บทที่ 2 บทที่ 2 ตอนที่ 109

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

บทที่ 109 คนใหม่ โดย Ink Stone_Fantasy

 

สามปีก่อน เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส

“อะไร? คู่หูใหม่?”

“ใช่แล้ว คู่หูใหม่จากประเทศจีน เอกสารชุดนี้เป็นข้อมูลของเขา เธออ่านให้ดีๆ ล่ะ อีกอย่างพรุ่งนี้เขาก็จะมาถึงแล้ว เธอไปรับเขาที่สนามบิน แล้วก็พาเขามารายงานตัวที่นี่”

เจสสิก้ากลับคัดค้านหัวหน้าของตนเองด้วยการขมวดคิ้ว แถมยังซักถาม “ทำไมต้องจัดหาคู่หูใหม่ให้ฉันด้วย ตอนนี้ฉันก็มีคู่หูอยู่แล้ว”

“แจ็คอายุมากแล้ว” หัวหน้าตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “สองเดือนก่อนเขาก็ยื่นเรื่องย้ายมาทำงานเอกสาร เพิ่งจะได้รับอนุมัติมานี่เอง เธอไม่มีคู่หูแล้ว แต่จะหามาทดแทนให้เธอทันที แม้ว่าเป็นแค่คู่หูใหม่ แต่เห็นได้ชัดว่าเธอมีความสามารถนำคู่หูใหม่ได้ เจสสิก้า นี่ก็ถือว่าเป็นการทดสอบเธออย่างหนึ่ง นอกเสียจากว่าเธอจะไม่มั่นใจความสามารถของตัวเอง”

เจสสิก้ามองหัวหน้าแวบหนึ่ง สองมือค้ำไว้บนโต๊ะ กะพริบตาปริบๆ “ฉันแค่หวังว่าคู่หูใหม่คนนี้จะทนได้ถึงหนึ่งสัปดาห์นะ”

“ก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”

เยี่ยเหยียน สามสิบห้าปี สถานที่เกิด ประเทศจีน มีประสบการณ์ตำรวจอาชญากรรมในประเทศสิบปี

ในสนามบิน เจสสิก้ากำลังมองหาตัวคู่หูใหม่คนนั้นตรงประตูทางออก เจสสิก้ามั่นใจกับความจำของตัวเองมาก ยิ่งไปกว่านั้น การมองหาเป้าหมายท่ามกลางฝูงชนก็ถือว่าเป็นการฝึกฝนสายตาอย่างหนึ่ง

แม้จะพูดเช่นนี้ เจสสิก้ายังรู้สึกว่าให้ตนเองมาชี้แนะคนใหม่แบบนี้ไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง

เพราะว่าเยี่ยเหยียนคนนี้หากพูดถึงอายุอย่างเดียวล่ะก็ อายุมากกว่าเธอแปดปีเลยนะ

อาจจะเกิดช่องว่างระหว่างวัยก็ได้ อีกอย่างยังมาจากบรรทัดฐานทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกันด้วย การทำงานร่วมนี้เกรงว่าจะเกิดอุปสรรคมากขึ้น อย่างไรเจสสิก้าก็แทบจะไม่เคยสัมผัสกับวัฒนธรรมตะวันออกเลย…เธอถึงกับกังวลว่าการสื่อสารระหว่างกันจะเกิดปัญหาหรือไม่

แต่ก็ผ่านการตรวจสอบจากทางลียงมาแล้ว ความสามารถด้านภาษาก็มีอยู่ในเงื่อนไขด้วย…อืม หาเจอแล้ว

ด้วยการมองเห็นที่โดดเด่นทำให้เจสสิก้ามองเห็นคนที่ตามหาตรงประตูทางออกได้อย่างรวดเร็ว

สวมเสื้อคลุมยาวสีดำสบายๆ ตัวหนึ่ง บนใบหน้ามีหนวดเครารุงรัง ชวนให้ผู้พบเห็นรู้สึกห่อเหี่ยว อีกทั้งแค่หิ้วถุงสัมภาระใบเล็กๆ มาใบหนึ่งเท่านั้น เกรงว่าจะใส่เสื้อผ้าไว้เพียงชุดสองชุดเท่านั้น

ตอนที่เจสสิก้ากำลังคิดจะชูป้ายในมือขึ้น กลับเห็นเยี่ยเหยียนเปลี่ยนเส้นทางทันที ไปหลบอยู่ด้านหลังนักท่องเที่ยวคนหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า ราวกับว่าจงใจหลบให้พ้นสายตาอย่างไรอย่างนั้น

นี่คือทักษะการสะกดรอยที่ใช้กันบ่อยๆ …ราวกับว่าเขากำลังสะกดรอยตามใครอยู่ ด้วยความอยากรู้ เจสสิก้าจึงลดป้ายที่เขียนชื่อเยี่ยเหยียนลง แล้วคิดจะลองดูว่า ‘คนใหม่’ จากฝั่งตะวันออกคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่ คนที่สะกดรอยตามเป็นใครกัน

ไม่นานนัก เจสสิก้าแทบจะระบุเป้าหมายที่เยี่ยเหยียนสะกดรอยตามได้ทันที น่าจะเป็นชายหนุ่มผิวขาวคนหนึ่งที่โดยสารเครื่องเที่ยวเดียวกับเขา

ก็แบบนี้แหละ เจสสิก้าไม่รู้จักเยี่ยเหยียน แต่ก็สะกดรอยตามอยู่ข้างหลังเยี่ยเหยียนเหมือนกัน แต่เขากลับสะกดรอยตามชายหนุ่มผิวขาวคนนี้ จึงกลายเป็นการสะกดรอยกันที่แปลกๆ

เจสสิก้าสะกดรอยตามไป พลางประเมินคู่หูใหม่คนนี้อยู่เงียบๆ ทักษะการสะกดรอยนับว่าใช้ได้เลย แต่กลับขาดความระวังตัว

ไม่นานนัก เยี่ยเหยียนก็ตามชายหนุ่มผิวขาวคนนี้เลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆ ซอยหนึ่ง เจสสิก้าขมวดคิ้ว หลังจากรอไปไม่กี่วินาที เธอก็เดินตามเข้าไปอย่างแนบเนียน แต่ตอนที่เธอหายไปจากสายตาเข้าไปในซอยเล็กๆ นี้ กลับพบว่าเยี่ยเหยียนกับหนุ่มผิวขาวนั่นไม่อยู่ในซอยเล็กๆ นี้เสียแล้ว

เจสสิก้าเผลอมองขึ้นไปด้านบน บางทีอาจจะแค่ปีนบันไดขึ้นไปที่ไหน ทว่าในชั่ววินาทีที่เธอเงยหน้าขึ้น กลับมองเห็นใครคนหนึ่งตกลงมาจากข้างบน

เจสสิก้าถอยหลังก้าวหนึ่งตามสัญชาตญาณ นี่เห็นชัดๆ ว่าเป็นเยี่ยเหยียนนี่เอง…รู้ตัวว่าถูกสะกดรอยตามแล้วเหรอ?

“เธอ…”

เจสสิก้ายังไม่ทันได้พูดอะไร ชายที่ล้มลงตรงหน้าคนนี้หลังจากม้วนตัวอย่างสวยงามแล้ว ก็ยืนขึ้นบนพื้นอย่างมั่นคง และไม่ทักทายใดๆ แต่ทว่ากลับเดินเข้ามาใกล้เธอโต้งๆ

เยี่ยเหยียนกำหมัดแน่น ฉับพลันเจสสิก้าก็ตื่นตัวตามสัญชาตญาณ

ลงมือแล้ว!

หมัดพุ่งไปอย่างอิสระ เจสสิก้าไม่ทันคิดให้ละเอียดว่าทำไมจู่ๆ เยี่ยเหยียนถึงได้ลงมือใส่ตนเอง…บางทีเป็นเพราะรู้ตัวว่าเธอสะกดรอยตามมา จะว่าไปเธอก็ยังไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นใครเลย

เธอก็แค่อยากจะลองทดสอบ ‘คู่หูใหม่’ คนนี้ให้เต็มที่สักหน่อยว่าฝีมือเป็นอย่างไรบ้าง ปัดป้องตั้งรับได้อย่างรวดเร็วมาก

ไม่นึกว่าจะเหมือนเจอเงาวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น เจสสิก้าแค่รู้สึกได้ว่าพลังมหาศาลที่พุ่งมาทำร้ายเธอนั้น ทำให้ร่างของเธอลอยกระเด็นออกไปทันที กระแทกไปบนกำแพงเข้าอย่างจัง

มองดูท่าทางแปลกๆ ของมือและขาทั้งสองข้างของเยี่ยเหยียนในตอนนี้ และระดับพลังโจมตีมหาศาล ทำเอาเจสสิก้าวิงเวียนไปเลยทีเดียว

เธอไม่รู้ว่าที่มากระแทกเธอนี้มีที่มาจากท่า ‘ประชิดตัว’ ในวรยุทธ์กังฟูชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘มวยแปดปรมัตถ์’ พลังน่าอัศจรรย์หรือเปล่า!

เจสสิก้ารู้สึกอยากอาเจียน แต่ทันใดนั้น เยี่ยเหยีนก็ยื่นมือมาบีบคางของเธออย่างรวดเร็ว กรามคางของเธอก็ถูกดึงลงในทันใด สูญเสียความสามารถในการพูดไปในชั่วพริบตา

นี่มันอันตรายมากแล้วนะ!

เจสสิก้ายื่นมือไปบริเวณเอวของตนเองตามสัญชาตญาณ แต่การกระทำเช่นนี้ไม่อาจรอดพ้นสายตาเยี่ยเหยียนไปได้ ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเจสสิก้า เยี่ยเหยียนกดแขนของเธอไปบนกำแพง และฉวยโอกาสล้วงหยิบปืนพกที่เธอซ่อนไว้ที่เอว แล้วพลิกปืนจ่อไปที่หน้าผากของเธอ

พูดภาษาอังกฤษด้วยความคล่องแคล่ว “คุณผู้หญิง ทางที่ดีคุณอย่าขยับดีกว่า หันหลังกลับไปได้ไหม?”

เจสสิก้าได้แต่ยอมรับความอัปยศนี้เงียบๆ หมุนตัวหันหลังไป ตอนนี้เอง เยี่ยเหยียนก็เริ่มค้นตัวเธอ ไม่นานนักก็พบบัตรประจำตัวของเจสสิก้าจากชุดของเธอ

เจสสิก้านึกว่าตอนที่เยี่ยเหยียนเห็นบัตรประจำตัวจะต้องนึกเสียใจ แต่เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นแล้ว!

เยี่ยเหยียนแค่ผิวปากอย่างสบายอารมณ์ “เป็นคุณผู้หญิงตำรวจอาชญากรรมจริงๆ ด้วยสิ…ที่ซ่อนอยู่ตรงนั้น นายออกมาได้แล้ว”

เจสสิก้าที่รู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ มองแวบหนึ่ง น้องชายที่ซ่อนตัวอยู่คนนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นหนุ่มผิวขาวคนนั้นที่เยี่ยเหยียนสะกดรอยตามอยู่ตอนแรก

หนุ่มคนนั้นยักไหล่ ไม่พูดอะไรก็เดินไปข้างๆ เยี่ยเหยียน ใช้มือข้างที่คลุมผ้าเช็ดหน้าอยู่หยิบปืนพกของเจสสิก้ามาจากมือของเยี่ยเหยียน แล้วจ่อไปที่เจสสิก้าอีกครั้ง

หลังของเจสสิก้าเริ่มมีเหงื่อแตกพลั่ก!

ได้ยินแค่หนุ่มผิวขาวคนนี้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ถึงจะเป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่ผมไม่ปรานีผู้หญิง ตอนแรกผมไม่เชื่อที่พี่ชายคนนี้บอกว่าถูกตำรวจชั่วๆ อย่างพวกคุณสะกดรอยตาม! เพิ่งลงจากเครื่อง ซวยจริงๆ เลย!”

มองดูท่าทางที่หนุ่มผิวขาวคนนี้ใช้ถุงสัมภาระห่อคลุมปากกระบอกปืนไว้ เจสสิก้าก็รู้แล้วว่าต้องซวยแน่ๆ หนุ่มผิวขาวคนนี้คิดจะกำจัดเธอทิ้งที่นี่ให้สิ้นซาก!

นี่ไม่ใช่เยี่ยเหยียน? หรือว่าฉันมองคนผิดไปแล้ว? นึกย้อนกลับไปอีกครั้ง เจสสิก้าเริ่มสงสัยว่าตัวเองจำลักษณะเยี่ยเหยียนที่แปะอยู่บนข้อมูลนั้นผิดหรือเปล่า

เจสสิก้าไม่อาจนั่งรอความตายเฉยๆ ได้ เธอสงบใจลงอย่างยิ่ง

แต่ก็ในตอนนั้นเอง เยี่ยเหยียนก็คว้าแขนของหนุ่มผิวขาวคนนี้ไว้ แล้วกดลงไปพร้อมบอกว่า “น้องชาย หากนายลงมือที่นี่ ต่อไปพวกเราจะลำบากมากแน่ อีกอย่างนี่ก็เป็นสำนักงานใหญ่อาชญากรรมข้ามชาติ…ฉันไม่อยากต้องหลบซ่อน ดื่มเหล้าเคล้านารีไม่ได้เพียงเพราะความสนุกของนายหรอกนะ”

หนุ่มผิวขาวขมวดคิ้ว ราวกับเห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่าย “งั้นนายคิดจะจัดการยังไง?”

เยี่ยเหยียนหัวเราะทันที แล้วใช้มือกดแรงๆ ไปที่ต้นคอของเจสสิก้าและข้อมือข้างซ้ายของเธอ แล้วเจสสิก้าก็สลบไปโดยไม่รู้ตัวทันที

“ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น นี่ก็เป็นโล่ป้องกันตัวได้ดีไม่ใช่เหรอ? ได้ยินว่าต่างประเทศต่างก็พูดถึงมนุษยธรรมกันหนาหูนี่”

“ฮ่าๆๆ! ความคิดของพี่ใหญ่ไม่เลวเลย ผมชอบ!” หนุ่มผิวขาวหัวเราะลั่นพร้อมพูดขึ้น “ผมก็ไม่เคยเล่นกับตำรวจสาวเลยสักคน! มา ผมจะพาพี่ไปพบลูกพี่ของผม!”

“Thanks (ขอบคุณ)”