บทที่ 492 ท่านอ๋องต้องการผ่อนคลาย

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมตัวพักผ่อน อาอวี่กับตงเอ๋อร์กลับมาที่จวนแม่ทัพด้วยกัน อาอวี่ไปรายงานฉีเฟยอวิ๋นอีกทั้งเรียกปลุกเธอลุกขึ้นมา

“มีธุระหรือ?”ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงมองอาอวี่กับตงเอ๋อร์ทั้งสองคน อาอวี่เดินมาข้างหน้าแล้วบอกเรื่องที่ผ่านมากับฉีเฟยอวิ๋น

ฉีเฟยอวิ๋นพิจารณาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง อวิ๋นจิ่นหัวเราะกล่าวว่า “นายท่าน กำลังกลุ้มใจไม่มีตั๋วเงิน ตั๋วเงินก็มาเลยเพคะ ”

“ไม่ผิด กำลังกลุ้มใจไม่มีตั๋วเงิน ตั๋วเงินก็มาเสียแล้ว อวิ๋นจิ่น ………เจ้ารีบไปจัดการเตรียมกำลังคนที่มีฝีมือเชี่ยวชาญเสีย อาอวี่กับตงเอ๋อร์พวกเจ้าสองคนเอาคนมาจากจวนกั๋วกงและจวนแม่ทัพที่ละสามร้อยคน ควบคุมตั๋วเงินเพื่อไปยังดินแดนที่ได้รับผลกระทบจากตั๊กแตนในภาคใต้ นอกรายการนำเงินออกมาห้าล้านตำลึงจีน มอบให้แก่อวิ๋นจิ่น อวิ๋นจิ่นต้องให้คนของเจ้าซื้อธัญพืชเสบียงอาหารและชุดกันหนาวช่วงเหมันตฤดู และยารักษาโรคระหว่างทางด้วย หากว่าไม่เพียงพอ ก็ไปติดต่อกับแม่ค้าแถบชายแดนอื่นๆ ได้ เก็บเสบียงอาหารให้เพียงพอก่อน

อวิ๋นจิ่นคำนวณเส้นทางตามระยะทาง ไปถึงใช้เวลาถึงสิบกว่าวันได้ เวลาเร่งรีบ หลีกเลี่ยงเรื่องราวมีการเปลี่ยนแปลง เจ้าต้องเป็นคนไปเอง”

“เพคะ”อวิ๋นจิ่นตอบรับ

“อวิ๋นจิ่น เจ้าเอาอีกาน้อยไปด้วย มีเรื่องอะไรจะได้ติดต่อได้ง่าย”

“นายท่านวางใจได้ ต้องเสร็จสมบูรณ์อย่างแน่นอนเพคะ ”อวิ๋นจิ่นหมุนตัวเดินไปด้านนอก ใช้นกหวีดเรียกประชุมคน จากนั้นก็ไปเตรียมการจัดการก่อน

ฉีเฟยอวิ๋นอธิบายชี้แจงกับอาอวี่ว่า “ครั้งนี้เป็นเจ้าร่วมมือกับตงเอ๋อร์ครั้งแรก พวกเจ้าสองคนต้องร่วมกันประคับประคอง หากเป็นปกติข้าไม่ไว้วางใจพวกเจ้าสองคนหรอกนะ แต่วันนี้กำลังคนไม่เพียงพอ พวกเจ้าจำไว้ว่าต้องคิดอย่างรอบคอบ ต้องระวังการทำงาน

พาคนไปหกร้อยคน ต้องแบ่งแกล้งเป็นกลุ่มขบวนของพ่อค้า ตอนกลางวันพักผ่อน ช่วงกลางคืนเร่งเดินทาง ไม่ต้องรบกวนจวนขุนนางเสนาบดีแต่ละสถานที่ หลีกเลียงคนรู้ ครึ่งเดือนนี้ ข้าไม่ต้องการให้คนในเมืองหลวงรู้ว่าพวกเจ้าไปทางด้านนั้น พอถึงแล้วสำรวจเงียบๆ ค่อยคิดวางแผน อวิ๋นจิ่นจะไปถึงฉางก่อนเพื่อบรรเทาผู้ประสบภัย พวกเจ้าต้องให้ความร่วมมือกับอวิ๋นจิ่นกัน!”

“ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

อาอวี่กับตงเอ๋อร์แยกย้ายกันไปเตรียมตัว หลังจากที่ท่านแม่ทัพฉีลุกขึ้นแล้วจึงได้ไปจัดเตรียมกำลังคนทันที

ทางฝั่งของจวนกั๋วกงได้ยินว่าจะไปสงเคราะห์ผู้ประสบภัย ไม่ได้เลือกผู้อื่น ได้มาเลือกตงเอ๋อร์ เป็นการยืนยันครั้งยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขา แน่นอนว่าพวกเขากระตือรือร้น

พระชายาเย่มารวบรวมตั๋วเงินเพื่อไปบริจาค จวนกั๋วกงของพวกเขายากจนเสียเหลือเกิน เดิมทุกคนมีร้อยตำลึงจีนไม่สามารถบริจาคได้อย่างแท้จริง พระชายาเย่ไม่ได้พูดอะไรมาก เลยตัดทิ้งครึ่งหนึ่ง ต้องการให้พวกเขาให้คนละห้าสิบตำลึงจีนก็ให้ไม่ได้ พระชายาเย่เลยเปลี่ยนเป็นสามสิบตำลึงจีน ถึงแม้จะบอกว่ายากกว่าจะรวบรวมครบ แต่ตอนที่เก็บใบเสร็จเบิกออกมาไม่มีคนให้หนึ่งร้อยตำลึงจีนเลย ฮูหยินกั๋วกงแปลกประหลาดใจ ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอธิบาย น้อยเกินไม่ง่ายที่เขียนออกมาเท่าไหร่ เธอเลยคิดหาวิธีเอาตั๋วเงินตนเองมารวบเข้า

อย่างอื่นไม่ต้องเอ่ยแล้ว พระชายาเย่คิดเผื่อจวนกั๋วกง อย่างไรเธอก็ต้องกระตือรือร้น

คัดเลือกทหารผู้แข็งแกร่งสามร้อยนายมาแล้ว และฮูหยินกั๋วกงได้ให้โอวาทด้วยตนเองว่า อย่าขายหน้าขายตาอับอายอยู่ด้านนอก หากว่าทำให้อับอายอย่ากลับมา

ตงเอ๋อร์กับอาอวี่ได้พากำลังคนออกจากเมืองหลวงภายในคืนนั้นเลย อวิ๋นจิ่นเข้าไปดูลูกของฉีเฟยอวิ๋นทั้งห้าคน นางไม่อยากจะไปสักนิดหนึ่งเลย พอนางมองเด็กน้อยทั้งห้าคนแล้วรู้สึกอยากจะร่ำไห้ออกมา แต่นางก็ยังคงยิ้ม

“ไม่นานอวิ๋นจิ่นจะกลับมา นายท่านน้อยทั้งหลายดูแลตนเองดีๆนะเจ้าคะ”อวิ๋นจิ่นกล่าวทำความเคารพแล้วถึงได้ออกไป เด็กน้อยทั้งห้าได้ร้องอาอาขึ้นมา

อวิ๋นจิ่นหมุนตัว เด็กน้อยทั้งห้าได้หัวเราะยิ้มให้แก่นาง อวิ๋นจิ่นเดินกลับไปดู ลูกคนที่สองของฉีเฟยอวิ๋นก็ยิ้มหัวเราะให้นาง คนอื่นๆก็เช่นกัน

ปกติคนที่ห้าที่ไม่ค่อยจะยิ้มตั้งแต่ไหนแต่ไรก็ยิ้ม ครั้งนี้เบิกตามองอวิ๋นจิ่นด้วยความเกียจคร้าน และเอื้อมมือมาสัมผัสแก้มของอวิ๋นจิ่น พอดีกับตอนที่นางก้มลงไปเลย

เจ้าอีกาน้อยหมุนตัวมองอวิ๋นจิ่นทันที บินมาที่ไหล่ของนางและมองไปที่เด็กน้อยคนที่ห้า

เวลานี้ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้มองสนใจอวิ๋นจิ่นที่กำลังกล่าวลากับเด็กๆ เธอยังรู้สึกว่าไม่ผ่อนคลายสบายใจ

แม่ทัพฉีกล่าวว่า “เด็กน้อย เดินทางปลอดภัย!”

“กราบลาท่านแม่ทัพ ชุดของท่านข้าได้จัดการเรียบร้อยแล้ว ภายในห้องมีเหล้าหนึ่งไห อย่าได้ติดเหล้ามากจนเกินไปนะเจ้าคะ ดื่มแก้ไอวันละจอก เป็นจอกเล็กนะเจ้าคะ”

แม่ทัพฉีสีหน้าห่อเหี่ยวใจ มองอวิ๋นจิ่นที่จะไปมีความรู้สึกที่ทำใจไม่ได้เลย

“ดูแลตนเองดีๆ”แม่ทัพฉีโบกมือ แสดงบอกสัญลักษณ์ให้อวิ๋นจิ่นไปก่อน

อวิ๋นจิ่นถอนสายบัว ถึงได้หมุนตัวออกไป

แม่ทัพฉีแปลกใจ เด็กคนนี้ทำไมถึงต้องโค้งเอวเคารพคนอื่นตลอด ปฏิบัติต่อเขาก็ต้องถอนสายบัว?

แม่ทัพฉีไปดูเด็กๆ จากนั้นอวิ๋นจิ่นก็พาคนออกไป

คนไปได้ครึ่งค่อนคืนแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้กลับไปพักผ่อน

ค่ำคืนนี้หนานกงเย่ไม่ได้กลับมา ฉีเฟยอวิ๋นนอนฝัน ฝันเห็นว่าหนานกงเย่หึงหวงจนต้องเอาศีรษะไปชนตาย จนทำให้ฉีเฟยอวิ๋นสะดุ้งตื่นขึ้น

หลังจากตื่นขึ้นมาพบว่าลูกๆกำลังมองฉีเฟยอวิ๋นอยู่ ฉีเฟยอวิ๋นตบที่หน้าอก ตกใจเป็นอย่างมาก

“พอโตแล้วอย่าเหมือนพ่อของพวกเจ้านะ มีเรื่องอะไรนิดหน่อยก็จะเอาศีรษะไปชนตาย!”

ฉีเฟยอวิ๋นเพิ่งจะพูดจบ ประตูมีคนผลักออกมา ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้ามองไป จึงได้ยินคนกล่าวพูดว่า “ข้าไม่อยู่เจ้าก็ยุยงเรื่องสายสัมพันธ์พ่อลูกอยู่ลับหลัง หรือว่าอวิ๋นอวิ๋นอยากเห็นข้าเอาศีรษะไปโขกชนตายหรือ!”

ฉีเฟยอวิ๋นห่อเหี่ยวหัวใจ เธอเห็นทั้งตัวของหนานกงเย่เต็มไปด้วยเลือด เลยรีบเดินไปหา จับที่ข้อมือของเขาแล้วพินิจพิเคราะห์ดู มองว่าเขาไม่เป็นอะไรเลยเบิกตาขาวมองบนขึ้น กล่าวว่า “หม่อมฉันตกใจหมดเลย”

“ข้ามิเป็นไร เหตุใดถึงไม่มีผู้ใดอยู่?”หนานกงเย่ยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“อีกสักครู่หม่อมฉันจะบอกท่านอ๋อง ไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถิดเพคะ”

ฉีเฟยอวิ๋นลากจูงหนานกงเย่ออกมาจากข้างในห้อง พอมาถึงด้านในจวนได้เรียกท่านแม่ทัพฉีว่า “ท่านพ่อ ท่านอ๋องกลับมาแล้ว ท่านช่วยไปดูเด็กๆหน่อยเจ้าค่ะ หงเถาลี่ว์หลิ่ว พวกเจ้าเฝ้าที่หน้าประตูนะ เจ้าจิ้งจอกน้อย……..”

เจ้าจิ้งจอกน้อยทะลวงเข้ามาในห้อง มันเช็ดเล็บเท้าทั้งสี่ของมันอยู่หน้าประตู จากนั้นได้วิ่งเพ่นพ่านมาบนเตียง ขดตัวอยู่ด้านข้าง

พอท่านแม่ทัพฉีออกมาเห็นหนานกงเย่ โบกมือแล้วกล่าวว่า “อย่าทำเป็นเล่นทั่วสารทิศ ไปล้างชำระออกเถิด”

“ได้เลยท่านพ่อตา”หนานกงเย่ตอนที่อยู่ต่อหน้าฉีเฟยอวิ๋นเป็นคนที่ดูเชื่อฟัง จุดเล็กน้อยนี้ฉีเฟยอวิ๋นพึงพอใจเป็นอย่างมาก

อาบน้ำชำระร่างกายเสร็จฉีเฟยอวิ๋นได้เล่าเรื่องราวให้หนานกงเย่ฟัง หนานกงเย่กล่าวอย่างตลกขบขันว่า “หรือว่าตอนที่อวิ๋นอวิ๋นไประดมตั๋วเงิน ไม่ได้ไปที่จวนของรองเสนาบดีกรมพิธีการหรือ?”

“หม่อมฉันก็แปลกใจ หม่อมฉันไปที่จวนรองเสนาบดีกรมพิธีการด้วย แต่ตอนนั้นรองเสนาบดีกรมพิธีการไม่อยู่ เป็นจวนของท่านพ่อเขา ก็เป็นจวนรองเสนาบดีที่หนึ่ง อีกทั้งเป็นสถานที่ที่เรียบง่าย มาตรฐานไม่ได้เป็นอย่างที่อาอวี่และตงเอ๋อร์กล่าวเลย แต่ปัญหาคือตงเอ๋อร์และอาอวี่ไปที่แห่งนั้นแล้ว

อาอวี่บอกว่าภายในจวนนั้นระดับความโออ่า สามารถเทียบพระราชวังได้เลยเชียว”

หนานกงเย่อิงแอบกายอยู่ในอ่างอาบน้ำ ถูกล้อมรอบด้วยควันไอหมอกสีขาว ร่างกายของเขาล้างจนขาวสะอาด บนร่างกายยังมีน้ำกลิ้งไหลด้วย ปกติสวมใส่เสื้อผ้าเลยดูไม่ออกว่าร่างกายของเขาแข็งแรงกำยำ แต่เวลานี้เขานั่งในน้ำ ด้านล่างคอปรากฏให้เห็นมัดกล้าม เลยเห็นความกำยำของเขาอย่างชัดเจน

มือของฉีเฟยอวิ๋นพรมน้ำบนตัวของหนานกงเย่ แล้วใช้ผ้าเช็ดเหงื่อซับถู

หนานกงเย่ดึงสายตากลับมา กล่าวว่า “อาอวี่เคยไปพระราชวังกี่ครั้ง พูดคล้ายดั่งว่าเขาพบความหรูหราโอ่อ่าของพระราชวังอย่างไงอย่างงั้น หรือว่าเขาไม่เคยพบเจอสถานที่ที่มันโออ่า?”

“เช่นนั้นความหมายของท่านอ๋องคือ?”

“รองเสนาบดีกรมพิธีการชั้นผู้น้อยผู้หนึ่ง พักอาศัยอยู่สถานที่โอ่อ่าเยี่ยงนั้น ข้าอยากจะไปดูเสียจริง”

หนานกงเย่ดึงฉีเฟยอวิ๋นมา เอื้อมมือปลดสายรัดที่เอวของฉีเฟยอวิ๋น และกล่าวว่า “เข้ามาผ่อนคลายให้ข้าทีสิ”

“ไม่รู้จักอาย เช้าตรู่เยี่ยงนี้ยังจะมาผ่อนคลายหรือ?”ฉีเฟยอวิ๋นมองบนใส่หนานกงเย ผลสรุปคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยืนขึ้นมา