บทที่ 1770+1771

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1770 ลงทัณฑ์ 3

เขาเปิดเผยฐานะในดินแดนเบื้องบนของตนอย่างร้อนรน

แน่นอนว่าการพูดจาทำให้เสียสมาธิ บนร่างกายของเขาถูกคมกระบี่ไปอีกหลายจุด มีเล่มหนึ่งเกือบตัดแขนข้างหนึ่งขาด!

ตี้ฝูอีกลับเหมือนไม่ได้ยิน หยักริมฝีปากบางเล็กน้อย

ชั่วชีวิตนี้ของเขาไม่เคยถูกข่มขู่จากผู้ใด! อย่างไรเสีย เขาก็เหลือเวลาในชีวิตอีกแค่สามเดือน ภายในสามเดือนนี้ยังต้องสอนเทพศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ เวลากระชั้นยิ่งนัก ต่อให้เป็นคนดินแดนเบื้องบนก็ไม่กล้าทำอะไรเขาอีก…

คนดินแดนเบื้องบนก็เกรงกลัวสวรรค์ และกลัวถูกสวรรค์แก้แค้น…

หลงโม่เหยียนผู้นี้ยังไม่ได้ขึ้นนั่งตำแหน่งตัวแทนเทพศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มกระหายในอำนาจ หากวันใดเขาได้กุมอำนาจไว้จริง เกรงว่าจะเห็นกู้ซีจิ่วเป็นหินที่ขวางทางแล้วกำจัดเสีย

ถึงแม้ขัดต่อลิขิตสวรรค์ เขาก็ไม่กล้ากำจัดกู้ซีจิ่วอย่างเปิดเผย ทว่าหากเขากักขังกู้ซีจิ่วไว้ตลอด ใช้กลอุบายควบคุมจักรพรรดิบัญชาการใต้หล้า สวรรค์ก็อาจอนุญาต

คนเช่นนี้ไม่อาจเก็บเอาไว้เป็นอันขาด มิเช่นนั้นต่อไปกู้ซีจิ่วจะเดือดร้อนยิ่งนัก ไม่แน่เขาอาจกลายเป็นมารสวรรค์คนถัดไป และก่อให้เกิดพายุนองโลหิตในทวีปแห่งนี้อีกครั้ง…

เมื่อใดที่ตี้ฝูอีมีจิตสังหารขึ้นมา เทพเซียนผู้นั้นก็ต้านทานไว้ไม่ไหว!

เขากระตุ้นค่ายกลกระบี่ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น!

จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็เอ่ยปาก “อย่าสังหารเขา ท่านไม่อาจรับทัณฑ์สวรรค์ได้อีกแล้ว…”

“ไม่เป็นไร ยามนี้สวรรค์ทำอะไรข้าไม่ได้ เก็บเขาไว้จะเป็นภัยต่อเจ้า” น้ำเสียงตี้ฝูอีเยือกเย็น

ในขณะที่พูดคุยกัน แขนข้างหนึ่งของหลงโม่เหยียนหายไปแล้ว…

เขาที่เหลือแขนข้างหนึ่งพุ่งตัวไปซ้ายทีขวาทีในค่ายกลกระบี่ ประหนึ่งสัตว์ร้ายที่จะถูกผู้ล่าชำแหละ ใบหน้าซีดขาวเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง…

“ข้าไม่มีทางเป็นภัยต่อนาง!” หลงโม่เหยียนตะโกนเสียงดัง “ไม่มีทางเพิ่มความเดือดร้อนใดๆ ให้นาง! หากท่านไม่เชื่อ ข้าสาบานได้!”

“เปิ่นจุนไม่เชื่อเรื่องคำสัตย์สาบาน เชื่อคนตายมากกว่า คนตายแล้วจะค่อนข้างสงบเสงี่ยม” น้ำเสียงตี้ฝูอีเรียบเฉย วาจาที่เอื้อนเอ่ยเย็นเยียบจนน่ากลัว

หลงโม่เหยียนไร้ซึ่งวาจา

ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงเท่านี้ ขาข้างหนึ่งของเขาก็หายไปแล้ว…

เขายืนไม่ได้อีกต่อไป ล้มตัวนั่งลงกับพื้นเสียงดังตึง จากนั้นจ้องมองกระบี่ลำแสงพร่างพราวมากมายโจมตีมาที่เขา…

สามร้อยหกสิบองศาไร้ซึ่งจุดบอด

เขาแทบจะไม่มีที่หลบหนี!

เงามืดแห่งความตายปกคลุมเหนือศีรษะ เขาหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง!

กระบี่มากมายเหล่านั้นไม่ได้ทิ่มแทงมาถึงอย่างที่คาดคิดไว้ หัวใจของเขาพลันสั่นไหว ดวงตามองเห็นกู้ซีจิ่วยืนอยู่ข้างกายตี้ฝูอี มือข้างหนึ่งของนางกดลงบนนิ้วมือที่ทำมุทราของตี้ฝูอี

ดังนั้นกระบี่หลายร้อยเล่มนั้นจึงลอยอยู่เหนือศีรษะหลงโม่เหยียนเช่นนั้น พร้อมที่จะร่วงหล่นลงมาได้ทุกเมื่อ

หลงโม่เหยียนชะงักงันไม่กล้าขยับเขยื้อน

“เจ้าให้คำสัตย์สาบาน” กู้ซีจิ่วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแหบแห้ง มือน้อยๆ กุมนิ้วมือนิ้วหนึ่งของตี้ฝูอี เป็นนิ้วมือที่ใช้ทำมุทราพอดี

สายตาหลงโม่เหยียนเป็นประกาย รู้ว่านี่คือโอกาสรอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวของตัวเอง จึงรีบกล่าวคำสาบาน “ข้าหลงโม่เหยียนไม่มีทางทำอันตรายใดๆ ต่อกู้ซีจิ่ว จะไม่ล้างแค้นผู้ใดชั่วกัปชั่วกัลป์ หากผิดคำสาบาน ขอให้ข้าต้องทนทุกข์ทรมานจากมีดเฉือนหัวใจนับหมื่น ตกนรกอเวจีไม่อาจหลุดพ้นได้ตลอดกาล”

เมื่อคำสาบานถูกเอื้อนเอ่ย ขอบฟ้าส่งเสียงคำราม บ่งบอกว่าคำสัตย์สาบานถูกสร้างขึ้นแล้ว

เมื่อสาบานเรียบร้อย เขามองตี้ฝูอีด้วยความหวังเต็มเปี่ยม “คราวนี้เทพศักดิ์สิทธิ์ก็วางใจได้แล้วกระมัง?”

รอยยิ้มมุมปากของตี้ฝูอีมิรู้ว่าเย้ยหรือยิ้ม “เปิ่นจุนจะฝืนเชื่อเจ้าสักครา แต่เจ้ากักขังเทพศักดิ์สิทธิ์คนใหม่โดยไม่ได้รับอนุญาต อีกทั้งยังลอบวางยาพิษนาง โทษประหารชีวิตละได้ ทว่าโทษทัณฑ์ไม่อาจเลี่ยงได้…”

วาจายังไม่ทันขาดคำ กระบี่ล้ำค่าของเขาก็ร่วงหล่นดังสายฟ้าแลบ…

หลงโม่เหยียนไม่ได้หนีไปดังที่คาดหวัง ตี้ฝูอีทำให้พลังยุทธ์ทั้งร่างกายของเขาสูญสิ้น แล้วโยนเข้าไปในกระท่อมไผ่ของเขาทันที

——————————————————————

บทที่ 1771 ลงทัณฑ์ 4

แน่นอนว่าตี้ฝูอีไม่ลืมติดตั้งเขตแดนไว้รอบๆ กระท่อมไผ่ด้วย เขตแดนนี้ร้ายกาจกว่าเขตแดนนั้นของหลงโม่เหยียนเสียอีก ต่อให้พลังยุทธ์ของหลงโม่เหยียนฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์แล้วก็ยากยิ่งนักที่จะทำลายได้ นับประสาอะไรกับพลังยุทธ์ของเขาที่ถูกสลายไปหมดแล้วเล่า…

ก่อนหน้านี้เขาใช้เขตแดนมากักขังกู้ซีจิ่ว ยามนี้ตัวเขาก็ทำได้เพียงลิ้มรสชาติของการถูกขังดูบ้าง

เขตแดนที่เขาติดตั้งก่อนหน้านี้สามารถอยู่ได้ถึงสี่สิบปี แต่เขตแดนที่ตี้ฝูอีติดตั้งกลับอยู่ได้ถึงพันปี

กล่าวอีกนัยคือ เขาต้องถูกขังอยู่ที่นี่ไปอย่างน้อยหนึ่งพันปี

เขาสิ้นหวังยิ่งและสำนึกเสียใจนัก แต่น่าเสียดายที่บนโลกนี้ไม่มีโอสถลบล้างความเสียใจภายหลังให้กิน สิ่งที่รอคอยเขาอยู่คือความทรมานอันยาวนาน…

….

เมื่อจัดการหลงโม่เหยียนเรียบร้อยแล้ว ตี้ฝูอีก็เก็บค่ายกลกระบี่ มองนางที่อยู่ข้างกาย “ซีจิ่ว…”

เขาไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับนางอย่างไรดีไปชั่วขณะ อย่างไรเสียก่อนที่นางจะเกิดเรื่องขึ้น เขากับนางก็ต่างคนต่างเดิน ทางใครทางมัน สถานะเย็นชาหมางเมิน

ที่สำคัญกว่านั้นคือ เขามีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแล้ว…

เมื่อมองเห็นนางยืนอยู่อยู่ข้างกาย ในสมองเขาราวกับมีหม้อน้ำเดือดปุดๆ อยู่ เขาอยากกอดนางไว้แน่นๆ ยิ่งนัก ทว่าอีกใจหนึ่งกลับลังเล…

กู้ซีจิ่วเงยหน้ามองเขาอยู่ครู่หนึ่ง เม้มริมฝีปากจิ้มลิ้มเล็กน้อย “ตี้ฝูอี ท่านไม่คิดจะกอดข้าเลยหรือ?” ในน้ำเสียงเจือความคับข้องหมองใจเอาไว้นิดๆ

เธอหลงนึกไปว่าสิ่งแรกที่เขาจะทำก็คือพุ่งมากอดเธอเสียอีก!

ผลคือเขามองเธอเสมือนคนโง่อยู่ตลอด สองแขนลู่แนบตัว ไม่มีทีท่าว่าจะโอบกอดเธอเลย

ตี้ฝูอีกำมือที่อยู่ในแขนเสื้อเล็กน้อย น้ำเสียงฝาดเฝื่อน “ซีจิ่ว ข้า…ข้าไม่สามารถอยู่กับเจ้าไปนานๆ ได้แล้ว…”

ไม่สามารถอยู่ข้างกายนางไปนานๆ ได้ ท้ายที่สุดแล้วก็ยังต้องทิ้งนางไว้เพียงลำพัง แล้วเขาจะจะรักนางอย่างไร้ซึ่งความกังวลอีกได้อย่างไร?

ถึงแม้เขาปรารถนาจะใช้บั้นปลายชีวิตที่เหลือครองคู่อยู่เคียงนางยิ่งนัก ไม่เหลือห่วงอาลัยใดๆ ไว้อีก แต่แบบนั้นก็เห็นแก่ตัวเกินไป เขาไม่อยากเอาเปรียบนาง…

กู้ซีจิ่วย่อมทราบถึงความกังวลของเขา แต่ก็ยังคงรู้สึกคับข้องหมองใจอยู่

เธอเม้มปากแน่น เอ่ยถามเขา “ตี้ฝูอี ในเมื่อท่านรู้ว่าเหลือเวลาอยู่ไม่มาก เช่นนั้นเหตุใดตอนนั้นถึงได้มาหยอกเย้าเกี้ยวพาข้า? ตอนที่เจอท่านอีกครั้งข้าไม่ได้หลงรักท่านเลย…”

ตี้ฝูอีปวดใจแปลบ “ขออภัยด้วย เป็นข้าไม่ดีเอง”

เบ้าตาของกู้ซีจิ่วแดงเรื่อ “ท่านทำให้ข้าหึงหวงคนตาย เพื่อที่จะผลักไสข้าออกไป ท่านยังกล่าวด้วยว่าเหตุใดคนที่ฟื้นขึ้นมาถึงเป็นข้า มิใช่หลานจิ้งเคอ…ท่านไม่รู้หรอกว่าวาจานี้มันทำร้ายข้ามากมายนัก นับแต่ยามนั้นมาข้าก็เริ่มรังเกียจตัวเอง รู้สึกว่าความจริงแล้วข้าสมควรตายโดยแท้…”

มือที่แนบอยู่ข้างกายของตี้ฝูอีกำแน่นอีกครั้ง ฝืนข่มความคิดที่อยากรั้งตัวนางเข้าสู่อ้อมแขนไว้ “ขอโทษ เป็นข้าเลวเอง…”

ตอนนั้นยามที่เอ่ยประโยคนั้นออกไป สีหน้าเขาไม่ปรากฏอารมณ์ แต่กลับปวดใจจนแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว ทำร้ายนางหนึ่งเท่า เขาเจ็บกว่าสามเท่า

กู้ซีจิ่งหลุบตามองสองมือที่แนบอยู่ข้างลำตัวของเขา ถึงแม้มือของเขาก็ซุกอยู่ในแขนเสื้อ แต่เธอก็ยังมองออกว่าแขนของเขาแข็งทื่อ

อยากโผเข้าใส่อ้อมอกของเขาเหลือเกิน!

เพียงแต่ถ้าเขาไม่เป็นฝ่ายกอดเธอก่อน ความคับข้องไม่เป็นธรรมในหัวใจเธอจะสงบลงได้อย่างไร?

เธอสูดหายใจตื้นๆ คราหนึ่ง แล้วเงยหน้ามองเขาต่อ “เช่นนั้นท่านยังต้องการข้าอยู่หรือไม่?”

ลมหายใจของตี้ฝูอีขาดห้วงไป แน่นอนว่าเขาต้องการ! ต้องการจะตายอยู่แล้ว! แต่ว่าเขาไม่อาจเห็นแก่ตัวเช่นนี้อีกได้

“ซีจิ่ว เจ้าก็รู้แล้วนี่…รู้ถึงสถานการณ์ของข้า ข้ากับเจ้าไม่เหมาะจะอยู่ด้วยกันแล้วจริงๆ สามเดือนนี้ข้าจะถ่ายทอดทักษะทั้งหมดให้เจ้า…”

“ท่านคิดจะเป็นอาจารย์ข้างั้นรึ? ในช่วงเวลาสุดท้ายท่านคิดจะเป็นอาจารย์ข้าหรือ?!”

“มิใช่ แค่ถ่ายทอดให้ ซีจิ่ว เวลาของพวกเรากระชั้นยิ่งนัก…”

“ตี้ฝูอี เดิมทีข้าควรจะฟื้นคืนชีพในอีกสามสิบแปดปีให้หลัง ทว่าฟื้นคืนชีพก่อนกำหนดได้ ท่านทราบเหตุผลหรือไม่?” กู้ซีจิ่วก้าวขึ้นไปด้านหน้า จ้องเขาเขม็ง เธอจำเป็นต้องใช้ยาแรงกับเขาแล้ว!

——————————————-