บทที่ 110 ส่งด่วนระดับเทพ โดย Ink Stone_Fantasy
ตอนที่เจสสิก้าฟื้นขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในห้องที่ถือว่ามืดห้องหนึ่ง สองมือถูกมัดไว้กับเก้าอี้ ปากก็ถูกผ้ามัดปิดไว้
แม้ว่าตำรวจอาชกรรมสาวจะหวาดกลัว แต่กลับไม่ลนลานและพยายามคิดวิธีหลบหนีออกไปจากอันตราย
ในขณะนั้นเอง ด้านนอกก็มีเสียงต่อสู้กันดังขึ้น ถึงขนาดมีเสียงยิงปืนดังขึ้นติดต่อกันหลายนัด เกรงว่าคงมีใครบางคนกำลังต่อสู้อย่างไม่กลัวตายอยู่
เจสสิก้าไม่รู้ว่าตัวเองสลบอยู่ที่นี่นานแค่ไหน แต่ด้านนอกมีเหตุการณ์ยิงปะทะกันแล้ว…บางทีหลังจากที่คนของสำนักงานใหญ่รู้เรื่องแล้วคงรีบมาช่วยเหลือ?
ขณะที่กำลังคิดเอาเองอยู่นั้น ประตูห้องก็เปิดออกทันใด บดบังแสงที่สาดเข้ามา เจสสิก้ามองเห็นตัวต้นเหตุที่จับเธอมาที่นี่แล้ว
เยี่ยเหยียน!
เห็นแค่เขาผิวปาก หลังจากมองพิจารณาเจสสิก้าตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่พักหนึ่งแล้ว ก็ควงมีดเล็กเล่มหนึ่งไปมาระหว่างปลายนิ้วราวกับผีเสื้อโบยบิน จากนั้นก็ตวัดพุ่งไปทางเจสสิก้า
แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากมีดเล่มนั้น ทว่าความอึดอัดของเชือกที่มัดตัวเธอไว้แน่นกลับหายไปในชั่วพริบตา เจสสิก้านิ่งอึ้ง ในช่วงวินาทีที่เชือกคลายตัวออกไปหมดนั้น ก็เปลี่ยนเกมอย่างฉับพลัน เธอแย่งมีดเล่มเล็กไปอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้า แล้วตวัดวาดมีดไปตามแนวขวาง
เยี่ยเหยียนก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว เจสสิก้ายังจู่โจมต่อเนื่อง
ทันใดนั้นเยี่ยเหยียนก็ยกมือสองข้างขึ้น “ใจเย็นๆ ก่อนครับ ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ถ้าไม่เชื่อ ฉันคืนปืนให้เธอก็ได้ อีกอย่างมีดก็อยู่ในมือเธอ…เธอลองดูด้านนอกสิ”
เยี่ยเหยียนถึงกับยื่นปืนพกในมือส่งให้เจสสิก้า เป็นการแสดงความจริงใจของตนเอง เจสสิก้าจ้องเยี่ยเหยียนอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งพักหนึ่ง ถึงได้ยื่นมือออกไปยึดปืนพกมาด้วยความระมัดระวังตัวสุดๆ และจ่อปืนไปทางอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งตอนนี้ เยี่ยเหยียนก็ยกมือสองข้างค้างไว้ตลอด ตอนนี้เขาเอียงหัว บอกใบ้ให้เจสสิก้าให้ลองไปดูเหตุการณ์ข้างนอกห้องดูก็ได้
“ทางที่ดีนายอย่าเล่นตุกติกดีกว่า” เจสสิก้าพูดเสียงเข้ม ขยับไปตรงหน้าประตูทีละก้าวทีละก้าว
ที่นี่คงจะเป็นบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่ง ตอนที่เดินเข้าไปใกล้หน้าประตูแล้ว เจสสิก้าก็งุนงง ด้วยพบว่าชายร่างกำยำหลายคนนอนสลบอยู่ที่นี่ “เกิด…อะไรขึ้นกันแน่”
…
“ขอโทษด้วย ไม่ได้คิดจะดึงเธอเข้ามาพัวพันด้วยเลยจริงๆ แต่ถือว่าเป็นส่วนที่เหลือจากงานที่ฉันทำก่อนหน้านี้แล้วกัน” เยี่ยเหยียนกำลังหาของอะไรบางอย่างบนเคาน์เตอร์บาร์ “เอ่อ…นี่คืนให้เธอ”
ในชั่วพริบตานั้น ถุงเล็กๆ ใบหนึ่งก็โยนลงมาตรงหน้าเจสสิก้า พอเปิดออกดู สิ่งที่อยู่ข้างในก็คือบัตรประจำตัว กระเป๋าเงิน และยังมีปืนพกของสำนักงานใหญ่
“ก่อนมารายงานตัวทางนี้ ฉันได้รับแจ้งเรื่องคดีค้าเครื่องเคลือบลายครามผิดกฎหมายในประเทศฉันอยู่ อันที่จริงคดีนี้น่าจะส่งต่อให้เพื่อนร่วมงานในหน่วยก่อนหน้านี้ แต่พอฉันขึ้นเครื่องในประเทศ ก็พบคนที่เป็นตัวเชื่อมโยงไปถึงคนกลุ่มนั้น” เยี่ยเหยียนยักไหล่ “ฉันก็เลยสวมรอยซะเลย แต่ไม่นึกว่าพวกเธอจะรับแขกได้ดีกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก สะกดรอยตามมาตลอดทางนี้ ลำบากเธอเลยจริงๆ”
“…ตั้งแต่ที่สนามบินนายก็รู้ตัวแล้วเหรอ?” เจสสิก้าอดอึ้งไม่ได้
เยี่ยเหยียนพยักหน้า ยื่นนิ้วมือสองข้างออกไปแตะดวงตาของตนเอง พูดเสียงเบาๆ ว่า “รู้ไหม? ตอนที่คนหนึ่งกำลังตามหาอีกคนหนึ่งอยู่ รูม่านตาจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเพียงนิดเดียว อีกอย่างเธอก็เคยหลุดอาการดีใจตอนพบเป้าหมายออกมาแวบหนึ่ง คิดจะชูป้ายชื่อ แต่ก็เอาป้ายลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่าคนที่มารับคนจะมีมากมาย แต่การกระทำแบบนั้นก็สะดุดตามากๆ เลย”
ทันใดนั้นเจสสิก้าก็รู้สึกเสียหน้าอย่างแรง เธอหันหน้าหนี ราวกับคิดจะปิดบังอะไรบางอย่างตามสัญชาตญาณ เริ่มตรวจสอบลักษณะของคนพวกนี้ที่นอนอยู่บนพื้น “…เจ้าพวกนี้ ฉันเคยเห็นในรายชื่อที่ออกหมายนำจับ คาดไม่ถึงว่าดันมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่เอง!”
เยี่ยเหยียนกำลังเปิดขวดบรั่นดีดื่มอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์อย่างมีความสุข ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ในสังคมบ้านฉันมีคำพูดที่ว่า สถานที่อันตรายที่สุด คือสถานที่ปลอดภัยที่สุด”
เจสสิก้าแอบมองเยี่ยเหยียนแวบหนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดา “ทุกอย่างในที่แห่งนี้ใช้เป็นหลักฐานได้ นี่นายกำลังทำลายหลักฐาน”
เยี่ยเหยียนหัวเราะพร้อมพูดขึ้น “ฉันยังไม่ได้เริ่มงานอย่างเป็นทางการ จะว่าไปแล้วคงจะไม่นับว่าทำผิดกฎของพวกเธอ…แต่ว่าเรื่องที่นี่เธอจัดการเองดีกว่า อันที่จริงฉันไม่สะดวกเท่าไหร่…ระวัง!”
เจสสิก้าตื่นตกใจ เกรงว่าคนร้ายคนหนึ่งคงจะแกล้งทำเป็นสลบอยู่ที่พื้น แต่กลับลุกขึ้นมาเงียบๆ กำลังคิดจะยิงปืนจากทางด้านหลัง!
เธอตอบโต้ไม่ทันแน่นอน ทว่ากลับเห็นเยี่ยเหยียนกระโดดพลิกตัวข้ามเคาน์เตอร์มา แล้วผลักเจสสิก้าให้หลบไป
ปัง!
ในขณะเดียวกันนั้นเองเสียงปืนก็ดังขึ้น พร้อมๆ กับมีลำแสงหนึ่งสว่างวาบ มันมาจากมีดเล็กในมือของเยี่ยเหยียน ปักลงไปบนข้อมือที่คนร้ายถือปืนพกอยู่อย่างแม่นยำไร้ที่ติ!
คนร้ายร้องด้วยความเจ็บปวด ปืนพกร่วงตกลงบนพื้น เจสสิก้าดูสถานการณ์แล้ว ก็พุ่งเข้าไปทันที ถือโอกาสจัดการคนร้าย ซัดจนสลบไปบนพื้น
“นาย…นายเป็นอะไรไหม!”
เธอก้าวมาอยู่ข้างๆ เยี่ยเหยียนอย่างรวดเร็ว แล้วพยุงให้ลุกขึ้น
นิ้วมือข้างหนึ่งที่กดลงบริเวณเอวไม่ได้ช่วยห้ามเลือดที่ไหลออกมาจากตัวได้ หน้าผากเยี่ยเหยียนเต็มไปด้วยหยดเหงื่อ “ฉันคิดว่า ฉันยังช่วยชีวิตตัวเองได้อยู่นะ…เบอร์รถพยาบาลที่นี่หมายเลขอะไร?”
…
โรงพยาบาล เจสสิก้าที่โมโหพลุ่งพล่านมาถึงในห้องผู้ป่วย มองดูเยี่ยเหยียนที่กำลังมองเหม่อไปนอกหน้าต่าง พูดใส่หน้าเขาจังๆ “นายบอกกับคนที่สำนักงานใหญ่ว่าฉันช่วยชีวิตนายที่ถูกจับกุมไว้? นี่ควรเป็นผลงานของนายสิ!”
“แต่เธอก็จะถูกลงโทษ” เยี่ยเหยียนไม่ได้หันหน้ามา แต่พูดเสียงเบาๆ “เธอถูกจับได้ แถมยังเกือบถูกใช้เป็นตัวประกันแล้ว นี่ถือเป็นจุดด่างพร้อย ไม่ดีต่ออนาคต อีกอย่างฉันก็ยังไม่ได้เริ่มงานอย่างเป็นทางการ ลงมือโดยพลการทำให้ภาพลักษณ์ไม่ดี แล้วยังมีปัญหาใหญ่ด้านขั้นตอนอีก มันทำให้ฉันยุ่งยากมากขึ้น ในเมื่อไม่เป็นเรื่องดีต่อเธอหรือต่อฉัน แล้วทำไมต้องสารภาพไปตรงๆ ด้วยล่ะ ยังไงก็จับตัวผู้ร้ายได้แล้ว?”
“แต่นายทำแบบนี้ก็เท่ากับพยานหลักฐานเท็จนะ!”
“ฉันคิดว่าพวกเธอค่อนข้างจะรู้จักพลิกแพลงปรับตัวนะ เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะฉันลงมือโดยพลการ ถึงกับสร้างประวัติไม่ดีให้กับเธอด้วย ดังนั้นเธอจะเห็นแก่ตัวสักหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร” เยี่ยเหยียนพลิกตัวกลับมา คิดจะลุกจากเตียง มือข้างหนึ่งของเขาแตะปิดไปบนปากแผลที่ผ่ากระสุนออก “แต่ว่าเธอก็ไปรายงานตามความจริงก็ได้ สงสัยว่าหลังจากนอนพักที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ฉันคงจะต้องไปห้องสอบสวนอีกครั้ง ซวยเป็นบ้าเลย”
“แผล…แผลบนตัวนายยังไม่หายดี อย่าขยับสิ” เจสสิก้ากัดฟันกรอดพูดขึ้น “คิดจะทำอะไร ฉันจะช่วยนายเอง”
“โอ้ พระเจ้าช่วย ชาวต่างชาติอย่างพวกเธอช่างมีน้ำใจจริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่าขนาดจะไปเข้าห้องน้ำก็ยังช่วยได้ด้วยเหรอ? ฉันก็เพิ่งรู้จริงๆ นะเนี่ย”
เจสสิก้าพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ได้แต่มองดูเยี่ยเหยียนจับกำแพงแล้วค่อยๆ เดินไปอย่างเงียบเชียบ
ทันใดนั้น เธอก็หันหัวไปบอก “ขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉันไว้”
“ไม่ต้องเกรงใจ ว่างๆ ก็เลี้ยงกาแฟฉันสักแก้วสิ” เยี่ยเหยียนหันหน้ากลับมายิ้มแล้วพูดขึ้น “อีกอย่าง ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ฉันชื่อเยี่ยเหยียน มาจากประเทศจีน ต่อไปเราก็เป็นคู่หูกันแล้วนะ”
…
…
“คุณบอกว่าฉันซื้ออยากซื้ออะไรจากที่นี่ก็ได้ใช่ไหม?”
เจสสิก้าหัวเราะเบาๆ วันนี้ออกมาก็เพื่อซื้อของใช้ที่จำเป็นบางอย่าง เพียงแต่คิดเรื่องบางอย่างระหว่างทาง แล้วก็มาถึงสถานที่แปลกประหลาดแห่งนี้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เธอมองพิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ รวมทั้งเจ้าของร้านแปลกๆ ตรงหน้า …เหมือนพวกนักต้มตุ๋น ได้ฟังน้ำเสียงที่ช่ำชองของเจ้าของร้านผู้นี้ เจสสิก้าจึงหัวเราะเยาะแล้วพูดขึ้น “งั้นตอนนี้ก็เอาเนื้อลูกแกะย่างจากภัตตาคาร Le-Comptoir-du-Vin ที่หนึ่ง อย่างน้อยคุณก็คงพอจะเอามาให้ฉันได้ ลองดูสักหน่อยสิ พวกคุณเอามาได้หรือเปล่า…เดี๋ยวนี้เลยนะ”
ไม่นึกว่าจะต้องมาเสียเวลากับนักต้มตุ๋นแบบนี้เลย เจสสิก้าคิดว่าในช่วงเวลานี้เกรงว่าตัวเองจะกดดันมากเกินไปจริงๆ
“เนื้อลูกแกะย่างใช่ไหมครับ?” คุณตัวตลกแปลกๆ ที่อยู่ตรงหน้ากลับพยักหน้าทันที แล้วหลังจากนั้นค่อยๆ ยื่นมือโบกผ่านไปบนโต๊ะ “น่าจะเป็นจานนี้ คุณลูกค้าครับ”
เจสสิก้าอ้าปากค้างเล็กน้อย
โผล่มาเฉยๆ กลิ่นของเนื้อลูกแกะย่างที่คุ้นเคยฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ ถึงขนาดสัมผัสได้ถึงความร้อนของเนื้อลูกแกะย่างจานนี้…นี่ยืนยันได้เลยว่า มันเป็นของที่เพิ่งย่างมาใหม่ๆ เลย
ถึงขั้นที่ว่าห่อด้านนอกก็ยังดูคุ้นเคย นี่เป็นสินค้าของร้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในเมืองที่เธออาศัยอยู่จริงๆ!
เจสสิก้ายื่นมือออกไปจิ้มเบาๆ บนเนื้อลูกแกะย่างจานนี้ แล้วก็สะดุ้งยืน ล้วงปืนพกสีดำสนิทกระบอกหนึ่งออกมาราวกับโดนไฟช็อต พร้อมกับพูดอย่างตื่นตระหนก “คุณเป็นตัวอะไรกันแน่?”
เธอไม่คิดว่าตนเองมองเห็นภาพหลอน ยิ่งไม่คิดว่านี่จะเป็นเวทมนตร์ใดๆ แล้วยังกลิ่นอายลึกลับที่กระจายอยู่ตลอดเวลาในที่แห่งนี้อีก แล้วยังความรู้สึกแปลกๆ ที่ทำให้เธอไม่อาจสงบใจได้เลย ล้วนทำให้เธอคิดได้เพียงอย่างเดียว
นั่นก็คือ…ที่นี่อันตรายมาก อันตรายอย่างยิ่ง!
“ผมเคยบอกคุณลูกค้าไปแล้ว ตัวผมเป็นเจ้าของร้านนี้” ลั่วชิวพูดเสียงเบาๆ “ถ้าเช่นนั้น…คุณลูกค้า ไม่ทราบว่าคุณยังต้องการอะไรอีกหรือไม่ครับ?”