปจับปลา หลังจากกลับไปผมจะให้เงินชดเชยคุณเองอีกสองหมื่นหยวน ”

 

คนพายเรือรีบพูดว่า ” ไม่ ไม่ต้อง นั่นมันมากเกินไป ”

 

หยางโปโบกมือ “ คุณไม่ต้องปฏิเสธ นี่คือสิ่งที่คุณสมควรได้รับ ”

 

คนพายเรือก็หัวเราะออกมาทันที เผยให้เห็นฟันขาว “ งั้นก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณเถ้าแก่มาก ”

 

“ไม่ต้องขอบคุณผม คุณก็ไม่ต้องวิตกกังวลเกินไป ที่นี่มีฝูงปลาอยู่มากมาย ต่อให้ใช้แรงมากเท่าไหร่ ก็คงไม่มีทางที่จะเดินหน้าไปได้เร็ว ! ” หยางโปกล่าว

 

คนพายเรือยิ้มและพูดว่า ” คุณรอดูผมก็แล้วกัน ! ”

 

พอพูดจบ เจ้าของเรือก็ดันพายออกอย่างแรง เพราะมีคำมั่นสัญญาของหยางโป เจ้าของเรือก็พยายามอย่างเต็มที่ แม้ว่าความเร็วจะลดช้าลงไปมากเพราะฝูงปลา แต่กลับเร็วกว่าเรือของโจวซินมาก

 

หยางโปมองออกไปไกลและขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย โอกาสและโชคชะตาครั้งนี้หมายถึงอะไรกันแน่ ? ทำไมฝูงปลาถึงมีสภาพแบบนี้ ? ทำไมถึงมีพลังมากมายขนาดนี้อยู่ที่นี่ ?

 

ทั้งหมดนี้มันยากที่จะได้รับคำตอบและไม่มีใครมาตอบคำถามให้เขาได้ เขาจึงทำได้เพียงมองออกไปไกล และฝึกบำเพ็ญเพียรอยู่ในใจ

 

หลังจากหลับตาฝึกฝนไปได้เพียงครู่หนึ่ง จู่ๆหยางโปก็รู้สึกใจสั่น และเขาก็ลืมตาขึ้นและมองไปข้างหน้าทันที มองเห็นสายฟ้าฟาดแยกท้องฟ้าออกจากกัน ราวกับว่าแยกท้องฟ้าตั้งแต่ด้านบนลงมาด้านล่างออกจากกัน อย่างกับจะแบ่งทั้งท้องฟ้าออกเป็นสองส่วน !

 

ฟ้าแลบเป็นประกายสว่างไสว แสงฟ้าแลบแผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้าทำให้ผู้คนรู้สึกถึงพลังที่อกสั้นขวัญหาย !

 

จากนั้นก็มีเสียงระเบิดดัง ” ตูม ” เสียงฟ้าร้องดังขึ้น หยางโปรู้สึกเหมือนว่ามีเสียงลูกกระสุนปืนใหญ่ระเบิดอยู่ข้างหูตัวเอง หูทั้งสองข้างอื้อไปทันที !