ตอนที่ 307 รู้แผนลับ / ตอนที่ 308 ใจตรงกัน

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 307 รู้แผนลับ

 

 

สวีรั่วชีได้ยินเสียงก็เดินออกมาจากห้องครัว ก็เห็นสองคนกำลังจ้องตากันอย่างลึกซึ้งอยู่ เธอครุ่นคิดในใจว่าจะเปลี่ยนไปเรียนจิตวิทยาดีหรือไม่ จะได้ศึกษาวิจัยสภาพจิตใจของคนที่เป็นไบเซ็กชวลและชาวรักร่วมเพศได้อีกขั้นหนึ่ง

 

 

“พี่”

 

 

“หืม?” สวีอันหรานหันกลับไป เมื่อเห็นสวีรั่วชีแล้วสีหน้าก็อ่อนลง

 

 

เหยียนเค่อเบือนหน้าหนีอย่างอึดอัด พยักหน้าให้สวีรั่วชีเป็นการทักทาย

 

 

สวีรั่วชีโบกมือภายใต้ถุงมือคู่ใหญ่ไปมาตรงหน้าสวีอันหราน “ฉันไปทำกับข้าวก่อน พี่ก็ไปเดินดูกับเหยียนเค่อละกัน”

 

 

“เหนื่อยหน่อยนะ” สวีอันหรานแค่เดินเข้าไปหาก็จะอยากกอดสวีรั่วชี แต่ติดที่มีเหยียนเค่ออยู่ข้างๆ เลยไม่ได้ทำอะไรลงไป

 

 

เหยียนเค่อเหลือบตามองเขาปราดหนึ่ง ก่อนจะกระซิบเสียงเบาที่ข้างหู “ทางที่ดีนายหยุดคิดแผนชั่วนั่นเลยนะ”

 

 

สวีอันหรานถองศอกใส่เขาลับหลังสวีรั่วชี “เดี๋ยวฉันจะพานายไปเดินดูรอบๆ”

 

 

“ไม่ต้องหรอก ยังไงก็เป็นบ้านที่ซย่าเสี่ยวมั่วตกแต่งให้ ไม่อะไรเกี่ยวกับนายสักหน่อย” ถึงแม้เหยียนเค่อจะไข้ลดแล้ว แต่หน้าก็ยังซีดเซียวอยู่ “ฉันขอเอนหลังบนโซฟาหน่อยแล้วกันนะ”

 

 

“ไม่ใช่แค่ซย่าเสี่ยวมั่วคนเดียวสักหน่อย สวีรั่วชีก็ออกไอเดียเหมือนกันนะ!” สวีอันหรานต้องปกป้องความเป็นที่สุดของเมียรักไว้ก่อน

 

 

เหยียนเค่อจ้องมองวอลล์เปเปอร์ห้องอยู่สักครู่ รู้สึกว่ามีจุดหนึ่งที่เรียบลื่น แต่รอบๆ เป็นกระดาษที่หยาบกระด้าง เขาดันสวีอันหรานออกไปอีกด้าน เปลี่ยนท่าแล้วดูใหม่ ก็เห็นตัวอักษรที่ปรากฏวับๆ แวมๆ  อยู่ ตอนนี้ก็พอจะเดาได้แล้วว่าคืออะไร

 

 

สวีอันหรานมองรอยยิ้มปริศนาของเหยียนเค่อก็รู้สึกหวาดผวา “นายเป็นบ้าอะไรอีก”

 

 

ถ้าเขาไม่ได้เดาผิดละก็ ที่สวีรั่วชีประทับตัวอักษรลงไปอย่างไม่ชัดเจนเช่นนี้ก็เพราะไม่อยากให้สวีอันหรานเห็น และสวีอันหรานเองก็ไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟังถึงด้านที่อ่อนไหวของสวีรั่วชี นั่นหมายความว่าสวีอันหรานต้องยังไม่รู้เรื่องนี้ ดังนั้น เขาก็รู้สึกเหมือนได้กุมหมากไว้ตัวหนึ่ง…อืม เขาต้องขอบคุณซย่าเสี่ยวมั่วสินะ…เหยียนเค่อขบคิดในใจ ดูท่าแล้วเขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ

 

 

สวีอันหรานมองคนที่นอนตะแคงงีบหลับอยู่บนโซฟาแล้วก็รู้สึกว่าเขาเหมือนจะกำลังคิดเรื่องชั่วอะไรอยู่

 

 

“เป็นอะไรไป” สวีรั่วชีออกมาเห็นเหยียนเค่อหลับอยู่บนโซฟา สวีอันหรานนั่งดูโน้ตบุ๊กอยู่ข้างๆ ก็เดินเข้ามาสะกิดถามแฟนของตน

 

 

“วันนี้เขาไข้ขึ้น แถมยังโดนสวีอิ๋งอิ๋งก่อกวนอยู่ครึ่งวันอีก”

 

 

“สมน้ำหน้า!” สวีรั่วชีฟาดมือไปที่ไหล่ของสวีอันหรานหนึ่งที เจ็บจนสวีอันหรานไหล่ห่อ

 

 

สวีรั่วชีเพิ่งจะรู้สึกตัว รู้สึกเจ็บที่ฝ่ามือของตนเหมือนกัน จึงรีบลูบไหล่สวีอันหรานแล้วขอโทษเสียงเบา “ขอโทษๆ ฉันดีใจไปหน่อย”

 

 

สวีอันหรานดึงมือเธอมาดูแล้วบีบไปที่กลางฝ่ามือ “จะขอโทษทำไม ตัวฉันก็เป็นของเธอนั่นแหละ”

 

 

เหยียนเค่ออิจฉาจนแกล้งหลับต่อไปไม่ไหวแล้ว

 

 

“วันนี้ซย่าเสี่ยวมั่วบอกว่าฉันเป็นยายแก่อะ!” สวีรั่วชีเริ่มฟ้อง คำนี้ทำให้เธอโมโหเป็นอย่างมาก เธอเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ที่พึ่งพาตัวเองได้ชัดๆ จะเป็นยายแก่ได้อย่างไร!

 

 

สวีอันหรานชินเสียแล้วกับการที่สวีรั่วชีวิ่งมาฟ้องตนอย่างนี้ สวีรั่วชีแค่พูด ไม่ได้บอกให้สวีอันหรานไปแก้แค้นแต่อย่างใด ก็แค่แสดงความไม่พอใจของตนก็เท่านั้น

 

 

เหยียนเค่อฟังแล้วก็อยากจะหัวเราะ สวีอิ๋งอิ๋งน่าจะมาหาสวีอันหรานนะ นี่ต่างหากมาตรฐานของเพื่อนชายคนสนิท ทำไมต้องมาทำร้ายชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์อย่างเขาด้วย

 

 

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวซย่าเสี่ยวมั่วก็จะเป็นสาวแก่ที่ขายไม่ออกแล้ว พวกเธอสองคนพอๆ กันนั่นแหละ” สวีอันหรานฝืนปลอบใจสวีรั่วชี เขาไม่เห็นว่าซย่าเสี่ยวมั่วจะพูดผิดตรงไหนเลย…แต่งงานกับเขาแล้วก็เป็นผู้หญิงของเขา ต่อให้เป็นยายแก่ก็เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว

 

 

สวีรั่วชีก็โอ๋ง่าย ได้ยินคำว่า ‘สาวแก่ที่ขายไม่ออก’ แล้วก็หัวเราะชอบใจ ประทับจูบลงบนข้างแก้มของสวีอันหรานอย่างเขินอาย

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 308 ใจตรงกัน

 

 

เหยียนเค่อลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง คู่รักด้านข้างถึงจะรู้สึกตัวว่าข้างๆ กันยังมีคนป่วยอยู่อีกคน

 

 

สวีรั่วชีเดินมาตบบ่าเหยียนเค่อ “นายไปในครัวกับฉัน”

 

 

“หืม?” สวีอันหรานที่ลุกขึ้นเตรียมจะเดินไปช่วยสวีรั่วชียกอาหารในห้องครัวรู้สึกไม่ค่อยเหมาะ ต่อให้เหยียนเค่อจะเป็นเพื่อนของตนก็เถอะ แต่จะใช้ให้เขาไปยกกับข้าวแบบนี้ไม่ได้ “เดี๋ยวฉันไปช่วยเอง”

 

 

“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเหยียนเค่อ” สวีรั่วชีตบบ่าเขาเป็นการปลอบโยน “ฉันไม่ฆ่าเขาหรอกน่า”

 

 

เหยียนเค่อมองเธอแปลกๆ “เธอมีอะไรจะคุยกับฉันด้วยเหรอ”

 

 

“ตามฉันมาก่อนเถอะ” สวีรั่วชียังคงแผ่รังสีเยือกเย็นดุจนางพญา สีหน้าเยียบเย็นของคนงามกับห้องครัวไม่ได้ดูเข้ากันเลยแม้แต่น้อย

 

 

สองคนที่ไม่คุ้นเคยกันเท่าไร ต่างคนต่างยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์คนละด้านของห้องครัว ยืนคุมเชิงกันอยู่ห่างๆ

 

 

เหยียนเค่อเดินตามเข้าไปในห้องครัว มองอาหารที่สวีรั่วชีทำเสร็จก็เบนสายตาหนีอย่างรังเกียจ ฝีมือทำอาหารแค่นี้ ทำไมถึงกล้าทำให้สวีอันหรานกินอย่างมั่นใจกันนะ

 

 

“เธอเรียกฉันมาทำไม” เขากับสวีรั่วชีแค่รู้จักกันผิวเผินเท่านั้น มีเรื่องอะไรทำให้ต้องออกมาพูดคุยโดยส่วนตัวกัน?

 

 

“คิดบัญชีกับนายไง”

 

 

“คิดบัญชีกับฉัน? สมองเธอมีปัญหาหรือเปล่า”

 

 

“สมองฉันมีปัญหา?” สวีรั่วชีนึกอยากจะเอามีดผ่าตัดแทงเขานัก “ไม่พูดพล่ามละ สรุปว่านายชอบซย่าเสี่ยวมั่วหรือเปล่า”

 

 

ดวงตาที่หลุบมองต่ำของเหยียนเค่อช้อนขึ้นมามองเธอทีหนึ่ง แล้วกลับไปก้มหน้าเงียบๆ อีกครั้ง

 

 

สำหรับเรื่องนี้ เขาคิดว่าไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องมาเล่าให้คนอื่นนอกเหนือจากซย่าเสี่ยวมั่วฟัง

 

 

เหยียนเค่อยังคงอารมณ์ไม่ดีอยู่ คิ้วขมวดมุ่น แผ่รังสีความเย็นเยือกออกมาจากร่างกาย สวีรั่วชีแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นท่าทางไม่อยากจะเสวนากับคนไม่สนิทของเขา “ซย่าเสี่ยวมั่วเป็นเพื่อนเจ้าสาว นายก็ไปคิดแล้วจัดการเอาเองแล้วกัน”

 

 

เดิมทีเหยียนเค่อก็ไม่ชอบเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เขาไม่อยากเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเลยสักนิด และไม่มีใครกล้ามาบีบบังคับเขาด้วย แต่ตอนนี้สวีรั่วชีดันหาเรื่องเสียเอง

 

 

เหยียนเค่อยืดตัวตรงแล้วเดินออกมาจากห้องครัว แสร้งทำเป็นตะโกนถามสวีอันหราน “บนผนังนั่นอะไรน่ะ”

 

 

ตอนแรกสวีรั่วชียังไม่รู้ตัว แต่พอเหยียนเค่อก้าวเข้าไปในห้องทานอาหารแล้วเธอจึงนึกเรื่องนี้ขึ้นได้ จึงรีบวิ่งไปดึงเหยียนเค่อให้เดินกลับมา

 

 

สวีอันหรานได้ยินเสียงเรียกก็หันไปมอง ก็เห็นสวีรั่วชีลากเหยียนเค่อกลับไปผ่านแผ่นที่กั้นไว้

 

 

เหยียนเค่อมองสีหน้างุนงงของสวีอันหรานแล้วยักไหล่อย่างจำใจ เขาไปทำอะไรให้สองผัวเมียนี่ไม่พอใจกันนะ ถึงได้มาทรมานเขาอย่างนี้ ต้องมีสักคนที่จ้องจะจับคู่ให้เขา เขาเป็นผู้ชายมุ่งมั่นในการส่งเสริมให้มีผัวเดียวเมียเดียวนะรู้ไหม…

 

 

สวีรั่วชีผลักเหยียนเค่อกลับเข้าไปในครัว ใบหน้าแดงก่ำ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงต่ำ “นายวางแผนกับ ซย่าเสี่ยวมั่วมาใช่ไหม!”

 

 

เหยียนเค่อมองเธอนิ่งๆ แล้วตอบสั้นๆ “เปล่า” แต่ในใจกลับยิ้มแย้ม นี่เขาเรียกว่าใจตรงกันต่างหาก…

 

 

“ห้ามบอกสวีอันหรานนะ!” สวีรั่วชีต้องได้รับการยืนยันก่อนจึงจะวางใจได้

 

 

ถ้าเหยียนเค่อไม่ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ก็คงโง่เต็มทน “เธอให้สวีอันหรานจัดการเรื่องสวีอิ๋งอิ๋งให้ฉันก่อนสิ”

 

 

“จัดการยังไง” สวีรั่วชีกลอกตา พูดง่ายจริงๆ เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วจะให้ทำแบบนั้นได้เสียที่ไหนเล่า

 

 

“จะทำยังไงฉันก็ไม่สนหรอก” เหยียนเค่อไม่ร้องขออะไรแล้ว “แต่สุดท้ายถ้าจำเป็นจริงๆ ละก็ บ้านสวีต้องเป็นคนบอกให้ล้มเลิกเอง ฉันไม่สนว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม”

 

 

“นายประเมินสติปัญญาของสวีอิ๋งอิ๋งสูงเกินไปหน่อยนะ” สวีรั่วชีรู้สึกว่าเรื่องนี้มันง่ายมาก สายตาของสวีอิ๋งอิ๋งนั้น…อืม…ควรค่าแก่การศึกษาจริงๆ เธอตอบรับอย่างรวดเร็ว “ฉันตกลง”

 

 

“ได้”

 

 

หลังจากคุยเงื่อนไขเสร็จแล้ว ขืนยังอยู่ข้างในต่อสวีอันหรานคงต้องเข้ามาหาเขาแน่ เหยียนเค่อจึงก้าวเดินออกมาก่อน

 

 

สวีอันหรานเอาแต่จ้องมองไปทางห้องครัว จนกระทั่งเหยียนเค่อกับสวีรั่วชีเดินออกมาแล้วก็ยังไม่หลบ สายตาจ้องมองไปที่พวกเขา

 

 

“ฉันไม่ได้ทำอะไรเมียนายนะ” เหยียนเค่อโดนสายตาของเขาเอาแต่จ้องมองมาไม่หยุดก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว