บทที่ 704 : ยิงค้างคาวยักษ์
อะไรกัน!ไม่น่าเชื่อ.. คิดไม่ถึงว่าจะเป็นมัน?!
เฉินเจี้ยนกุ่ยบินนำแวมไพร์ขั้นบารอนอีกแปดตนสยายปีกใหญ่อยู่บนท้องฟ้าเหนือคฤหาสน์ตระกูลเฉินแต่ไม่ยอมบินลงมาด้านล่าง..
ท่ามกลางความมืดในยามค่ำคืนที่มีเพียงแสงสว่างของพระจันทร์ร่างของมนุษย์ยักษ์ที่มีลักษณะคล้ายกับค้างคาวทั้งเก้าตนกำลังเพ่งมอง และจับจ้องมาที่ร่างของหลิงหยุนซึ่งเป็นเหมือนสิ่งกีดขวางที่พวกมันคาดไม่ถึง
ด้วยเพดานบินที่สูงของเหล่าแวมไพร์ทั้งเก้าตนในยามค่ำคืนเช่นนี้หากคนธรรมดาพบเห็นและมองด้วยตาเปล่า ก็คงเห็นเป็นเพียงแค่เงาดำคล้ายเมฆทะมึนก้อนเล็กๆ อยู่บนท้องฟ้าเท่านั้นเอง
หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพันลี้ล่าวิญญาณที่แพร่กระจายอยู่บนฟากฟ้าได้อย่างชัดเจน
ริมฝีปากของหลิงหยุนโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยเขาเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า และนึกประหลาดใจที่เฉินเจี้ยนกุ่ยสามารถฟื้นตัวได้รวดเร็วถึงเพียงนี้
ปีกของเฉินเจี้ยนกุ่ยที่ถูกหลิงหยุนตัดขาดไปแล้วนั้นตอนนี้ได้งอกใหม่และมีความยาวหลังสยายปีกอยู่ที่สี่เมตร ปีกใหญ่สีดำของมันกระพืออยู่กลางอากาศ และมุมปากยังคงมีคราบเลือดเปื้อนอยู่
ในเวลานั้น..เฉินเจี้ยนกุ่ยก็ก้มมองลงมายังสวนภายในคฤหาสน์ของตนเอง สายตาของมันจับจ้องอยู่ที่กระบี่โลหิตแดนใต้ในมือของหลิงหยุน ในแววตาปรากฏร่องรอยของความหวาดกลัวอย่างไม่อาจปิดบังไว้ได้
ใช่แล้ว..ความหวาดกลัวและหวาดผวาจากการต่อสู้กับหลิงหยุนเมื่อคืนนั้น ทำให้เฉินเจี้ยนกุ่ยถึงกับต้องจดจำไปตลอดชีวิต และยากที่จะลบมันออกจากความทรงจำได้ หลิงหยุนทำให้เฉินเจี้ยนกุ่ยคิดถึงเพียงแค่คำสองคำซึ่งก็คือ.. อยู่ยงคงกะพัน และมือปราบแวมไพร์!
อาการบาดเจ็บสาหัสที่แท้จริงของเฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นไม่ใช่การที่ถูกตัดปีกหรือว่าตัดมือด้วยกระบี่โลหิตแดนใต้ แต่เมื่อครั้งที่มันระเบิดเลือดเพื่อแปลงร่างเป็นค้างคาว และบินหนีออกไปนั้น หลิงหยุนได้กระโดดตามขึ้นไปบนฟ้า และซัดพลังหยางบริสุทธิ์ที่ทรงพลังใส่ร่างของมัน ทำให้เฉินเจี้ยนกุ่ยถึงกับบาดเจ็บภายในสาหัส และต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวอีกนาน
“มิสเตอร์เฉิน..เจ้ามดตัวเล็กนี่น่ะเหรอที่ทำร้ายคุณ โอ้พระเจ้า! นี่มันกล้าคนตายมากมายขนาดนี้เชียวเหรอ!”
เพียร์ซที่กำลังกระพือปีกอยู่ไม่ไกลจากเฉินเจี้ยนกุ่ยนักถึงกับร้องอุทานออกมาเมื่อเห็นหลิงหยุนอยู่ด้านล่างท่ามกลางซากศพมากมาย ดวงตาสีแดงคู่นั้นของมันมีทั้งความเหยียดหยันและตกใจไปพร้อมๆกัน
“บารอนเพียร์ซ..คุณเองก็ต้องระมัดระวังให้มาก เพราะหมอนั่นไม่ใช่แค่มดตัวเล็กๆอย่างที่คุณพูดแน่! มันมีวิธีจัดการกับแวมไพร์อย่างพวกเราได้น่ากลัวและน่าสยดสยองมากเลยทีเดียว..”
เฉินเจี้ยนกุ่ยจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาหวาดผวาและน้ำเสียงที่พูดก็ยังสั่นเทา..
ในเวลานั้นเฉินเจี้ยนกุ่ยเห็นร่างของลุงตนเอง – เฉินไห่คุน กำลังนอนแน่นิ่งอยู่ข้างหลิงหยุน แต่ด้วยเพดานบินที่สูง ทำให้เฉินเจี้ยนกุ่ยไม่รู้ว่าเฉินไห่คุนยังคงมีชีวิตอยู่ หรือว่าเสียชีวิตไปแล้ว
“มิสเตอร์เฉิน..พวกเราบินลงไปได้หรือยัง” จ๊อยซ์ซึ่งกระพือปีกสีดำอยู่อีกข้างของเฉินเจี้ยนกุ่ยร้องถามขึ้นทันที
ดวงตาสีแดงเข้มของเฉินเจี้ยนกุ่ยหรี่ลงเล็กน้อยพร้อมกับกระซิบเสียงเบาด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก..
“ไม่ต้องรีบร้อนนัก..อีกสักครู่อากามัทสุ ไคสุเกะก็จะมาถึงในไม่ช้านี้แล้ว รอเขามาแล้วพวกเราค่อยลงไปจัดการกับหมอนั่น มันเป็นศัตรูตัวฉกาจของตระกูลเฉิน ยังไงพวกเราก็ต้องฆ่ามันให้ตายอยู่แล้ว!”
คำพูดของประโยคนี้ของเฉินเจี้ยนกุ่ยหลิงหยุนได้ยินเต็มสองหู เขานึกถึงเหล่านินจาอาวุโสที่อยู่ในสวนหลังคฤหาสน์ตระกูลเฉินย่านชานเมืองตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเหล่านินจาชั้นสูงที่แม้แต่เขาเองยังไม่สามารถมองเห็นขั้นกำลังภายในของพวกมันได้!
“นินจา..น่ากลัวถึงเพียงนั้นเชียวรึ”
หลิงหยุนพึมพำเบาๆพร้อมกับเบิกเนตรหยิน-หยางขั้นสูงสุดจับจ้องไปที่ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า
“ปีกใหญ่โตขึ้นเล็บก็งอกยาว นับว่าความสามารถในการฟื้นตัวของเจ้าไม่เลวเลยทีเดียว..”
“อยากรู้นักว่าถ้าข้ายิงตาของเจ้าบอดเจ้าจะสามารถฟื้นตัวได้รวดเร็วเช่นนี้หรือไม่” หลิงหยุนยิ้มเยาะเบาๆ
“เอาล่ะ..ลูกธนูดอกแรกคงต้องเป็นของเจ้าแล้วสินะ!”
จากนั้น..หลิงหยุนก็ใช้มังกรคำรามร้องตะโกนบอกเฉินเจี้ยนกุ่ยอย่างดุดัน “เจ้าค้างคาวยักษ์.. เจ้าเตรียมตัวตายได้แล้ว!”
พร้อมกันนั้นคันธนูทองยาวหนึ่งเมตรครึ่งพร้อมลูกธนูก็ปรากฏขึ้นในมือของหลิงหยุนทันทีหลิงหยุนถ่ายเทพลังหยางบริสุทธิ์ไปยังมือซ้ายที่ถือลูกธนู และเล็งลูกธนูแหลมคมไปทางร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ย!
จากนั้น..หลิงหยุนก็จัดการน้าวสายธนู และปล่อยลูกธนูออกจากสายจนเกิดเสียงดังสนั่น แล้วลูกธนูก็พุ่งเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยทันที
ฟิ้ว!
ลูกธนูที่ห่อหุ้มด้วยพลังหยางบริสุทธิ์ของหลิงหยุนพุ่งขึ้นไปกลางอากาศด้วยความเร็วสูงและยากที่เหล่าค้างคาวยักษ์ทั้งเก้าตัวจะสามารถหลบหลีกได้ทัน ทันทีที่พุ่งออกจากคันธนู ลูกธนูก็ตรงเข้าสู่ดวงตาข้างซ้ายของเฉินเจี้ยนกุ่ยทันที
“อ๊าก..”
เฉินเจี้ยนกุ่ยกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดภาพลูกธนูแหลมคมพุ่งใส่ดวงตาข้างซ้ายของเฉินเจี้ยนกุ่ยจนแทบจะทะลุกะโหลกนั้น สร้างความหวาดผวาและน่าสยดสยองให้กับผู้ที่ได้พบเห็นอย่างมาก!
พลังหยางบริสุทธิ์นั้นทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดีหลังจากนั้นไม่นานดวงตาข้างซ้ายของเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ถูกความร้อนของพลังหยางบริสุทธิ์แผดเผาจนกลายเป็นหลุมดำที่มีควันพวยพุ่งออกมา
“อ๊าก..”
เสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดของเฉินเจี้ยนกุ่ยดังไปทั่วทั้งบริเวณมันใช้แขนสองข้างดึงลูกธนูที่แหลมคม และร้อนแผดเผานั้นออกทันที แต่ความร้อนที่เหลืออยู่ยังคงเผาไหม้เนื้อรอบดวงตาของมันต่อไป
ระหว่างที่กำลังร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดอยู่นั้นปีกของเฉินเจี้ยนกุ่ยก็หยุดกระพือไปชั่วครู่ ทำให้ร่างของมันร่วงต่ำลงมา..
“ฮ่า..ฮ่า.. ได้ผลจริงๆด้วย!”
หลิงหยุนกระหยิ่มยิ้มย่องพร้อมกับร้องตะโกนออกไปด้วยความดีใจจากนั้นจึงเรียกลูกธนูออกมาเพื่อยิงค้างคาวยักษ์ต่อทันที
ฟิ้ว..ฟิ้ว..
ลูกธนูสองดอกหายขึ้นไปกลางอากาศและตรงเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยที่ร่วมต่ำลงมาในทันที!
หลิงหยุนรู้ว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยเป็นผู้นำของเหล่าแวมไพร์ที่กำลังบินอยู่ทั้งแปดตนเขาจึงเลือกที่จะยิงเฉินเจี้ยนกุ่ยก่อน!
และลูกธนูอีกสองดอกก็ตรงเข้าเป้ากลางร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยอย่างไม่ปราณี!
สำหรับเหล่าแวมไพร์นั้น..ลูกธนูที่แม่นยำยังไม่น่ากลัวและไม่สามารถทำอันตรายอะไรพวกมันได้ แต่สิ่งที่น่าสยดสยองก็คือพลังหยางบริสุทธิ์ที่เคลือบอยู่บนลูกธนูนั่นต่างหาก ที่ทำให้แวมไพร์อย่างพวกมันได้รับบาดเจ็บสาหัส!
เฉินเจี้ยนกุ่ยที่ทั้งตกใจหวาดกลัว และโกรธแค้น รู้ตัวว่าหลิงหยุนมีวิธีจัดการกับแวมไพร์บินได้อย่างพวกมันแล้ว จึงรีบกระพือปีกบินหนีขึ้นไปอีกเกือบร้อยเมตร และไม่มีเวลาแม้แต่จะดึงลูกธนูทั้งสองดอกบนร่างกายออก
“นี่..เป็นยังไงบ้างล่ะ”
หลิงหยุนร้องตะโกนถามเฉินเจี้ยนกุ่ยที่บินหนีขึ้นไปบนฟ้าในมือก็เรียกลูกธนูออกมาอีกสามดอก และพุ่งเป้าไปยังค้างคาวยักษ์อีกแปดตัวที่กำลังบินหนีขึ้นไปเช่นกัน
“คิดจะหนีงั้นรึ!”หลิงหยุนเย้ยหยันพร้อมกับปล่อยลูกธนูในมืออย่างไม่คิดที่จะปราณี!
ฟิ้ว..ฟิ้ว.. ฟิ้ว..
ลูกธนูทั้งสามดอกพุ่งจากสายธนูเข้าใส่เพียร์ซจ๊อยซ์ และแวมไพร์ขั้นบารอนอีกตนหนึ่งทันที!
แวมไพร์ชาวอเมริกันเหล่านั้นล้วนไม่มีกำลังภายในและไม่เคยฝึกวรยุทธ พลังหยางบริสุทธิ์ของหลิงหยุนจึงมีพลังทำลายล้างพวกมันได้สูงกว่าเฉินเจี้ยนกุ่ย บนร่างกายของพวกมันที่ถูกลูกธนูของหลิงหยุนเข้าไปนั้น ต่างก็กลายเป็นรูขนาดใหญ่ และยากที่จะฟื้นตัวได้ในเวลาสั้นๆ พวกมันต่างพากันบินหนีไปซ่อนพร้อมกับกรีดร้องออกมาอย่างหวาดผวา
“ชิท!ซาตาน.. นี่มันซาตานหรืออะไรกันแน่!”
“…ไอเจ็บปวดจะตายอยู่แล้วไอหนีไปก่อนแล้ว!”
แวมไพร์ทั้งสามตนกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกพร้อมกับบินวนไปวนมาอยู่กลางอากาศดวงตาของพวกมันเบิกโพลงด้วยความหวาดผวา แม้ว่าจะสามารถบินไปมาได้อย่างอิสระอยู่บนท้องฟ้า แต่กลับต้องพบกับโศกนาฏกรรมที่น่าสยดสยองเช่นนี้
“ฮ่า..ฮ่า.. คิดจะบินหนีงั้นรึ”
หลิงหยุนยังคงส่งลูกธนูขึ้นฟ้าอย่างต่อเนื่องและกำลังสนุกสนานกับการฆ่าแวมไพร์
ฟิ้ว..ฟิ้ว.. ฟิ้ว..
ลูกธนูอีกสามดอกพุ่งเข้าใส่ร่างของแวมไพร์อีกสามตนพวกมันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับควันที่พวยพุ่งออกมาจากบาดแผล!
แวมไพร์เหล่านี้ต่างก็พากันหวาดกลัวพวกมันต่างก็คิดไม่ถึงว่าลูกธนูของหลิงหยุนจะสามารถทำอันตรายพวกมันได้น่ากลัวถึงเพียงนี้
ไม่เพียงลูกธนูของหลิงหยุนจะมีความเร็วที่ยากจะหลบหลีกได้แต่หลิงหยุนยังสามารถยิงลูกธนูได้ถึงครั้งละสามดอก และยิงต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้พวกมันไม่มีโอกาสที่จะตอบโต้
หลิงหยุนยิงลูกธนูออกไปอีกสองดอกใส่แวมไพร์อีกสองตัวสุดท้ายแต่ในเวลานั้นเหล่าแวมไพร์ขั้นบารอนทั้งเก้าตนต่างก็บินขึ้นไปอยู่ใกล้ในระยะ 1500 เมตรเหนือพื้นดินแล้ว แม้ว่าธนูทองของหลิงหยุนจะสามารถยิงได้สูงมากก็ตาม แต่ในระดับความสูงเช่นนี้ เหล่าแวมไพร์ย่อมสามารหลบหลีกได้ จึงไม่มีประโยชน์อะไร
เพียงแค่สิบวินาทีหลิงหยุนก็ใช้ลูกธนูไปทั้งหมดสิบเอ็ดดอก และเฉินเจี้ยนกุ่ยเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุด มันโดนลูกธนูของหลิงหยุนเข้าไปถึงสามดอก และหนึ่งดอกโดนที่ตาข้างซ้ายบอดไปหนึ่งข้าง
“พวกเจ้าทั้งเก้าตัวจะบินอยู่บนท้องฟ้าตลอดไปงั้นรึใครบินลงมาข้าจะยิงทิ้งซะ!” หลิงหยุนพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ
ระหว่างนั้นเอง..จู่ๆก็มีเงาสีดำก็ปรากฏอยู่เหนือท้องฟ้าในสวนคฤหาสน์ตระกูลเฉิน และกระโดดลงที่กลางสวนทันที
ร่างของเงาสีดำนั้นกวัดแกว่งดาบในมือไปมาอย่างดุเดือดและรวดเร็วจนเกิดเป็นภาพคล้ายม่านบางๆ
นินจาชาวญี่ปุ่นชื่อว่าอากามัทสุ ไคสุเกะ!
และด้วยพลังดาบของนินจาอากามัทสุไคสุเกะนั้น ต่อให้หลิงหยุนสวมชุดผ้าแพรไหมดำ หากโดนพลังดาบของนินจาผู้นี้เข้า ก็ต้องบาดเจ็บจากลมปราณที่พวยพุ่งออกมาอย่างแน่นอน!
‘แย่แล้ว!’
หลิงหยุนได้แต่คิดอยู่ในใจเงียบๆเพราะคิดไม่ถึงว่าจะได้พบเจอนินจาที่ดุดันและมีพลังดาบที่ดุดันเช่นนี้ จึงได้แต่ใช้มังกรพรางร่างหลบหลีกไปด้านข้างแทน!
แต่ดาบในมือของนินจาอากามัทสุไคสุเกะที่ยาวกว่าสองเมตรนั้น ก็ไม่เปิดโอกาสให้หลิงหยุนได้หลบหนี และยังคงพุ่งใส่ร่างของหลิงหยุนอย่างต่อเนื่อง!
แม้ว่าหลิงหยุนจะใช้มังกรพรางร่างหลบได้อย่างรวดเร็วแล้วแต่ดาบของอากามัทสุยังคงพุ่งตามหลิงหยุนได้อย่างไม่หยุดยั้งเช่นกัน!
“นี่มันขั้นอะไรกันแน่!”
หลิงหยุนร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเขาคิดไม่ถึงว่าในบรรดานินจาทั้งหนึ่งร้อยยี่สิบคนนั้น จะมียอดฝีมือที่คาดไม่ถึงเช่นนี้อยู่ด้วย!
หลิงหยุนเห็นว่าหากหลบหลีกเช่นนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่จึงเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมา และใช้กระบี่สีดำของตนเองปัดป้องกระบี่สีขาวหิมะของนินจาอากามัทสุแทน!
เคร้ง..
เสียงกระบี่โลหิตแดนใต้และดาบสีขาวของอากามัทสุกระทบกันอย่างรุนแรง จนร่างไร้วิญญาณที่กองอยู่บนพื้นถึงกับปลิวไปตามแรงปะทะของดาบทั้งสองเล่ม !