ตอนที่ 956 เก็บสาวงามมาได้คนหนึ่ง
หยางโปสัมผัสได้ว่าพลังระหว่างท้องฟ้าและพื้นดินเพิ่มพูนมากขึ้น เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขาบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์และพยายามดูดซับพลังของฟ้าดิน พลังแบบนี้ยังดีกว่าการกินโสมพันปีมาก !
เสียงฟ้าคำรามนั่น แต่เบื้องหน้ากลับมืดลงเรื่อยๆ ถึงแม้คนพายเรือจะถูกกระตุ้นด้วยเงินของ
หยางโปแต่ท้ายที่สุดตอนนี้เขาก็เริ่มกลัวขึ้นมา เขาหยุดพายเรือ และอดที่จะตัวสั่นสะท้านไม่ได้
ยืนมือออกไปตรงหน้าถึงกับมองไม่เห็นนิ้วทั้งห้าแล้ว ฟ้าผ่าฟ้าแลบทั่วท้องฟ้า เสียงฟ้าผ่าเหมือนดังก้องอยู่ข้างหู มีเพียงแสงวาบขาวของฟ้าแลบแทรกอยู่ระหว่างกลางเท่านั้นถึงจะมองเห็น
เรืออูเผิงอีกลำได้
ระยะห่างระหว่างเรือทั้งสองลำนั้นอยู่ไม่ไกลกันมากนัก เรืออีกลำจอดนิ่งสนิทอยู่กับที่นานแล้ว
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าชาวประมงบนเรือค่อนข้างที่จะหวาดกลัว และกำลังกรีดร้องด้วยความตกใจ
หยางโปรู้สึกได้ถึงพลังในร่างกายไหลเวียนอย่างปลอดโปร่ง ถึงกับทำให้เขาเห็นภาพลวงตา
แค่เขายินยอม เขาก็สามารถถ่ายทอดพลังของวิทยายุทธทั้งสิบสองแขนงของรูปปั้นมังกรเดินทองบริสุทธิ์ออกมาได้อย่างเต็มที่ ภาพลวงตาแบบนี้ทำให้คนเกิดความรู้สึกพึงพอใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน !
พลังจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายทำให้กลุ่มพลังที่อยู่ภายในร่างกายของหยางโปขยายตัวอย่างรวดเร็ว ในขณะที่กลุ่มพลังขยายใหญ่เท่าขนาดไข่ไก่อยู่นั้น จู่ๆก็มีรัศมีของแสงหนึ่งปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาและพุ่งเข้าไปที่กลุ่มพลัง ต่อจากนั้นกลุ่มพลังก็หดตัวลงอีกครั้ง
จากนั้นหยางโปก็ดูดซับพลังต่อ
ในระหว่างวงจรแบบนี้ หยางโปก็สามารถเห็นว่าพลังภายในร่างกายของตัวเองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุด
ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ทันใดนั้น หยางโปก็รู้สึกตัวสั่นเล็กน้อย พอเขาลืมตาขึ้นมอง ก็เห็นว่ามีความมืดมิดกลุ่มก้อนหนึ่งอยู่ตรงหน้า แต่คลื่นลมกลับพัดรุนแรงขึ้น เรืออูเผิงที่อ่อนแอและลำเล็กเปรียบเสมือนใบไม้ใบหนึ่ง กำลังถูกซัดอยู่ท่ามกลางคลื่นลมที่ปั่นป่วนไม่หยุด
คนพายเรือหันมาตะโกนบอกหยางโป “ คุณผู้ชาย เข้าไปในท้องเรือเร็วเข้า คุณนั่งอยู่บนหัวเรือมันอันตราย ! ”
หยางโปหันมองไปที่คนพายเรือ ฉีกยิ้มเล็กน้อยและตอบเสียงดังไปว่า “ ไม่เป็นไร ไม่เป็นอันตรายหรอก ผมว่ายน้ำเก่งมาก ! ”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น คลื่นลูกใหญ่ก็ซัดเข้ามา หยางโปคว้าขอบเรือไว้แน่น ถึงได้ไม่ถูกซัดให้ร่วงตกลงไป แต่ก็เปียกโชกไปทั้งตัว
เขามองไปข้างหน้าและเห็นว่าโจวซินและเสวียนจงทั้งสองคน กำลังยืนอยู่บนหัวเรือ ดูเหมือนจะมองออกไปไกล
หยางโปมองตรงไปด้านหน้า แต่ฟ้าร้องและฟ้าแลบยังคงดำเนินต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนฟ้าร้องและฟ้าแลบจะยิ่งหนักขึ้นกว่าเดิม ทันทีที่ฟ้าร้องและฟ้าแลบฟาดลงมา สายฟ้านั้นก็มีขนาดใหญ่พอๆกับอ้อมกอดของผู้ใหญ่คนหนึ่งเลย !
หยางโปถึงกับตกใจไปทันที ทำไมถึงมีสายฟ้าที่ใหญ่ขนาดนี้ ?
หยางโปจ้องมองออกไปไกล ท้องฟ้าและพื้นดินเงียบสงัด สายฟ้าที่ฟาดลงมานี้ ทำให้ท้องฟ้าและพื้นดินสว่างไสวไปในทันที หยางโปดูเหมือนจะมองเห็นบางอย่างซ่อนอยู่ในม่านหมอกคลับคล้ายคลับคลาอยู่ไกลๆ แต่มองเห็นไม่ค่อยชัดจากระยะไกล !
เสียงฟ้าร้องดังสั่นสะเทือนตามมา ทันใดนั้นหยางโปก็เห็นคลื่นสูงเท่าหัวซัดเข้ามาตรงหน้า
เรืออูเผิงที่ลำเล็กๆไม่สามารถทนอยู่ภายใต้ท้องฟ้าและผืนน้ำอันกว้างใหญ่นี้ได้อีกต่อไป
เกิดเสียง “ แคร๊ง ” ดังขึ้นอย่างคมชัด แม้ว่าหยางโปจะจับขอบเรือไว้แน่นก็ตาม แต่ก็รั้งไว้ไม่อยู่
ทั้งคนและเรือต่างก็พลิกคว่ำลงไปในทะเลสาบ
โจวซินเห็นเรืออูเผิงของหยางโปพลิกคว่ำ ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขาชี้ไปทางด้านหยางโป
และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะฮ่าๆดังออกมา “ ได้รับผลกรรมที่น่าเวทนาจริงๆ เรือพลิกคล่ำแล้ว ! ”
เสวียนจงที่ยืนอยู่ด้านข้าง จับขอบเรือไว้แน่น พยายามทำให้ตัวเองอยู่อย่างมั่นคงขึ้นมาบ้าง
เขาได้แต่มองดูหยางโปที่ตกลงไปในทะเลสาบ เขาหันไปเหลือบมองโจวซิน และส่ายหัวเล็กน้อย คนคนนี้ช่างใจจืดใจดำเสียจริงๆ หยางโปเดินทางมาเป็นร้อยกิโลเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้
แต่ตอนนี้กลับถูกเขาซ้ำเติม
เสวียนจงรู้สึกเศร้าเสียใจ ทำได้แต่โทษตัวเองที่ไม่มีความสามารถมากพอ ทุกอย่างที่ถูกเรียกขานว่าโอกาสและโชคชะตา ก็ทำได้เพียงมองฟ้าแลบฟ้าร้องทั่วฟ้าเมื่อสักครู่ตาปริบๆ ไม่ได้ฝึกฝนมาตอนนี้เลยไม่มีโอกาสแล้ว !
เสียง ” ซ่า ” ดังมา เกลียวคลื่นลูกหนึ่งก็ซัดเข้ามา เสวียนจงหันไปเหลือบมองโจวซิน มือค่อยๆคลายออกช้าๆ จากนั้นร่างของเขาก็ถูกคลื่นซัดลงไปในทะเลสาบ !
หยางโปถูกซัดลงไปในทะเลสาบ แต่กลับไม่ได้สัมผัสถึงความรู้สึกพิเศษใดๆ เขาสามารถหายใจในน้ำได้ การอยู่ในน้ำหรือบนฝั่งไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก เขาเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นคนพายเรือกอดไม้กระดานเรือไว้ พยายามว่ายเข้าฝั่ง เขาแค่มองดูแต่ไม่ได้ว่ายขึ้นไปช่วย คนพายเรือว่ายน้ำเก่ง ไม่น่าจะมีอันตรายอะไร
ในทะเลสาบค่อนข้างที่จะเงียบ ไม่มีคลื่น และไม่มีฟ้าร้องและฟ้าแลบ แต่จู่ๆหยางโปก็ค้นพบว่า ตัวเองโง่จริงๆที่มาผิดทาง ถ้าด้วยความสามารถในการว่ายน้ำของตัวเอง ถ้าว่ายน้ำจากในทะเลสาบไป ไม่ใช่ว่าจะสะดวกกว่าหรอกเหรอ ?
เมื่อหยางโปว่ายน้ำขึ้นมาบนผืนน้ำทะเลสาบ ก็ตัดสินใจที่จะกำหนดทิศทางและตำแหน่ง
และเดินไปทิศทางที่เกิดฟ้าร้องและฟ้าแลบในทะเลสาบ ฝูงปลาอยู่เหนือศีรษะของเขา ดูเหมือนจะไม่มีปลาแหวกว่ายอยู่ที่ก้นทะเลสาบเลย หรือว่าด้านหน้าจะมีของล้ำค่าอะไรถือกำเนิดขึ้น ?
หลังจากเดินมาเป็นเวลานาน แต่หยางโปก็ไม่พบอะไรเลย แต่พอเขาเงยหน้าขึ้นกลับเห็นฝูงปลาที่แหวกว่ายอยู่ที่จู่ๆก็หยุดนิ่งอยู่กับที่ ดูเหมือนว่าทั้งฝูงปลาจะได้รับสัญญาณบางอย่าง
จากนั้นปลาทั้งหมดต่างพากันแตกกระจายไปรอบๆ และว่ายกลับไปในทะเลสาบ
หยางโปตกใจ เขารีบว่ายน้ำขึ้นไปที่พื้นผิวทะเลสาบอีกครั้ง เขาเงยมองขึ้นมองไปรอบๆ พื้นผิวของทะเลสาบนิ่งสงบ ฟ้าร้องและฟ้าแลบหายไปแล้ว ลมและคลื่นหยุดลง ทุกอย่างดูเหมือนจะกลับมาสงบอีกครั้ง
หยางโปรู้สึกค่อนข้างที่จะสับสน ของล้ำค่าล่ะ ? โอกาสและโชคชะตาล่ะ ?
ร่างของโจวซินหายไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนแล้ว โอกาสและโชคชะตาที่เยว่จวิ้นเหยากล่าวถึงในสาย บ่งบอกถึงที่ตรงนี้ใช่ไหม ? โอกาสและโชคชะตานี้มันหมายถึงอะไรกันแน่ ?
จู่ๆหยางโปก็ไม่รู้ว่าเขาควรจะไปทางไหนดี ในเมื่อไม่ได้อะไรมาเลย เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหันหลังกลับ เมื่อยืนยันทิศทางได้แล้ว หยางโปจึงว่ายไปข้างหน้าต่อ
หลังจากว่ายน้ำมาได้สักพัก จู่ๆหยางโปก็หยุดชะงักไปทันที เพราะตรงหน้าเขา มีเรืออูเผิงลำหนึ่งลอยลำอยู่ เขาดูออกว่าเรืออูเผิงลำนี้เป็นเรือลำเดียวกับของโจวซิน เขาจึงไปแนบอยู่ข้างเรือ
และจ้องมองเข้าไปข้างใน ไม่เห็นโจวซิน แต่สภาพภายในเรือทำเอาเขาถึงกับตกตะลึงนิ่งอึ้งไปเลย
เพราะเขาคาดคิดไม่ถึงว่าจะเห็นผู้หญิงสวมชุดขาวคนหนึ่งอยู่ในเรืออูเผิง หญิงสาวนอนอยู่ในท้องเรือ ด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมเหมือนกับว่ากำลังนอนหลับอยู่ !
หยางโปเกิดอาการลังเลเล็กน้อย จึงปีนขึ้นไปบนเรือ เขาวางมือลงปลายจมูกเพื่อตรวจสอบลมหายใจของผู้หญิงคนนั้นและสัมผัสได้ว่ายังมีลมหายใจอยู่ เขาถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นหยางโปถึงได้สังเกตอีกฝ่ายอย่างพินิจพิเคราะห์
ผู้หญิงคนนี้น่าจะอายุประมาณ 20 ปี ผิวขาวนวล ใบหน้าสวยมาก คิ้วโค้ง จมูกโด่ง ริมฝีปากแดงดูค่อนข้างจะซีดเซียว แต่แก้มทั้งสองข้างกลับแดงระรื่นขึ้นมาเล็กน้อย ดูแล้วยังมีชีวิตอยู่
หญิงสาวเปียกโชกไปทั้งตัว ยิ่งโชว์รูปร่างส่วนโค้งส่วนเว้าออกมาชัดกว่าเดิม หยางโปวางมือบนหน้าผากของหญิงสาวสองเบาๆ โชคดีที่ไม่ได้เป็นไข้
หยางโปหันไปมองอีกฝ่ายและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกลังเล มันเป็นเดือนพฤษภาคมพอดี บวกกับอากาศที่ไม่ดี เพราะสาเหตุนี้ข้างนอกจึงค่อนข้างที่จะหนาวเย็น เขาจึงถอดเสื้อมาคลุมร่างกายให้อีกฝ่าย จากนั้นถึงได้หยิบไม้พายเรือขึ้นมาขยับ
ฝีมือการพายเรือของหยางโปไม่ค่อยดีนัก โชคดีที่เขามีพลังบนตัวเยอะ ทุกครั้งที่ลงแรงพายเรือจึงไม่ช้ามากนัก เป็นเพราะมีการฝึกบำเพ็ญเพียรมาอย่างยาวนาน จึงค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน พื้นผิวของทะเลสาบที่สงบนิ่งก็เกิดเสียง ” ซ่า ” ดังออกมา จากนั้นโจวซินก็โผล่หัวออกมาบนผืนผิวน้ำของทะเลสาบ เขาก็มองไปรอบๆ แต่มองไม่เห็นเรืออูเผิง และมองไม่เห็นแม้แต่อะไรเลย มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมึนงง