ตอนที่ 1642 เริ่มแผนการ (3)

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1642 เริ่มแผนการ (3)

 

ทุกคนรู้ว่าสํานักธาราเมฆเข้าง่ายแต่ออกยาก การที่ขุมกําลังที่ได้มาใหม่ถูกขังอยู่ในสํานักธาราเมฆและถึงจะอยากให้พวกเขาออกมาทั้งหมดมันก็เป็นไปไม่ได้ จําเป็นต้องรอเวลาหลายปี สิบสองวิหารจึงต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่พอใจมากที่ต้องเป็นแบบนี้ แต่งานชุมนุมเทพยุทธ์ไม่ใช่ที่ที่สิบสองวิหารจะพูดอะไรได้ การที่สามารถเลื่อนงานชุมนุมออกไปได้ก็เป็นผลจากการโต้เถียงอย่างดุเดือดกับเก้าอาราม จะให้พวกเขาละเมิดกฏของงานชุมนุมเทพยุทธ์มากไปกว่านี้ เก้าอารามคงไม่ชอบใจแน่

 

แต่ตอนนี้เรื่องกลับกลายเป็นดี จู่ๆสํานักธาราเมฆก็ปล่อยทุกคนออกมาด้วยสาเหตุอะไรก็ไม่รู้ ทําให้สิบสองวิหารดีใจอย่างที่สุด ต้องรู้ว่านอกจากศิษย์ที่เพิ่งเข้าสํานักธาราเมฆแล้ว ยังมีพวกรุ่นพี่จากรุ่นก่อนๆที่ยังไม่สามารถจบการฝึกได้ทั้งที่ผ่านมานานมากแล้วก็ถูกปล่อยตัวออกมาเช่นกัน แม้ว่ารุ่นพี่พวกนี้จะไม่ได้มีพรสวรรค์มากมายขนาดนั้น แต่ถึงยังไงพวกเขาก็ยังเป็นกําลังของสิบสองวิหารอยู่ดี

 

อาจกล่าวได้ว่าสิบสองวิหารเต็มไปด้วยความดีใจ พวกเขาตีกลองโห่ร้องต้อนรับการกลับมาของผู้เยาว์พวกนี้

 

ประมุขของวิหารต่างๆก็พอใจกับผลลัพธ์ดังกล่าวเป็นอย่างมาก

 

เพราะครั้งนี้พวกเขาสามารถดึงตัวผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์มากกว่ากลุ่มผู้เยาว์ในงานชุมนุมเทพยุทธ์ครั้งก่อนๆมาเข้าวิหารของตนได้

 

แต่การกลับมาของเหล่าผู้เยาว์ไม่ได้นําความสุขมาให้ทุกวิหาร

 

อย่างเช่นวิหารมารโลหิตในตอนนี้

 

ภายในวิหารมารโลหิต ประมุขวิหารมารโลหิตกู่อี้นั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ เขาอายุมากแล้วแต่เมื่อพิจารณาแค่รูปลักษณ์ของเขา เขาดูเหมือนชายวัยกลางคนอายุประมาณ 40 ปีเท่านั้น มีเพียงริ้วผมสีเทาตรงขมับสองข้างที่เผยให้เห็นถึงอายุที่ปกปิดเอาไว้อย่างดีของเขา กู่อี้มีใบหน้าหล่อเหลา กาลเวลาทําอะไรเขาไม่ได้เลย แต่กลับเพิ่มความรู้สึกที่หนักแน่นเด็ดขาดและบรรยากาศที่มีอํานาจรอบตัวเขาแทน

 

ที่พื้นของห้องโถงใหญ่ เหล่าผู้อาวุโสของวิหารมารโลหิตยืนอยู่ทั้งสองข้างของห้องโถง บรรยากาศภายในวิหารมารโลหิตค่อนข้างหนักอึ้ง

 

ชายสูงอายุคนหนึ่งที่มีใบหน้าซีดเซียว ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ยืนอยู่กลางห้องโถงใหญ่ เขามองไปที่กู่อี้พลางพูดว่า “ไม่มีใครรู้ว่าการตัดสินใจของสํานักธาราเมฆครั้งนี้หมายถึงอะไร แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว วิหารมารโลหิตเราเสียเปรียบมากที่สุด”

 

“โอ้? ยังไงล่ะ?” กู่อี้เลิกคิ้วมองชายชราที่พูด ชายชราคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นปู่ของหลินเฮ่าอวี่ ผู้อาวุโสหลิน ที่ติดตามกู่อี้มาเป็นเวลานานและเป็นคนที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างมากในวิหารมารโลหิต

 

“ในงานชุมนุมเทพยุทธ์ครั้งล่าสุด มีคนที่มีความสามารถสูงปรากฏตัวขึ้นหลายคน แต่ส่วนใหญ่ถูกวิหารอื่นดึงตัวไป แม้ว่าจะมีคนเข้ามาร่วมกับวิหารมารโลหิตเราเป็นจํานวนมาก แต่จํานวนคนที่มีพรสวรรค์สูงนั้นค่อนข้างน้อย ท่านประมุขก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าในงานชุมนุมเทพยุทธ์ครั้งล่าสุดนี้ คนที่โดดเด่นที่สุด 6 คน ไม่มีใครเลือกเข้าร่วมวิหารมารโลหิตของเราเลย แม้ว่าวิหารมารโลหิตจะส่งคําเชิญให้ทั้ง 6 คน แต่ทุกคนก็หาเหตุผลต่างๆมาปฏิเสธเรา ถ้านี่เป็นแค่คนเก่งทั่วๆไปมันก็คงไม่ได้สําคัญอะไรนัก แต่คนพวกนั้นมีพลังที่ในร้อยรอบปีก็ยังพบเห็นได้ยาก เดิมที่ผู้เยาว์พวกนี้ต้องใช้เวลาฝึกฝนอยู่ในสํานักธาราเมฆเป็นเวลาหลายปี ซึ่งเป็นเรื่องดีเพราะวิหารมารโลหิตเราจะได้มีเวลาปรับตัวบ้าง แต่ตอนนี้พวกเขาถูกปล่อยตัวออกมาก่อนกําหนด วิหารอื่นๆมีผู้เยาว์พวกนี้เพิ่มเข้าไป ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน นี่เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวิหารมารโลหิตเรา” ผู้อาวุโสหลินขมวดคิ้ว พวกเขาเคยพยายามต่อสู้แย่งชิงผู้เยาว์ที่โดดเด่นที่สุดจากงานชุมนุมเทพยุทธ์เพื่อให้เข้าร่วมกับวิหารมารโลหิต แต่สิ่งที่ทําให้พวกเขาอยากกระอักเลือดออกมามากที่สุดก็คือไม่มีใครยอมเข้าร่วมเลยสักคน

 

ในขณะที่ทุกวิหารกําลังแข่งขันกันเพื่อให้ได้มาซึ่งขุมกําลังใหม่ ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันมากเช่นนี้ยิ่งเห็นได้อย่างชัดเจน