หลี่เจิงดูสง่างามขึ้น แววตาของเขาเฉียบคม
“พี่น้องเอ๋ย นำทางให้นายท่านของเรากันเถอะ”
เขากู่ร้องอย่างโกรธเกรี้ยว ทหารอีกสิบคนเริ่มมีแรงและพลังใจขึ้นมา แต่พวกเขาก็ไม่ลืมที่จะอยู่ในตำแหน่งที่ซือหยูมองเห็นได้ พวกเขาอยากจะให้ซือหยูได้เห็นผลงานของตัวเอง
“นำทางให้นายท่าน!”
ทหารทั้งเก้าตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน พวกเขาพุ่งเข้าไปในเรือรบเหลือไว้แต่เพียงภาพติดตา
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
กลุ่มที่ทรงพลังที่สุดในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ดูสง่าผ่าเผยเพราะเป็นกลุ่มกวาดล้าง พวกเขาคือหนึ่งในสามของกำลังรบในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์
แล้วสมาชิกธรรมดาๆของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จะต้านทานกลุ่มที่ทรงพลังเช่นนี้ได้รึ?
เหล่าทหารที่ซุ่มโจมตีและไม่ได้บาดเจ็บจากเพลิงต้องเผชิญหน้ากับการจู่โจมที่ป่าเถื่อน
“คนที่ยอมจำนนจะถูกไว้ชีวิต แต่คนที่กล้าตอบโต้จะถูกสังหารอย่างไร้ปรานี”
หลี่เจิงมองกึ่งภูติสองคนที่ขวางทางเข้า เขาอัดทั้งคู่เข้ากับกำแพง
เขาราวกับพยัคฆ์ร้ายที่ลอยอยู่กลางอากาศ เขามองคนที่เคยอยู่ฝั่งเดียวกันอย่างเยือกเย็นและตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
แรงกดดันของกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสองดวงและเกียรติยศของกลุ่มกวาดล้างทำให้ทหารที่เหลือยอมแพ้ในทันที กลุ่มกวาดล้างคือกำลังรบหลักของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ พวกเขาคือสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง ดังนั้นทุกคนจึงต้องกลัว
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ทหารที่เหลือเก้าคนบินเข้ามา พวกเขาหันหน้าไปยังเก้าทิศทางเพื่อดูแลความปลอดภัยจากทุกทิศ
“เจ้าคือรองหลี่จากกลุ่มกวาดล้างมิใช่รึ?”
คนที่พูดคือคนที่มาซุ่มโจมตีที่สับสนเมื่อเห็นว่าศัตรูคือใคร
เพราะการจู่โจมอันรุนแรงที่มีพลังทำลายล้างมหาศาล พวกเขาคิดว่าคนจากต่างโลกเข้ามาจู่โจม แต่แท้จริงคือคนของฝั่งตัวเอง!
หลี่เจิงไม่ได้สนใจอะไรนัก เขาล้อมรอบทางเข้ากับทหารเก้าคน
กลุ่มพวกเขาคุกเข่าพูดพร้อมกัน
“ยินดีต้อนรับนายท่าน”
พวกเขาสิบคนต้อนรับชายหนุ่มผมยาวสีเงิน เขาเดินมือไพล่หลัง เมื่อเขาเข้ามา กลุ่มกวาดล้างไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ พวกเขาให้ความนับถือเด็กหนุ่มคนนี้อย่างมาก
เมื่อเท้าซือหยูแตะพื้น เขามองทหารรอบๆ เพลิงที่เขาใช้ไม่ได้สังหารแม้แต่คนเดียวแม้จะทำให้หลายคนบาดเจ็บก็ตาม
พวกเขาควรจะขอบคุณที่ซือหยูยังคงเคารพความเป็นพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ มิเช่นนั้นพวกเขาคงจะไม่ใช่แค่บาดเจ็บ พวกเขาจะถูกเพลิงแผดเผาจนเป็นเถ้าถ่าน!
“ถ้าไม่อยากตายก็อยู่ตรงนี้ เรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับสมาชิกธรรมดาๆอย่างพวกเจ้า”
ซือหยูพูดขณะที่ก้าวไปข้างหน้า
หลี่เจิงยืนขึ้นเข้าไปปกป้องซือหยู เขาหันไปพูดกับทหารรอบๆ
“ใครที่คิดขวางพวกข้าต้องตาย”
กลุ่มกวาดล้างนั้นมีพลังมหาศาล ไม่มีใครกล้าจะเผชิญหน้าด้วย พวกเขาเพียงมองกลุ่มกวาดล้างที่นำโดยซือหยูไปยังส่วนลึกสุดของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ และเมื่อถึงจุดหมาย เหล่าทหารที่นั่นมองมาอย่างงุนงง
“หัวหน้า เกิดอะไรขึ้น? ทำไมกลุ่มกวาดล้างของเราถึงยอมรับเขาเป็นนายล่ะ?”
หนึ่งในกลุ่มทหารถามหัวหน้าของตัวเอง
หัวหน้าทหารมองซือหยูกับคนที่เหลือด้วยสายตาว่างเปล่าและส่ายหน้า
“ข้าไม่รู้ ข้ารู้แต่ว่าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์กำลังจะเปลี่ยนไป”
ในสายตาของเขา เด็กหนุ่มผมสีเงินนี่น่ากลัวกว่าสิ่งอื่นใด
…
มีคนมากมายในโถงหลัก ผู้เฒ่าหลายคนถูกเรียกมาที่นี่เช่นกัน มีกำลังทหารมากมายที่ยืนคุ้มกันนอกโถงหลัก
สีหน้าฟู่กังซานหนักแน่นและมั่นคง ฟู่หงซื่อที่ยืนอยู่ด้านหลังทั้งกังวลและหวาดกลัว
“ฟู่กังซาน เพิ่งผ่านไปไม่นาน แต่เจ้าก็เรียกพวกข้ามาอีกครั้ง นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?”
ผู้เฒ่าเฉินไม่ค่อยพอใจนัก เพราะเขามิอาจรับได้ว่าหลงจื้อชิงถูกปฏิบัติอย่างไร
ผู้เฒ่าคนอื่นเห็นด้วย เพราะพวกเขาเพิ่งจะออกไปจากที่นี่ แต่ก็ต้องกลับมาอีกครั้ง!
ฟู่กังซานเริ่มพูด
“ท่านทั้งหลาย พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ของเรากำลังพบกับอันตรายครั้งใหญ่”
จากสีหน้าและน้ำเสียงของฟู่กังซาน เหล่าผู้เฒ่ารู้สึกว่ามีบางอย่างที่แตกต่างจากสถานการณ์ปกติ พวกเขาจึงใจเย็นลงเพื่อรับฟัง
“ผู้เฒ่าฟู่ถ้าเจ้ามีอะไรจะพูดก็พูดออกมาตรงๆ พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ในตอนนี้ยังขาดเจ้าพันธมิตร เราต้องพูดทุกอย่างระหว่างกันอย่างตรงไปตรงมา”
ผู้เฒ่าเฉินพูด
ฟู่กังซานไม่พอใจเมื่อได้ยิน มาถึงตอนนี้ ผู้เฒ่าเฉินยังไม่เต็มใจที่จะรับเขาเป็นเจ้าพันธมิตรชั่วคราว
ปั้ง!
พื้นสั่นสะเทือน ผู้เฒ่าทุกคนตกใจ พวกเขารีบทรงตัวเพื่อไม่ให้ล้ม
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเรือสั่นล่ะ?”
ผู้เฒ่าเฉินตกตะลึง เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ในตอนนั้น ทหารสองคนที่สวมชุดสีอำพันพุ่งเข้ามา หนึ่งในนั้นแจ้งข่าว
“ผู้เฒ่าฟู่ แย่แล้ว! มีคนบุกเข้ามาในเรือรบ ทางเข้าถูกระเบิด เกือบทุกคนในกลุ่มซุ่มโจมตีบาดเจ็บ พวกเขาแพ้หมด!”
ผู้เฒ่าเฉินกับผู้เฒ่าคนอื่นล้วนตกใจเมื่อได้ยินคำรายงาน มีคนสอดส่องทุกมุมในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ และเมื่อพบว่าเกิดเรื่องร้ายขึ้น พวกเขาก็จะเข้ามารายงาน และสองคนนี้คือคนที่ทำหน้าที่นั้น
“มีกลุ่มที่ซุ่มโจมตีด้วยรึ? พวกนั้นเป็นใคร? แล้วใครกันที่ระเบิดทางเข้าเรือ?”
ผู้เฒ่าเฉินถามอย่างเป็นกังวล
พื้นที่สะเทือนเมื่อครู่ไม่ใช่เรื่องเล็ก และยิ่งทางเข้าถูกเปิดอีก เรื่องนี้จะรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ทหารชุดอำพันไม่กล้าตอบ เขามองฟู่กังซาน
“ฝีมือซือหยู”
ฟู่กังซานตอบ
เหล่าผู้เฒ่าอ้าปากค้าง
“ไม่ใช่ว่าซือหยูถูกเจ้าพันธมิตรหลงแอบประหารไปแล้วรึ? แต่ตอนนี้เจ้ากลับบอกข้าว่าซือหยูมาที่นี่รึ? ฟู่กังซาน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?”
ผู้เฒ่าเฉินพูดโดยไม่มีความสุภาพแม้แต่น้อย
ฟู่กังซานเก็บความโกรธเอาไว้
“พวกเจ้าทุกคนอาจจะไม่รู้เรื่องนี้ แต่ตอนที่ข้าแค้นความจริงจากเจ้าพันธมิตรหลงเมื่อครู่ ข้าได้รู้ว่าศพที่ถูกเผาห้าร่างเป็นของทหารที่เขาเชื่อใจ ข้ายังรู้อีกด้วยว่าซือหยูกับคนที่เหลือถูกแอบปล่อยตัว”
เขาพูดต่อ
“ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของแผนหลงจื้อชิง เขาจับห้าคนไปเพื่อจะให้ทั้งห้าเป็นกำลังต่อสู้! ข้ารู้สึกได้อยู่แล้วว่าซือหยูกับอีกสี่คนร่วมมือกับผู้บุกรุกต่างโลก พอข้าจะลงมือ หลงจื้อชิงรู้ทันเลยตัดสินใจจับตัวพวกเขาไปล้วงหน้าเพื่อยื้อชีวิตพวกมันเอาไว้! และตอนนี้ซือหยูก็เอากำลังจากต่างโลกมาจู่โจมพวกเรา!”
ผู้เฒ่าหลายคนมีข้อสงสัยกับคำพูดของฟู่กังซาน พวกเขาคิดไม่ออกเลยว่าเจ้าพันธมิตรหลงจะเป็นหนอนบ่อนไส้ที่สมคบคิดกับผู้บุกรุกต่างโลก แต่ไม่มีแนวคิดอื่นใดให้พวกเขาจะเชื่อได้ มีแค่ผู้เฒ่าเฉินกับคนอีกหลายคนที่ยังกังขาในเรื่องนี้
“ไม่ว่าจะอย่างไร ถ้าผู้บุกรุกโจมตีเรา เราก็ต้องขับไล่พวกมันออกไปก่อน ผู้บุกรุกทุกคนต้องตาย”
ฟู่กังซานตบโต๊ะและตะโกนเสียงดัง
“เหล่าผู้เฒ่าเอ๋ย โปรดต่อสู้ไปกับข้า! ขับไล่พวกมันออกไป เราจะรักษากำลังสุดท้ายของเผ่าพันธุ์มนุษย์เอาไว้!”
เอี๊ยด!
เสียงประตูโถงถูกผลักออก เหล่าผู้เฒ่าขมวดคิ้ว
หนึ่งในนั้นถาม
“ใครกันที่หยาบคายจนกล้าขัดการประชุมเรื่องสำคัญเช่นนี้?”
เขาหยุดพูดไปเมื่อพบว่าคนที่เข้ามาคือหน่วยกวาดล้างที่นำโดยหลี่เจิง ผู้เฒ่าหลายคนหันไปมองคนที่เข้ามาใหม่
ผู้เฒ่าเฉินขมวดคิ้ว
“หลี่เจิง ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่? มีผู้เฒ่าเรียกเจ้ามาที่นี่รึ?”
ลี่เจิงทำเป็นไม่ได้ยินขณะที่สั่งจัดแถวในหน้าประตูกับคนในหน่วยกวาดล้างที่เหลือ เขาก้มหัวอย่างนอบน้อม เหล่าผู้เฒ่าค่อนข้างคุ้นกับภาพนี้ มันคือการปฏิบัติต่อเจ้าพันธมิตร
“เป็นไปไม่ได้! เจ้าพันธมิตรหลงก็มาด้วยรึ?”
ผู้เฒ่าเฉินอุทาน เขากับผู้เฒ่าหลายคนตกใจ
ฟู่กังซานกับฟู่หงซื่อเองก็ตกใจมาก มีคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว…
เกิดอะไรขึ้น?
หลี่เจิงกับคนอื่นมีชีวิตรอดกลับมารึ?
เช่นนั้นก็ดีแล้วที่พวกเขารอด แต่ทำไมเจ้าพันธมิตรหลงถึงมาที่นี่ด้วยเล่า?
ขณะที่เหล่าผู้เฒ่ายังสงสัย มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในโถงหลัก ร่างของเขาผอมสูง เขาสวมเสื้อผ้าอย่างเรียบง่าย
เขายังมีผมสีเงินที่ยาวมาถึงบ่า ใบหน้าของเขางดงามราวกับเทพในตำนาน
“ซือหยู นี่เจ้า!”
หนึ่งในผู้เฒ่าจำเขาได้ในทันที
หน่วยกวาดล้างถูกจัดขึ้นโดยเจ้าพันธมิตร หน่วยนี้จะภักดีกับเจ้าพันธมิตรเท่านั้น ดังนั้นเหล่าผู้เฒ่าจึงสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“หึหึ เหล่าผู้เฒ่า เราได้เจอกันอีกแล้ว”
ซือหยูหัวเราะเบาๆ
สถานการณ์เปลี่ยนไปมาก ครั้งก่อน เขาคือนักโทษที่ถูกกลุ่มกวาดล้างพาตัวเข้ามา แต่ตอนนี้เขามาในฐานะผู้เป็นนายของกลุ่มกวาดล้าง! หลายคนมิอาจจะรับการเปลี่ยนแปลงในข้อนี้ได้
“หลี่เจิง ทำอะไรของเจ้า? ทำไมเจ้าต้องก้มหัวให้ไอ้เด็กนั่น?”
ผู้เฒ่าจางที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตำหนิหน่วยกวาดล้าง
เขาไม่เข้าใจได้ถึงเหตุที่หลี่เจิงทำเรื่องอุกอาจเช่นนี้ แต่หลี่เจิงยังคงก้มหน้าต่อไปโดยไม่พูดอะไร
“ใครก็ได้ลากไอ้เด็กนี่ออกไปที”
ผู้เฒ่าจางรู้สึกว่าสถานการณ์ตอนนี้ห่างไกลกว่าที่เขาจะเข้าใจแล้ว เขาเริ่มคิด…
ไอ้เด็กนี่มาที่นี่ได้ยังไง?
ฟู่กังซานพูดจริงรึ? เขาสมคบคิดกับคนต่างโลกจริงรึ? ถ้าอย่างนั้น พวกเขาก็ระเบิดทางเข้าเรือมาจริงๆน่ะรึ?
ซือหยูพูดอย่างใจเย็น
“คนนั้นน่ารำคาญนัก ลากมันออกมาตัดหัวซะ”
เขาช่วยให้คนชั่วอย่างฟู่หงซื่อทำเรื่องชั่วร้าย เขายังอยากจะทำให้ฉีหยุนเซี่ยงมัวหมอง ขณะเช่นนี้เป็นที่น่าละอายกับพันธมิตรผู้คุมสวรรค์นักถ้ายังอยู่ต่อ
“หน่วยกวาดล้าง อย่าขยับนะ”
หนึ่งในผู้เฒ่าตะโกน
ผู้เฒ่าหลายคนโกรธแค้น พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมหน่วยกวาดล้างถึงถูกควบคุมจากคนนอก และเขายังอยากจะตัดหัวผู้เฒ่าต่อหน้าต่อตาทุกคน!
แต่หลี่เจิงก็ไม่สนใจเหล่าผู้เฒ่า เขาทำมือให้กับกึ่งภูติสองคนที่มาด้วยกัน สองคนนั้นพุ่งเข้าใส่ผู้เฒ่าจางในทันที
นั่นทำให้เหล่าผู้เฒ่าโกรธยิ่งกว่าเดิม หนึ่งในนั้นตะโกน
“หน่วยกวาดล้าง เจ้าอยากจะก่อกบฏเรอะ?”
ในความจริง พวกเขาภักดีต่อหลงจื้อชิงแต่เพียงผู้เดียว และเมื่อพวกเขาแอบยอมรับฟู่กังซาน พวกเขาก็นับว่าเป็นกบฏอยู่แล้ว
แต่หลี่เจิงไม่สนใจ เขาเพียงแค่มองเหล่าผู้เฒ่าอย่างเย็นชา
“ขออภัย แต่หน่วยกวาดล้างทำภารกิจอยู่ ใครที่กล้าขวางจะถูกประหาร”
ท่าทางหยาบคายเช่นนี้ทำให้เหล่าผู้เฒ่าโกรธจัด พวกเขามาก่อกบฏจริงๆ แต่พวกเขาก็ยังอยากจะให้เหล่าผู้เฒ่าทำตามกฎของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์!
เหล่าผู้เฒ่าที่เป็นฝ่ายฟู่กังซานเริ่มต่อสู้กับหน่วยกวาดล้างสองคนที่ถูกส่งตัวไป ผู้เฒ่าจางใช้โอกาสนี้ถอยไปรวมกลุ่มกับผู้เฒ่าคนอื่น
หลี่เจิงสีหน้าหม่นหมอง นี่เป็นโอกาสสำคัญที่เขาจะได้แสดงคุณค่าต่อซือหยู เขาจะต้องไม่ปล่อยให้ซือหยูเห็นว่าเขารับมือผู้เฒ่าจางไม่ได้!
หลี่เจิงดึงกระบี่ออกมา เพียงพลิกฝ่ามือ กระบี่เล่มนี้จะฉีกท้องนภาจนเปิดโล่ง