ตอนที่ 1643 ความกังวลที่ซ่อนอยู่ของวิหารมารโลหิต (1)

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1643 ความกังวลที่ซ่อนอยู่ของวิหารมารโลหิต (1)

 

การกระทําของสํานักธาราเมฆได้เร่งเวลาของความเหลื่อมล้ํานั้นเข้ามา

 

ความแข็งแกร่งของวิหารมารโลหิตและวิหารปีศาจเพลิงนั้นแทบไม่ต่างกันเลย หลังจากวิหารปีศาจเพลิงสูญเสียผู้อาวุโสไป 2 คนติดต่อกัน ก็เป็นโอกาสดีที่วิหารมารโลหิตจะกดข่มวิหารปีศาจเพลิงได้ แต่ในตอนนั้นเอง วิหารปีศาจเพลิงก็ได้ตัวผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์ที่หายากสามารถบรรลุถึงขั้นพลังวิญญาณสีม่วงขั้นสามซึ่งเป็นพลังในระดับเดียวกับผู้อาวุโสได้ตั้งแต่อายุยังน้อย

 

ผู้เยาว์ที่มีพลังถึงระดับนั้นได้ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ไม่มีใครสามารถเดาได้ว่าพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นรวดเร็วแค่ไหนในอนาคต แต่สําหรับวิหารมารโลหิต มันคือภัยคุกคามที่ร้ายแรง

 

คําพูดของผู้อาวุโสหลินทําให้กู่อี้จมอยู่ในห้วงความคิด เขาคิดว่าคําพูดเหล่านั้นไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล

 

สถานการณ์ระหว่างวิหารมารโลหิตกับวิหารปีศาจเพลิงกําลังตึงเครียดอย่างมาก ทั้งสองวิหารทุ่มเทพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะอีกฝ่าย

 

“วิหารปีศาจเพลิงได้เฉียวไป แต่วิหารมารโลหิตเรากลับเสียศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงไป 2 คน เทียบกันแล้ว ความแข็งแกร่งของวิหารมารโลหิตกําลังลดลงเรื่อยๆ” ผู้อาวุโสหลินพูดต่อ

 

ในบรรดาผู้มีพรสวรรค์รุ่นใหม่ของวิหารมารโลหิต พลังของสวี่มู่และหลินเฮ่าอวี่ได้รับการยกย่องมากที่สุด

 

แม้ว่าสวี่มู่จะมีชาติกําเนิดที่ต่ําต้อย แต่เขาก็มีพรสวรรค์อย่างมาก วิหารมารโลหิตตั้งใจจะให้เขาฝึกฝนในสํานักธาราเมฆไปอีกสักพัก นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาไม่รีบเรียกเขากลับมา

 

ความจริงแล้วด้วยพลังของสวี่มู่ ไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะผ่านการทดสอบของสํานักธาราเมฆ แต่เป็นเพราะการตัดสินใจของวิหารมารโลหิต ตอนนี้สวี่มู่จึงแทบจะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปแล้ว!

 

เมื่อเส้นลมปราณทั้งหมดของเขาถูกซูหย่าทําลายสิ้น ต่อให้ใช้สมุนไพรที่ล้ําค่าที่สุดเพื่อช่วยเขา ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะฟื้นคืนสู่สภาพเดิมที่เคยเป็น

 

และสถานการณ์ของหลินเฮ่าอวี่ก็ยิ่งเลวร้ายเข้าไปอีก แม้ว่าร่างกายเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บที่รุนแรงอะไรแบบนั้น แต่จิตใจของเขาก็พังทลายอย่างสมบูรณ์

 

สําหรับสี่มู่ เขายังคงได้รับการดูแลในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะไม่สามารถฟื้นฟูจนเก่งกาจเท่าเดิมได้ แต่ก็ยังสามารถฟื้นพลังคืนมาได้บ้าง แต่หลินเฮ่าอวี่ที่เสียสติไปแล้วนั้น ต่อให้มีพลังที่ไม่มีใครเทียบได้ การเป็นคนบ้าก็ไม่ต่างอะไรกับการสูญเสียพลังในการต่อสู้ไปทั้งหมด

 

การสูญเสียผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นที่สุดไปถึงสองคนทําให้วิหารมารโลหิตหงุดหงิดอยู่ตลอด

 

และทั้งสองเหตุการณ์นี้ หนึ่งเกิดขึ้นจากสํานักธาราเมฆ อีกหนึ่งเป็นฝีมือของคนจากวิหารปีศาจเพลิง

 

ด้วยตําแหน่งของสํานักธาราเมฆในอาณาจักรกลาง แม้ว่าวิหารมารโลหิตอยากได้คําอธิบายจากพวกเขา มันก็คงไม่ได้ผลสักเท่าไรนัก

 

แต่ในกรณีของหลินเฮ่าอวี่…

 

“อาการของหลินเฮ่าอวี่เป็นยังไงบ้าง?” กู่อี้ถาม

 

ผู้อาวุโสหลินถอนหายใจเบาๆ แล้วส่ายหน้า

 

หลังจากหลินเฮ่าอวี่ถูกนําตัวกลับมาที่วิหารมารโลหิต ผู้อาวุโสหลินได้เรียกหมอมาทําการรักษาเป็นจํานวนมาก และยังเชิญผู้มีความรู้ทางการแพทย์ที่เก่งกาจมามากมายเพื่อจะรักษาหลินเฮ่าอวี่ให้หายขาด แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ทําให้ผู้อาวุโสหลินต้องสิ้นหวัง

 

ไม่ว่าจะมีคนมาตรวจอาการของหลินเฮ่าอวี่สักกี่คน ข้อสรุปที่ได้มาก็เหมือนกันหมด

 

พวกเขาทําอะไรไม่ได้!

 

หลินเฮ่าอวี่กลัวจนเป็นบ้า มันไม่ใช่สิ่งที่จะรักษาหรือกินยาให้หายได้ เพราะมันเป็นความเจ็บปวยทางจิต!

 

ผู้อาวุโสหลินฝึกฝนอย่างหนักมาตลอดชีวิต เขามีลูกชายแค่คนเดียวตอนที่แก่แล้ว แต่ลูกชายของเขาก็อ่อนแอขี้โรคมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าผู้อาวุโสหลินจะใช้สมบัติมากมายไปกับสมุนไพร ค่านับไม่ถ้วนเพื่อต่อชีวิตของเขา แต่สุดท้ายเขาก็ยอมพ่ายแพ้ต่อความเจ็บป่วย ตลอดชีวิตของลูกชายผู้อาวุโสหลินจนกระทั่งตายมีทายาทเพียงคนเดียว นั่นก็คือหลินเฮ่าอวี่ ผู้อาวุโสหลินเลี้ยงดูเขาด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด เขากังวลมากว่าหลานชายจะอายุสั้นเหมือนลูกชายของเขา

 

โชคดีที่หลินเฮ่าอวี่สามารถมีชีวิตอยู่และเติบโตขึ้นตามที่คาดหวังพร้อมร่างกายที่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก พรสวรรค์ในด้านพลังวิญญาณก็ค่อนข้างสูง ทําให้ผู้อาวุโสหลินอยากใช้ทรัพยากรทั้งหมดของเขาไปกับหลานชายคนเดียวของเขาคนนี้