บทที่ 705 : ต่ํากว่าขั้นเซียงเทียน-7 ล้วนไม่ต่างจากมด!

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

บทที่ 705 : ต่ํากว่าขั้นเซียงเทียน-7 ล้วนไม่ต่างจากมด!

 

ร่างสองร่างต่างก็ถอยหลังแยกออกจากกัน..หลิงหยุน และอากามัทสุต่างก็ก้าวถอยหลังออกไปคนละเจ็ดก้าว

 

นาทีที่กระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนและดาบของอากามัทสุกระทบกันเข้านั้น เขาดูมั่นใจอย่างมากว่ากระบี่ของหลิงหยุนจะไม่สามารถทำอะไรดาบของเขาได้!

 

แม้กระบี่ยาวสีดำของหลิงหยุนจะปะทะเข้ากับใบมีดดาบสีขาวคมกริบของอากามัทสุจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวนั้นแต่คมกระบี่และคมดาบกลับไม่ได้เสียดสีกันแม้แต่น้อย เพราะระหว่างอาวุธของคนทั้งคู่นั้นมีช่องว่าอยู่ราวครึ่งเซนติเมตร

 

ระยะห่างครึ่งเซนติเมตรนี้แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าเกิดจากลมปราณที่อากามัทสุ ไคสุเกะถ่ายเทมาจากร่างกายเพื่อปกป้องดาบยาวสีขาวหิมะของตนเองไว้นั่นเอง

 

แม้ว่ากระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนนั้นจะสามารถตัดเหล็กได้ง่ายดายราวกับตัดโคลนแต่หากมีลมปราณของยอดฝีมือปกคลุมอยู่ ก็ใช่ว่าจะสามารถตัดขาดได้ง่ายๆ เพราะเนื้อกระบี่แทบไม่สัมผัสกันโดยตรง ดาบยาวของอากามัทสุจึงยากที่จะหักได้อย่างง่ายดาย

 

หากหลิงหยุนต้องการจะฟันลมปราณที่ปกป้องดาบให้ขาดสะบั้นได้นั้นก็สามารถทำได้หากกำลังภายในของเขาแข็งแกร่งกว่าของอากามัทสุ!

 

‘ข้าพบคู่ต่อสู้ที่แท้จริงแล้วสินะ!’

 

ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวสมองของหลิงหยุนทันทีหลังจากที่หยุดยืนนิ่งดวงตาคู่งามของเขาเบิกเนตรหยิน-หยางสำรวจไปทั่วร่างกายของอากามัทสุ ไคสุเกะ และเปิดจิตหยั่งรู้ไว้เพื่อเตรียมรับการโจมตีของอากามัทสุ

 

“ไม่เลวนี่!”

 

ร่างของอากามัทสุกระโดดถอยหลังไปเจ็ดก้าวและหยุดยืนนิ่งในที่สุด มือสองข้างยังคงกำดาบยาวไว้แน่น การจู่โจมของหลิงหยุนนั้นดุดันและรุนแรงจนตัวเขาถึงกับต้องถอยหลังออกมาเช่นนี้ ทำให้อากามัทสุอดที่จะตกใจไม่ได้ เพราะคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะมีกำลังภายในที่แข็งแกร่งเช่นนี้ และระหว่างที่อากามัทสุหยุดยืนนิ่งอยู่นั้น เขาก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่ามือข้างซ้ายของเขาได้ชาไปแล้ว!

 

อาจพูดได้ว่าทั้งคู่นั้นมีฝีมือที่สูสีกันแต่เพราะหลิงหยุนรีบร้อนที่จะลงมือมากจนเกิน หาไม่แล้วเขาน่าจะเหนือกว่าอากามัทสุอยู่เล็กน้อย

 

อากามัทสุไคสุเกะเป็นชายร่างผอมสูง และดูเหมือนว่าจะสูงมากกว่าหนึ่งเมตรแปดสิบเซ็นติเมตรเลยทีเดียว แขนสองข้างที่มีแต่กระดูกนั้นยาวเรียว อีกทั้งยังสวมชุดดำพร้อมผ้าปิดหน้าสีดำเผยให้เห็นเพียงลูกตาสองข้างตามแบบฉบับของเหล่านินจา แววตาของอากามัทสุนั้นดุร้ายและกระเหี้ยนกระหือราวกับหมาป่า เขาไม่สนใจร่างไร้วิญญาณที่นอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น แต่จับจ้องอยู่ที่ร่างของหลิงหยุนซึ่งอยู่ตรงหน้าเพียงอย่างเดียว

 

“จอมยุทธชาวจีนผู้นี้.. ไม่ทราบว่าท่านอยู่ขั้นใดแล้ว!”

 

น้ำเสียงของอากามัทสุฟังดูคล้ายคนสูงอายุสายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่กระบี่โลหิตแดนใต้ในมือของหลิงหยุนพร้อมกับร้องถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

 

นินจาผู้นี้นับว่าพูดภาษาจีนได้คล่องแคล่วแต่หลิงหยุนกลับไม่ตอบ แต่ย้อนถามกลับไปว่า

 

“นินจาญี่ปุ่นท่านนี้..ไม่ทราบว่าท่านอยู่ขั้นใดแล้ว”

 

มือสองข้างของอากามัทสุกำดาบในมือไว้แน่นและยืนอยู่ในท่าเตรียมพร้อมจู่โจมและตั้งรับ แสงวูบวาบของตัวดาบสะท้อนกับแสงจันทร์ที่ส่องสว่างไสวเป็นประกายวูบวาบ ริมฝีปากแย้มยิ้มพร้อมกับตอบอย่างภาคภูมิใจ

 

“ข้านินจาอากามัทสุไคสุเกะ อยู่ในระดับเริ่มต้นขั้นเซียงเทียน-7!”

 

“อะไรนะ!”หลิงหยุนถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ และได้แต่คิดในใจว่า‘ระดับเริ่มต้นขั้นเซียงเทียน-7 เชียวรึ?!’

 

ยอดฝีมือชาวจีนทั้งหกคนที่เขาเพิ่งสังหารไปนั้นก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-6 แล้วทั้งสิ้น ขั้นเซียงเทียน-6 นั้นอยู่ในด่านกลางซึ่งนับว่าแข็งแกร่งไม่เบาเลยทีเดียว แต่หลิงหยุนก็สามารถจัดการได้ภายในไม่เกินสองกระบวนท่า

 

และอากามัทสุก็เพิ่งอยู่ในระดับเริ่มต้นของขั้นเซียงเทียน-7ซึ่งห่างจากระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-6 เพียงแค่ระดับเดียวเท่านั้น ต่างกันในระดับเล็กๆเช่นนี้ แต่เหตุใดความแข็งแกร่งจึงได้แตกต่างกันมากยิ่งนัก

 

หรือว่านี่จะเป็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของด่านสุดท้ายในขั้นเซียงเทียน!

 

“จอมยุทธชาวจีนท่านนี้ถึงแม้ว่าข้าจะไม่สามารถมองเห็นขั้นกำลังภายในของท่านได้ แต่จากกำลังภายในที่ท่านแสดงออกมาเมื่อครู่นี้ ข้าก็พอจะเดาได้ว่าท่านคงยังไม่เข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-3 ด้วยซ้ำไปใช่หรือไม่ และดูเหมือนว่าท่านจะไม่คุ้นเคยกับระดับขั้นของกำลังภายในของจอมยุทธชาวจีนอีกด้วย?!”

 

ถึงแม้ว่าอากามัทสุจะอยู่ในท่าเตรียมพร้อมแต่เขาก็ยังไม่เป็นฝ่ายจู่โจมหลิงหยุนในทันที แต่ยังคงพูดจาพร้อมกับไต่ถามหลิงหยุนด้วยความภูมิอกภูมิใจ

 

“ข้าเองก็อยากจะรู้ท่านช่วยสาธยายให้ข้าฟังหน่อยสิ..”

 

หลิงหยุนตอบไปเพียงแค่นั้นแล้วก็ไม่พร่ามไร้สาระอีก แต่กลับเงยหน้าขึ้นมองแวมไพร์ขั้นบารอนทั้งเก้าที่บินมารวมตัวอยู่บนท้องฟ้าอีกครั้ง

 

แวมไพร์ขั้นบารอนทั้งเก้าตนนั้นได้จัดการดึงลูกธนูออกจนหมดสิ้นแล้วและรู้ว่าด้วยเพดานบินในระดับ 1500 เมตรนี้ หลิงหยุนจะไม่สามารถทำอันตรายพวกมันได้ พวกมันจึงกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง และเฝ้าดูการต่อสู้ที่ดุเดือดของทั้งคู่ที่อยู่บนพื้นดิน

 

ทั้งหลิงหยุนและนินจาญี่ปุ่นต่างก็สวมผ้าปิดบังใบหน้าสีดำแม้ว่าพวกมันจะเป็นแวมไพร์ แต่ในระยะที่สูงเช่นนั้น ก็ไม่สามารถแยกออกได้ว่าใครเป็นใคร

 

แต่สำหรับเฉินเจี้ยนกุ่ยที่อยู่ในขั้นเซียงเทียนนั้นสายตาของมันจะมองเห็นได้ไกลกว่า และหูก็จะสามารถได้ยินไกลกว่าแวมไพร์ตนอื่น มันจึงได้ยินคำพูดของทั้งคู่ได้อย่างชัดเจน และได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า

 

“อะไรกัน..ต่ำกว่าขั้นเซียงเทียน-7 ล้วนเป็นเพียงมด คำพูดแค่นี้เจ้าก็ยังไม่รู้จักอีกหรือนี่!”

 

หูของหลิงหยุนนั้นนับว่าดีกว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยมากสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยินคำพูดว่า ‘ต่ำกว่าขั้นเซียงเทียน-7 ล้วนเป็นเพียงมด’ เพราะทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ จู่ๆหลิงหยุนก็นึกถึงเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างจิงเหยียวกับซือกงถูในคืนนั้นขึ้นมา!

 

จากคำบอกเล่า..หลวงจีนเฉวียนหมิงซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-5 ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจิงเหยียว ส่วนจิงเหยียวนั้นก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซือกงถู

 

หลิงหยุนเพิ่งจะสู้กับยอดฝีมือระดับสูงสุดของขั้นเซียงเทียน-6มาก่อนหน้านี้ และเคยสู้กับหลิวซุ่ยเฟิง เฉิงกังจง และคนอื่นๆที่อยู่ในขั้นเซียงเทียน-5 มาแล้วเช่นกัน แต่เขากลับรู้สึกว่าขั้นเซียงเทียน-4 ขั้นเซียงเทียน-5 และขันเซียงเทียน-6 นั้น ล้วนแล้วแต่กำลังภายในไม่แตกต่างกันมากนัก

 

นั่นเพราะในขั้นเซียงเทียน-4ไปจนถึงขั้นเซียงเทียน-6 นั้น ล้วนแล้วแต่ยังอยู่ในด่านกลางของขั้นเซียงเทียนทั้งสิ้น

 

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นานหลิงหยุนจึงมั่นใจว่าท่านป้าจิงเหยียวกับซือกงถูน่าจะอยู่ในด่านสุดท้ายของขั้นเซียงเทียนทั้งคู่แล้ว ซึ่งก็คือตั้งแต่ขั้นเซียงเทียน-7 ขึ้นไป..

 

หลิงหยุนถึงกับแอบตกใจอยู่ไม่น้อยเมื่อพบว่าคนของพรรคมารนั้นช่างแข็งแกร่งไม่น้อยเลยทีเดียว! เช่นนี้แล้ว.. แม่แท้ๆของเขาซึ่งเป็นถึงธิดาพรรคมารจะอยู่ขั้นใดกันแน่!

 

หากเวลานั้นไม่ใช่เพราะนางตั้งท้องเก้าเดือนแล้วล่ะก็ศัตรูที่ไล่ล่าพ่อแม่ของเขาเวลานั้นคงยากที่จะมีชีวิตรอดกลับไปได้

 

ต่ำกว่าขั้นเซียงเทียน-7ล้วนเป็นเพียงแค่มดงั้นรึ!

 

“ถ้าเช่นนั้น..ในคืนที่กลับจากเมืองเหวินโจว ธิดาพรรคมารก็ยังไม่ได้ใช้กำลังภายในที่นางมีทั้งหมดกับข้างั้นรึ!”

 

หลิงหยุนถึงกับอึ้งไปเมื่อคิดถึงธิดาพรรคมาร– ร่างที่เหินอยู่กลางเวหา สามารถจู่โจมและป้องกันได้อย่างอิสระ หยุนเพิ่งรู้ตัวว่าในครั้งนั้นไม่เพียงวรยุทธของเขาจะไม่อาจสู้ธิดาพรรคมารได้แล้ว แม้แต่กำลังภายในของเขายังแกร่งสู้นางไม่ได้อีกด้วยด้วย

 

แต่ในเวลานั้นหลิงหยุนเพิ่งจะเข้าขั้นปรับร่างกาย-7 เท่านั้น เพียงแค่ไม่พ่ายแพ้ให้แก่ธิดาพรรคมารทั้งที่นางออมมือให้ ก็นับว่าน่าภาคภูมิใจมากแล้ว

 

แต่เวลานี้หลิงหยุนอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-9แล้ว..

 

“ต่ำกว่าเซียงเทียนเจ็ดล้วนเป็นแค่มดงั้นรึ!เยี่ยม.. แต่ต่อให้ข้ายังไม่เข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-3 อย่างเจ้าพูด ข้าก็สามารถสังหารนินจาญี่ปุ่นไปได้มากมาย!”

 

สายตาของหลิงหยุนจับจ้องอยู่ที่ร่างของอากามัทสุแน่นิ่งและน้ำเสียงก็ช่างเฉยเมย ระหว่างที่พูดนั้น หลิงหยุนก็เดินพลังลับหยินหยาง และดาราคุ้มกายขั้นสูงสุดเตรียมพร้อมไว้เช่นกัน!

 

“ฮ่า..ฮ่า.. นี่พ่อหนุ่ม.. เจ้าคิดว่านินจาอย่างพวกเราจะฆ่าได้ง่ายๆอย่างนั้นรึ”

อากามัทสุยิ้มอย่างมีเลศนัยและจู่ๆก็หัวเราะเสียงดังออกมา แล้วร่างของเขาก็หายไปในทันที!

 

และนี่คือวิชานินจุทสึที่สามารถล่องหนหายตัวได้ของเหล่านินจา!

 

แววตาของหลิงหยุนเต็มไปด้วยความตกใจอย่างยากที่จะปิดบังไว้ได้หลิงหยุนเริ่มตื่นตระหนก และรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันที

 

“ท่าไม่ดีแล้ว!”

 

และในวินาทีนั้นเองร่างของอากามัทสุที่หายวับไปนั้น ก็ได้มาโผล่ตรงด้านหลังหลิงหยุนพร้อมกับดาบยาวในมือ แต่เขากลับเอื้อมมือหนึ่งข้างล้วงดาบสั้นข้างเอวออกมา และจ้วงแทงเข้าที่ตำแหน่งหัวใจจากด้านหลังของหลิงหยุนทันที!

 

มีดสั้นของอากามัทสุนั้นยาวสองฟุตแต่ความเร็วนั้นไม่ต่างจากงูที่กำลังจะฉกเหยื่อ ทุกอากัปกิริยาของอากามัทสุล้วนเป็นไปด้วยความเงียบสงัด ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลม!

ชัวะ!

 

เสียงคมของมีดสั้นกระทบเข้ากับเสื้อของหลิงหยุนดังขึ้นและตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของเขา แต่จู่ๆ กระบี่อ่อนลวดลายมังกรก็โผล่ขึ้นมาจากมือซ้ายของหลิงหยุน เขาใช้กระบี่อ่อนแทนแส้ตวัดรอดรักแร้ข้างขวาทะลุไปทางด้านหลัง และเจาะเข้ากลางหน้าอกของอากามัทสุอย่างรวดเร็ว

 

หลิงหยุนหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับอากามัทสุอย่างรวดเร็วพร้อมกับตวัดกระบี่มังกรขาวทำลายเส้นลมปราณ และอวัยวะสำคัญภายในร่างกายของเขาทันที!

 

เลือดสีแดงสดกระสานซ่านเซ็นออกมาจากหน้าอกของอากามัทสุ!

 

นี่คือการลอบโจมตีจากการลอบโจมตีของฝ่ายตรงข้ามอีกที!

 

หลิงหยุนนั้นขึ้นชื่อเรื่องการลอบโจมตีคู่ต่อสู้!อย่างเช่นในเวลานี้.. เขาแสร้งทำเป็นส่งเสียงกรีดร้อง เพื่อจงใจให้อากามัทสุชะงัก!

 

อากามัทสุใช้วิชานินจิทสุหายตัวเพื่อโจมตีหลิงหยุน แต่กลับกถูกหลิงหยุนโจมตีกลับจนได้รับบาดเจ็บสาหัสแทน

 

อากามัทสุพบว่าที่หน้าอกของตนเองนั้นมีกระบี่อ่อนสีขาวแทงอยู่เขาสัมผัสได้ถึงไอเย็นยะเยือก และเห็นว่าตนเองได้เพลี่ยงพล้ำให้กับหลิงหยุนแล้ว จึงรีบใช้วิชานินจาหลบหนีออกมาทันที

 

แม้ว่าอากามัทสุจะใช้วิชานินจาที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็วแต่หลิงหยุนเองก็ไม่ได้เชื่องช้าแม้แต่น้อย เขาเปลี่ยนใจจากที่คิดจะใช้กระบี่โลหิตแดนใต้ตัดศรีษะของอากามัทสุ มาเป็นตวัดกระบี่มังกรขาวในมือที่เจาะอยู่กลางหน้าอกของอากามัทสุรัวๆแทน..

 

“อ๊าก..”

 

ร่างของอากามัทสุเปลี่ยนเป็นสีแดงชุ่มด้วยเลือดไปภายในพริบตาแต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่แสดงความเจ็บปวดออกมาแม้แต่น้อย และได้แต่สาปแช่งหลิงหยุนด้วยความโกรธแค้น!

 

เหล่านินจานั้นล้วนถูกฝึกให้ต้องทนกับความเจ็บปวดมากมายนับไม่ถ้วนไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่สามารถใช้คำเรียกว่านินจาได้!

 

อากามัทสุสบถออกมาด้วยความเคียดแค้นเพราะหลิงหยุนนั้นโหดเหี้ยมเกินไป!

 

หลิงหยุนจ้องมองอากามัทสุพร้อมกับยิ้มอย่างพอใจและได้แต่คิดในใจว่า ‘วิชานินจาของพวกเจ้านับว่าแข็งแกร่งอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่ข้ามีเนตรหยิน-หยาง และจิตหยั่งรู้ คิดจะเล่นซ่อนหากับข้าน่ะรึ!’

 

เจ้ารนหาที่ตายเอง!

 

“ต่ำกว่าเซียงเทียน-7เป็นเพียงแค่มดงั้นรึ”

 

หลิงหยุนทำเสียงเย้ยหยันเขารู้ว่าเส้นลมปราณของอากาสุกะถูกทำลายแล้ว และร่างที่กำลังหายใจไม่ออกนี้กำลังจะพังทลายลง

 

“ท่านนินจา..ท่านยังต้องการลิ้มรสกระบี่ของข้าอีกหรือไม่”

 

หลิงหยุนจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของอากามัทสุและหน้าอกที่เปื้อนไปด้วยเลือด พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะดังกังวานออกมา รังสีอำมหิตครอบคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ..

และภายในคฤหาสน์ตระกูลเฉินเวลานี้ก็มืดมนลงไปทุกที!