ตอนที่ 305 ต่างคนต่างโดนก่อกวน / ตอนที่ 306 จับจุดอ่อนให้อยู่หมัด

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 305 ต่างคนต่างโดนก่อกวน

 

 

“นี่เจ๊ แฟนเธอทำอะไรล่ะถึงตื่นเต้นขนาดนี้”

 

 

“ไม่บอก” สวีรั่วชีจมอยู่ในโลกของตัวเอง อยากแบ่งปันความสุขของตนกับซย่าเสี่ยวมั่วแต่กลับไม่พูดว่าเกิดอะไรขึ้น ทำเอาซย่าเสี่ยวมั่วเหมือนคนป่วยประสาทที่ต้องมานั่งดูเขาเป็นบ้าเป็นบออย่างไรอย่างนั้น

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วหยิบดินสอขึ้นมาวาดรูปเล่น วาดเป็นสวีรั่วชีเวอร์ชันน่ารักที่พูดอย่างอวดดีว่า ‘ไม่บอก’

 

 

“ความรักนี่นะ ทำให้ผู้หญิงสาววิทย์อย่างเธอเป็นถึงขนาดนี้ได้ น่ากลัวชะมัด”

 

 

“ฉันยอมถลำลึกเข้าไปในความรัก” สวีรั่วชีตอบอย่างมีหลักการ

 

 

“เหอะๆ ตอนแรกที่เธอชันสูตรพลิกศพอยู่ที่แช่อยู่ในฟอร์มาลีนก็พูดแบบนี้เหมือนกัน” ซย่าเสี่ยวมั่วแฉความจริง

 

 

“การแต่งงานคือสุสานของความรัก ที่ฉันพูดแบบนี้ก็ถูกต้องแล้ว”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ฉันจะบอกสวีอันหราน ว่าเธอคิดว่าแต่งงานกับเขาก็เหมือนแต่งงานกับศพที่แช่อยู่ในฟอร์มาลีน”

 

 

“ไสหัวไปเลย!” สวีรั่วชีที่กลุ้มใจอยู่ ฟังคำว่าฟอร์มาลีนจากปากของซย่าเสี่ยวมั่วแล้วก็รู้สึกฉุนจมูกไปหมด

 

 

“ฉันจะบอกให้นะ ตอนนี้บนโต๊ะของฉันมีตารางแผนงานแล้วก็ต้นฉบับของฉันวางกองกันอยู่ ฉันงานยุ่งอยู่นะ เธอโทรมากวนฉันแบบนี้ยังไม่ว่าอะไรเลย แต่ยังมาไล่ให้ฉันไสหัวไปอีกเนี่ยนะ”

 

 

“ตอนเธอโทรมากวนฉันเคยว่าอะไรไหม”

 

 

“เฮ้” พอพูดถึงเรื่องเมื่อก่อน ซย่าเสี่ยวมั่วก็ยิ่งมีเรื่องอยากจะพูด “เธอไม่ว่าอะไรก็จริง เธอโทรศัพท์ยังไม่รับเลย แล้วจะว่าอะไรได้ล่ะ”

 

 

สวีรั่วชีคิดไม่ถึงว่าตนจะโดนซย่าเสี่ยวมั่วทำร้ายกันขนาดนี้ พลังของคนโสดนี่ดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ

 

 

“ก็ได้ๆๆ ฉันผิดเองโอเคไหม” สวีรั่วชีไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเธอต่อ “ไว้ว่างๆ จะพาเธอไปดูชุดเพื่อนเจ้าสาวนะ จะได้ไปดูชุดขี่ม้าด้วย”

 

 

“ฉันว่าเธอมาแกล้งฉันมากกว่ามั้ง” ก็แค่ให้เขาไปนัดบอดเป็นเพื่อนแค่นี้เอง ต้องมาแกล้งตนอย่างนี้เลยเหรอ

 

 

สวีรั่วชีเอ่ยอย่างจริงจัง “เธอต้องอัประดับตัวเองหน่อย จะทำให้ชีวิตช่วงวัยรุ่นเสียเปล่าต่อไปไม่ได้หรอกนะ”

 

 

“ยายแก่เอ๊ย” ซย่าเสี่ยวมั่วพูดเบาๆ แล้วรีบกดวางสาย กลัวว่าถ้าสวีรั่วชีรู้ตัวแล้วจะโดนด่า

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งนั่งอยู่อย่างนั้นให้เหยียนเค่อรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่าน แถมยังไม่รู้ตัวอีกว่าตนน่ารำคาญมากเพียงไหน

 

 

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น ต่อไปเราอาจจะต้องนั่งตรงข้ามกันทุกวันก็ได้”

 

 

ฝันไปเถอะ! เหยียนเค่อตวัดตามองเธอทีหนึ่ง อารมณ์เสียไม่อยากพูดด้วย

 

 

ส่วนสวีอิ๋งอิ๋งก็เหมือนมองสีหน้าของเหยียนเค่อไม่ออก ยังคงพูดจ้ออยู่อย่างนั้นต่อไป ทำให้

 

 

เหยียนเค่อรู้สึกรำคาญไปเสียทุกสิ่ง

 

 

เหยียนเค่อคลุมโปงแล้วก็ยังได้ยินเสียงสวีอิ๋งอิ๋งพูดกับตัวเองอยู่ พูดตั้งแต่ว่าบ้านนั้นเป็นดองกับบ้านนี้ ไปจนถึงเรื่องของภรรยากับลูกชายของบ้านโน้นที่ล้มละลายไปหลายปีแล้ว เขาดูเหมือนเพื่อนชายคนสนิทมากเลยเหรอ ถึงต้องมานั่งฟังเธอพูดในสิ่งที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้

 

 

“ตอนนี้เธอควรจะไปหาพี่ชายฉันไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเปลี่ยนแผนมาวุ่นวายกับฉันแทนล่ะ” เหยียนเค่อเห็นว่าน้ำเกลือใกล้จะหมดแล้ว จึงดึงเข็มออกแล้วเอาสำลีมาห้ามเลือด

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งตอบเหยียนเค่อ “คุณน้าบอกว่า สามีภรรยาต้องปรึกษาและแก้ไขปัญหาร่วมกัน ฉันก็เลยมาหานายเพื่อหาวิธีแก้ปัญหาน่ะสิ”

 

 

“ได้ งั้นเธอแก้ปัญหาของเธอต่อไปแล้วกัน ฉันไปก่อนล่ะ” เหยียนเค่อหยิบเสื้อคลุมขึ้นพาดบ่า กดหลังมือของตนไว้แล้วเดินจากไป

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งมองแผ่นหลังของเขาพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กระวีกระวาดเก็บเครื่องสำอางบนโต๊ะ

 

 

เหยียนเค่อออกมาจากทางฉุกเฉิน ถึงจะดูยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหน่อยแต่ก็บดบังความใหญ่โตโอ่อ่าเอาไว้ไม่ได้

 

 

เมื่อสวีอิ๋งอิ๋งออกมาก็ไม่เห็นเงาของเหยียนเค่อ เดินวนอยู่ที่เดิมรอบหนึ่งก็หาเขาไม่เจอ จึงกระทืบเท้าอย่างโมโหแล้วสะพายกระเป๋าเดินออกไปทางประตูใหญ่

 

 

เหยียนเค่อโทรหาสวีอันหรานด้วยท่าทีสบายๆ “ฉันจะให้โอกาสนายชดใช้ความผิด มารับฉันซะ”

 

 

สวีอันหรานที่กะว่าคืนนี้จะจู๋จี๋กับสวีรั่วชีสักหน่อยโดนเขาทำแผนพังไปหมด จึงออกจากบ้านไปเป็นคนขับรถให้เขาอย่างจำใจ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 306 จับจุดอ่อนให้อยู่หมัด

 

 

สวีอันหรานเจอตัวเหยียนเค่อตรงทางออกส่วนตัว จึงตะโกนเรียกเขา “เร็วๆ หน่อย”

 

 

เหยียนเค่อเปิดประตูขึ้นไปนอนหลับอยู่บนเบาะหลัง “ฉันรำคาญยายสวีอิ๋งอิ๋งนั่นจนจะบ้าตายอยู่แล้ว”

 

 

“นายโยนเขาออกไปข้างนอกได้เลยนะ ไม่ต้องเห็นแก่หน้าฉันหรอก”

 

 

“ไสหัวไป นายก็พูดได้สิ นายช่วยเคลียร์พื้นข้างล่างนี่ก่อนค่อยมาพูดกับฉัน” เหยียนเค่อโยนกล่องกระดาษทิชชูออกไป พลั่ก ถุงใส่ของขนาดเล็กถุงหนึ่งกระแทกเข้ากับกระจกรถ

 

 

เหยียนเค่อเอาสายตาสั้นห้าร้อยกว่าๆ ของตัวเองเป็นประกัน เขาเห็นตัวอักษรภาษาอังกฤษด้านบนนั้นอย่างชัดเจน แถมยังเป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเลยด้วย

 

 

สวีอันหรานนิ่งไปชั่วครู่จึงจะดึงสติกลับมาได้ โยนถุงใส่ของบนคอนโซลหน้ารถไปไว้ด้านล่าง

 

 

สายตาของเหยียนเค่อมองอย่างทะลุปรุโปร่ง “อื้อหือๆๆ พระที่ไม่อยากกินเนื้อไม่ใช่พระที่ดีจริงๆ”

 

 

“นายไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแหละ”

 

 

“เหมือนว่าฉันจะเห็นหมดเลยนะ” เหยียนเค่อลูบคางก่อนจะไปรื้อดูตรงอื่น ก็เจออะไรไม่น้อย “เฮ้ นายโง่หรือเปล่าเนี่ย ทำไมถึงเอามาวางโจ่งแจ้งแบบนี้ล่ะ ตอนนั่งรถสวีรั่วชีไม่กอดหมอนหรือไง”

 

 

บริเวณที่สวีอันหรานซ่อนของไว้ค่อยๆ ถูกเหยียนเค่อค้นออกมา เจตนารมณ์ก็ถูกเปิดเผยออกมาอย่างหมดเปลือกเช่นกัน

 

 

“นายช่วยนึกถึงหน้าของเพื่อนนายคนนี้หน่อยได้ไหม!” สวีอันหรานหน้าแดงแล้วก็เขียว เขียวแล้วก็แดงอีกรอบ ตลกสุดๆ

 

 

เหยียนเค่อหยิบของเล่นอย่างพวกตุ๊กตาหมีกลับไปวางไว้ที่เดิมให้เขา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความรังเกียจ “ตอนที่นายเอาสวีอิ๋งอิ๋งมายัดให้ฉันเคยนึกถึงหน้าของฉันบ้างไหม รีบไปส่งฉันได้แล้ว ฉันไม่อยากนั่งรถที่เหมือนกับตู้ขายของอัตโนมัติแบบนี้หรอกนะ”

 

 

“นายหุบปากไปเลย” สวีอันหรานโดนเหยียนเค่อจับจุดอ่อนได้อีกครั้ง ในขณะที่ความจริงคืออกจะแตกตายอยู่แล้ว เขาคงว่ามากถึงมารับเหยียนเค่อ น่าจะปล่อยให้เขาตายข้างถนนไปเลย

 

 

เหยียนเค่อมองคนที่โมโหกลบเกลื่อนแล้วหัวเราะ เอนตัวลงนอนต่อ

 

 

พอสวีรั่วชีโดนซย่าเสี่ยวมั่วพูดแขวะแล้วก็โมโห จึงโทรหาสวีอันหราน ให้เขาพาเหยียนเค่อมาที่บ้าน

 

 

“เมียนายโทรมาเช็กอีกแล้วเหรอ” เหยียนเค่อตื่นเพราะเสียงคุยโทรศัพท์ของสวีอันหราน มองสีหน้ารักใคร่หลงใหลของเขาอย่างเอือมระอา

 

 

“เมียฉันให้ฉันพานายกลับไปกินข้าวที่บ้าน”

 

 

“มันต้องมีจุดประสงค์สิ” เหยียนเค่อไม่คิดว่าสวีรั่วชีจะเป็นคนขยันขนาดนั้น

 

 

“เลิกฝันได้แล้ว เมียฉันไม่ชอบนายหรอก”

 

 

“พูดเหมือนฉันชอบเขาอย่างนั้นแหละ” เหยียนเค่อร้องเหอะ สีหน้าเหยียดหยาม

 

 

สวีอันหรานหน้าเรียบตึง หันกลับไปค้อนเหยียนเค่อขวับ “ตอนนี้ฉันยังจับนายโยนออกไปข้างนอกได้อยู่นะ”

 

 

เหยียนเค่อเอาแขนก่ายหน้าผาก ไม่อยากคุยกับคนที่จากเปลี่ยนจากทาสน้องสาวมาเป็นทาสเมียต่อ “เออๆๆ”

 

 

สวีอันหรานกับสวีรั่วชียังไม่ได้ไปจดทะเบียน แต่ทั้งคู่ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันก่อนแล้ว ดังนั้นเมื่อเหยียนเค่อเห็นบ้านเดี่ยวหลังเล็กท่ามกลาง ‘เทือกเขาร้างไร้ซึ่งผู้คน’ แล้ว นอกจากกุมขมับแล้วก็ยังทอดถอนใจอย่างหมดแรงอีกด้วย

 

 

“นายเอายังไงกับฉัน ถึงพาฉันมานั่งดูพวกนายสวีตกันถึงที่นี่ บ้านหลังนี้ฉันซื้อให้นายนะ ช่วยมีจิตสำนึกหน่อยได้ไหม”

 

 

“อย่าพูดจาสองแง่สองง่ามแบบนี้ได้ไหม!” เขากลัวว่าสวีรั่วชีจะถือมีดออกมาสับเหยียนเค่อในฐานะที่เป็นศัตรูหัวใจน่ะสิ

 

 

“สองแง่สองง่ามที่ไหน ฉันพูดความจริงทั้งนั้น”

 

 

“รีบเข้าไปเถอะ”

 

 

สวีอันหรานลากเหยียนเค่อที่ยังคงอิดออดให้เข้าไปในบ้าน หลังจากเห็นการตกแต่งภายในแล้ว เหยียนเค่อก็ตกตะลึงไป

 

 

“รสนิยมของพวกนายสองคนดีขึ้นเยอะเลยนะ หรือว่าถ้าติดลบกับติดลบมาเจอกัน ผลจะออกมาเป็นบวก”

 

 

ไม่ง่ายเลยที่เหยียนเค่อจะชมสักครั้ง แถมไม่ได้ชมตัวเองเสียด้วย…

 

 

สวีอันหรานกระแอมอย่างกระอักกระอ่วน “นี่ซย่าเสี่ยวมั่วออกแบบให้น่ะ”

 

 

เหยียนเค่อมองเขาทีหนึ่งอย่างประหลาดใจ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเข้าอกเข้าใจ “ฉันว่าแล้ว รสนิยมของพวกนายสองคนเทียบได้กับสิงโตในทุ่งหญ้าแอฟริกา”