ตอนที่ 622

The Divine Nine Dragon Cauldron

“ข้าจะให้พวกเจ้าเลือก จะตาย หรือจะรับใช้ข้า”

 

น้ำเสียงของซือหยูมิได้ดึงกึกก้อง แต่ทหารทั้งสิบหกคนที่ได้ยินนั้นราวกับได้ยินเสียงสายฟ้าปะทุมาจากข้างใบหู

 

“ท่านผู้เฒ่า ข้าจะรับใช้นายท่านตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”

 

หนึ่งในทหารที่คิดอ่านได้เร็วตัดสินใจที่จะโค้งคำนับให้กับซือหยู เขาเลือกที่จะเสี่ยงขณะที่คนอื่นกำลังหวาดกลัว

 

เมื่อเขาเริ่ม คนอื่นจึงทำตาม เพราะชีวิตของพวกเขากำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย พวกเขายังไม่อยากตายแบบนี้!

 

“เอาล่ะ เลือกคิดจะต่อต้านซะ ข้าจะวางผนึกลงในวิญญาณเจ้า เจ้าจะได้ไม่ทรยศใครอีก!”

 

ซือหยูพูด

 

เมื่อวาน พวกเขารับใช้หลงจื้อชิง วันนี้ พวกเขารับใช้ฟู่กังซาน พรุ่งนี้ เขาจะรับใช้ซือหยู

 

ดังนั้นแล้วซือหยูจึงต้องทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทรยศอีก การควบคุมด้วยวิญญาณเป็นหนทางที่ทำได้

 

ทันใดนั้น สีหน้าของทหารหลายคนเปลี่ยนไป พวกเขากำลังลังเล

 

“ท่านผู้เฒ่า ข้าเอง!”

 

เสียงนั้นมาจากทหารตัวเตี้ยที่เฉลียวฉลาดคนเดิม เขาล้มเลิกความคิดที่จะต่อต้านจนหมดสิ้น

 

ซือหยูเหลือบมองและถาม

 

“ฉลาดดีนี่ เจ้าชื่ออะไร?”

 

“ข้าน้อยลั่วซวง ยินดีรับใช้นายท่าน นี่คือโชคชะตาของข้า!”

 

ลั่วซวงตอบ

 

แม้แต่ซือหยูก็ต้องยอมรับว่าลั่วซวงคนนี้ฉลาดกว่าคนทั่วไป ขณะที่คนอื่นตัวแข็งทื่อเพราะความกลัว เขาก็ได้ใช้โอกาสนี้แสดงความภักดีมาแล้ว ความกล้าหาญของเขาเป็นสิ่งน่าชมเชย

 

ซือหยูพยักหน้าเบาๆ ฝ่ามือเรียกสายฟ้าผสานกับวิญญาณ คลื่นพลังก่อตัวเป็นสัญลักษณ์ตราลงในวิญญาณลั่วซวง

 

ตลอดขั้นตอน สีหน้าลั่วซวงมิได้เปลี่ยนไปเลย เขาใจเย็นมาก

 

หลังจากที่เขาเริ่มเป็นคนแรก คนอื่นก็ต้องก้มหน้าทำตามแม้จะโศกเศร้า พวกเขายอมให้ซือหยูตราดวงในอัสนีไว้ในดวงวิญญาณของตน ซือหยูสามารถกุมชะตาชีวิตของทหารเหล่านี้ได้ทั้งหมด!

 

“ลั่วซวง นับแต่นี้ไป เจ้าคือหัวหน้าของคนที่เหลือ”

 

ลั่วซวงดูดีใจ การแสดงความภักดีเป็นคนแรกได้ผลจริงๆ นับแต่นี้ไป ถ้าเขาติดตามเด็กหนุ่มที่มีพลังยากจะหยั่งถึงผู้นี้ คนที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดก็คงจะเป็นตัวเขาอย่างแน่นอน!

 

ทหารอีกสิบห้าคนแอบเหลือบมองกัน พวกเขาจ้องมองแผ่นหลังของลั่วซวงและดูจะไม่พอใจ

 

ซือหยูเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น

 

“ถ้าพวกเจ้าอยากจะพูดอะไรก็พูดออกมาตั้งแต่ตอนนี้ ถ้าหากมีปัญหาภายในเกิดขึ้นในอนาคต…จงอย่าโทษว่าข้าไม่มีเมตตา!”

 

แววตาซือหยูเยือกเย็น

 

ทหารทั้งสิบห้าคนเงียบกริบ พวกเขาก้มหน้าเลี่ยงที่จะผสานสายตากับซือหยู

 

ในบรรดาทหาร มีอยู่คนหนึ่งที่ตัวใหญ่กว่าคนอื่น พลังของเขายังแข็งแกร่งกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด

 

นั่นเป็นเพราะว่าพลังวิญญาณของเขาบริสุทธิ์มาก เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่เขาจะได้เป็นกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสามดวงง เขายืนขึ้น

 

“นายท่าน ข้าน้อยหลี่เจิง เป็นผู้ช่วยหัวหน้ากลุ่มกวาดล้าง ข้าเคยเป็นผู้นำมาก่อน ข้าเชื่อว่าคงจะดีกว่าหากให้ข้าได้นำกลุ่ม”

 

ตามปกติ ทหารเล่านี้ไม่คุ้นเคยกับการโค้งคำนับให้ลั่วซวง ก่อนหน้านี้ ลั่วซวงเป็นแค่สมาชิกธรรมดาๆในกลุ่ม ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พิเศษอะไร เขามักทำภารกิจอยู่ในเบื้องหลัง

 

แต่วันนี้ เขาทำให้ซือหยูพอใจจนได้เป็นหัวหน้า ดังนั้นคนอื่นจึงไม่เต็มใจที่จะยอมรับ

 

“ผู้ช่วยหัวหน้ารึ? เช่นนั้นเจ้าก็เป็นผู้ช่วยหัวหน้าต่อไปแล้วกัน”

 

ซือหยูพูดอย่างเย็นชา

 

หลี่เจิงไม่อยากจะยอมรับการตัดสินใจนี้ เขาพูดอย่างกล้าหาญ

 

“นายท่าน ข้าแข็งแกร่งกว่าลั่วซวงมากนัก”

 

ลั่วซวงที่คุกเข่ารู้สึกอึดอัดเมื่อได้ยินบทสนทนาที่เกี่ยวกับเขา แม้แต่เขาก็รู้ตัวว่าอ่อนแอจนยากมากที่จะเหนือกว่าคนอื่น

 

“หืม เจ้าคงไม่ได้แข็งแกร่งกว่าลั่วซวงนานนักหรอก”

 

ซือหยูหยิบเอาผลไม้ทองคำออกมาจากมุมวิญญาณเก้าหยกและโยนมันให้กับลั่วซวง

 

“ถ้าเจ้ามีเวลา จงกินมันเข้าไป มันจะชำระล้างพลังวิญญาณของเจ้า…”

 

ซือหยูพูดอย่างเย็นชา

 

ลั่วซวงยื่นมือรับผลไม้ทองคำ เขาจ้องมองมันและเบิกตากว้างเพราะไม่รู้ว่ามันคืออะไร

 

หลี่เจิงที่อยู่หลังลั่วซวงอ้าปากค้าง เขาตกตะลึง

 

“ผลโพธิ์เทวะรึ? หา! นี่มันของเทพที่ดีที่สุดที่จะชำระล้างพลังวิญญาณในทวีปเฉินหลง! หลายคนทำได้แค่ฝันถึงมัน บอกเลยว่าถ้าใช้มันเป็นครั้งแรก คนคนนั้นก็จะชำระล้างพลังได้โดยสมบูรณ์!”

 

เขาตื่นเต้นมาก

 

“แค่ลูกเดียวก็เทียบเท่ากับแก้วพลังชีวิตหนึ่งดวง! แต่ผลไม้นี่สูญพันธุ์ไปตั้งแต่หลายพันปีก่อน ไม่มีใครเคยเห็นมันเลยจนถึงตอนนี้!”

 

ผลโพธิ์เทวะรึ? ในจิวโจว มันคือทับทิมวิญญาณขนนก เมื่อทิ้งไว้สักระยะ ผลทับทิมวิญญาณขนนกได้สุกงอม เขามีมันอย่างน้อยสิบลูกในตอนนี้

 

“นะ…นี่คือผลโพธิ์เทวะรึ?”

 

ลั่วซวงริมฝีปากสั่น รวมทั้งมือของเขาเองด้วย นี่เป็นผลไม้เทวะในตำนานของทวีป มันเป็นที่รู้จักจากบันทึกเก่าแก่เท่านั้น เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะได้มันมาครอง!

 

ถ้าหากเขากินมัน เขาจะเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสามดวง! และถ้าการก่อแก้วสำเร็จ เขาอาจจะเป็นภูติเลยก็ได้!

 

“ขอบคุณนายท่านที่เอื้อเฟื้อ ข้าจะรับใช้นายท่านจนวันสิ้นโลก!”

 

ลั่วซวงดีใจมาก! เขาเก็บผลทับทิมวิญญาณขนนกลงไปขณะที่คนอื่นมองด้วยความอิจฉา

 

ซือหยูมองสีหน้าทุกคน จากนั้นเขาก็พลิกฝ่ามือ เขาหยิบเอาทับทิมวิญญาณขนนกมาอีกผล

 

“ผลโพธิ์เทวะน่ะรึ? ข้ายังมีอีกหลายลูก พวกเจ้าจะได้ไปหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเจ้า!”

 

“ยังมีอีก! นายท่านยังมีอีก!”

 

“อะไรกัน มีผลโพธิ์เทวะอีกลูก!”

 

….

 

หลายคนโค้งคำนับให้กับซืหยู

 

“นายท่าน เราสาบานว่าจะรับใช้นายท่านจนตัวตาย!”

 

พวกเขาตะโกนออกมา

 

ขณะที่บางคนกำลังสาปส่งกับการประจบประแจง คนที่เหลือล้วนโค้งคำนับแก่ซือหยู เพราะผลไม้เทวะมิใช่สิ่งที่พันธมิตรผู้คุมสวรรค์จะมอบให้พวกเขาได้! มีแค่ซือหยู เด็กหนุ่มลึกลับตาบอดแต่ก็ยังแข็งแกร่งผู้นี้ที่จะทำได้!

 

หลี่เจิงคุกเข่าและแอบกัดลิ้นตัวเอง เขาจ้องมองแผ่นหลังลั่วซวง ซือหยูพอใจกับท่าทางของทหารมาก นี่คือผลลัพธ์ที่เขาหวังเอาไว้

 

“น้องซือ เจ้ายังมีอีกสักลูกหรือไม่? ข้ายินดีจะรับใช้เจ้า”

 

กังต้าเหล่ยลูบมือทั้งสองและยิ้มพร้อมกับเดินไปหาซือหยู เขาไม่ละสายตาไปจากทับทิมวิญญาณขนนก

 

ซือหยูหัวเราะเสียงดังลั่น เขาโยนลูกหนึ่งให้กังต้าเหล่ย

 

“พี่กังรับไว้เถอะ ข้าไม่คิดว่าพี่กังจะขาดเหลือสมบัติอะไรอื่นหรอกนะ”

 

ซือหยูพูดตรงมาก เพราะกังต้าเหล่ยสามารถหาโลหิตมังกรมาได้โดยที่ไม่มีใครรู้ โลหิตมังกรยังอยู่ในแหวนมิติของซือหยูอยู่เลย เขามั่นใจว่ากังต้าเหล่ยจะต้องมีสมบัติมหาศาลอยู่กับตัว

 

กังต้าเหล่ยดูจะเข้าใจว่าซือหยูพูดถึงสิ่งใด เขาถอนหายใจ

 

“เจ้าคิดว่าข้าเป็นเหมือนเจ้ารึไง? เจ้าเดินทางไปค้นสมบัติได้ทุกที่ แต่ข้าต้องหาสมบัติชิ้นหนึ่งมาแลกกับสมุนไพรสายฟ้าให้ตาแก่ ข้าต้องนั่งอยู่ในที่รกร้างเกือบเดือนครึ่ง และข้าก็ไม่เจออะไรเลย! ข้าย่ำแย่เสียยิ่งกว่าฉินยู่ชางที่เก็บสมุนไพรในชั้นเจ็ดเสียอีก!”

 

ซือหยูอ้าปากค้าง เขารู้สึกสงสารกับสิ่งที่ต้าเหล่ยต้องเจอ

 

“แล้วข้าล่ะ?”

 

เสียงอันอ่อนโยนดังมาจากข้างๆ มืออันอ่อนนุ่มที่ขาวราวหิมะยื่นมาที่ซือหยู

 

ฉีหยุนเซี่ยงก็อยากจะร้องขอ แต่นางอายจนทำได้แค่เดินเข้าหาซือหยูและหลบหน้าเขา นางหน้าแดง นั่นทำให้บรรยากาศตอนนี้ดูตลกมากขึ้น

 

ซือหยูหัวเราะอย่างมีชีวิตชีวา

 

“แน่ล่ะ ข้าไม่ลืมเจ้าหรอกน่า!”

 

เขาหยิบเอาอีกลูกวางที่มือนาง ซือหยูพอใจมากเมื่อเห็นความยินดีบนใบหน้าอันงดงามนั้น

 

ซือหยูยื่นให้ฉีตงไล่กับหลินหยุนฮีอีกคนละลูก

 

“แด่ท่านผู้เฒ่า คงจะดีถ้าพวกท่านได้กินมัน โปรดอย่าปฏิเสธข้า”

 

แต่พวกเขาทั้งคู่แก่เกินไปแล้ว การดูดซับผลชำระล้างคงจะไม่ดีเท่ากับเด็กอายุน้อย ดังนั้นการให้ผลทับทิมกับพวกเขาจึงนับว่าสูญเปล่า

 

เมื่อเห็นว่าซือหยูหยิบออกมาอีกสามลูก เหล่าทหารรู้สึกราวกับหัวใจโดนกรีดแทง ราวกับว่าซือหยูเฉือนเนื้อพวกเขาไป! นั่นทำให้เหล่าทหารเป็นกังวลมาก เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าซือหยูยังมีผลไม้เทวะเหลืออีกกี่ลูก

 

“อย่ามาเรียกข้าว่าผู้เฒ่าเลย ในหนทางการบ่มเพาะพลัง คนที่แข็งแกร่งกว่าถือว่ามาก่อน เจ้าอย่ามาทำให้พวกข้าดูน่าขันจะดีกว่า!”

 

หลินหยุนฮีหัวเราะอย่างขมขื่น

 

“แต่ข้าจะรับผลไม้นี่ไว้ ถึงมันจะไม่มีประโยชน์กับข้า ข้าก็จะให้คนรุ่นหลังที่ข้ายอมรับ”

 

กังต้าเหล่ยจมูกกระตุก

 

“อาจารย์หลิน ท่านยอมรับข้าหรือไม่?”

 

หลินหยุนฮีหัวเราะกับการเล่นตลก

 

“ไอ้เด็กบัดซบ! เจ้าได้ไปแล้วลูกนึง จะมาเอาอะไรกับข้าอีก?”

 

กังต้าเหล่ยหัวเราะตอบกับคำดุด่าที่ขบขัน

 

“จะมีอีกซักลูกก็ไม่เสียหายอะไรนี่นา!”

 

“เอาล่ะ อย่าเสียเวลาอยู่เลย ข้าต้องกลับไปที่พันธมิตรผู้คุมสวรรค์สักหน่อย!”

 

ซือหยูพูด

 

“ลั่วซวง เจ้านำห้าคนไปปกป้องคนที่เหลือ เจอจ้าววิหคเพลิงที่ตำแหน่งนี้ นี่เป็นสร้อยสื่อสาร รับเอาไว้ ข้าจะติดต่อเจ้าไปทีหลัง”

 

ซือหยูยื่นสร้อยสื่อสารให้กับเขา

 

จ้าววิหคเพลิงรึ? ฉีตงไล่กับคนอื่นแปลกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาสงสัยว่าทำไมฉิวหนิงชุ่ยถึงอยู่นอกเรือรบ

 

เมื่อคิดให้ถี่ถ้วนพวกเขาจึงได้เข้าใจ! ซือหยูได้จัดการให้ฉิวหนิงชุ่ยช่วยผู้เฒ่าจิวกับจ้าวยี่หยูหนีออกมา!

 

หรือพูดอีกอย่างก็คือ ก่อนที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในเรือรบตั้งแต่แรก ซือหยูรู้สึกแล้วว่ามีเรื่องใหญ่จะเกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงเตรียมการไว้ล่วงหน้า!

 

ฉีตงไล่หนาวเย็นในใจ ซือหยูผู้นี้คิดอ่านได้หลักแหลมนัก!

 

เขารู้สึกสงสารฟู่กังซานขึ้นมา บอกได้เลยว่าการอยู่ฝั่งตรงข้ามกับชายคนนี้…ที่มีความคิดอ่านและพลังอันน่ากลัวเป็นเรื่องที่น่าเศร้า แม้แต่เขาเองก็รู้สึกหนาวไปถึงกระดูกเมื่อสมมติว่าตัวเองอยู่ฝั่งตรงข้ามซือหยู

 

“หลี่เจิง เจ้าสิบคนติดตามข้าไปที่พันธมิตรผู้คุมสวรรค์”

 

ซือหยูสั่งการ

 

หลี่เจิงดีใจมาก นี่เป็นโอกาสที่เขาจะได้แสดงฝีมือ! แต่ลั่วซวงกลับดูกังวล โอกาสที่เขาจะได้แสดงฝีมือถูกหลี่เจิงแย่งเอาไปแล้ว

 

“ปกป้องคนเหล่านั้นสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด คนเหล่านั้นคือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตข้า”

 

ซือหยูพูดราวกับอ่านใจลั่วซวงได้ เขาพูดโดยไม่หันหลังไปมองกลุ่มทหาร

 

หลังพูดจบ เขานำกลุ่มทหารบินไปยังพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ เมื่อพวกเขามาถึงใต้ท้องเรือ หลี่เจิงได้ร้องขอ

 

“นายท่าน ให้ข้าได้คุยกับทหารอีกฝั่งให้เปิดทางเข้าเถอะ!”

 

ซือหยูจ้องมองใต้ท้องเรือ เขาหรี่ตา

 

“นายท่าน เรือรบของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์แข็งแรงมาก มันคือสมบัติกึ่งวิญญาณในตำนาน ทางเข้าเดียวคือการใช้ลำดับจากข้างใน ไม่มีใครที่จะพังและบุกเข้าไปได้”

 

หลี่เจิงอธิบาย เขาพยายามจะหาหน้าที่ให้ตัวเอง

 

ซือหยูยกมือขึ้น เขาพูดอย่างมีเลศนัย

 

“อย่างนั้นรึ? ข้าคิดว่าเราไม่ควรจะใช้เส้นทางปกตินะ!”

 

ซู่ม

 

หลี่เจิงมองอะไรไม่เห็นเมื่อมีวัตถุสีแดงปรากฏในฝ่ามือซือหยู จากนั้นก็มีเพลิงอันน่ากลัวพวยพุ่งออกมา

 

ในจุดที่มีลำดับถูกเผาทำลาย! เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังมาจากที่ลับรอบตัวพวกเขา

 

ทหารจำนวนมากรออยู่ตรงลำดับยักย้าย และจำนวนทหารยังมีมากกว่าปกติอย่างมาก!

 

เพราะเวลาผ่านไปนาน ฝั่งที่อยู่ในเรือจะต้องรู้สึกว่าเกิดอะไรขึ้นและเตรียมการเอาไว้ พวกเขาจัดกำลังอย่างแน่นหนา! ถ้าหากซือหยูเข้าผ่านเวทยักย้าย พวกซือหยูก็จะถูกสังหารอย่างแน่นอน!

 

แต่หลี่เจิงตกใจยิ่งกว่ากับเรื่องที่ซือหยูสามารถพังเรือรบของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ได้!

 

นี่น่ะรึพลังการต่อสู้ของภูติ?

 

ขีดจำกัดที่แท้จริงของเด็กหนุ่มคนนี้อยู่ที่ขอบเขตใดกันแน่?

 

“เจ้าจะไม่นำทางข้ารึ?”

 

ซือหยูถามแทรกหลี่เจิงที่กำลังครุ่นคิด