บทที่ 471 แสร้งเป็นหญิงมีความรู้ความสามารถ แต่สิ่งสำคัญคือข้าชนะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 471 แสร้งเป็นหญิงมีความรู้ความสามารถ แต่สิ่งสำคัญคือข้าชนะ
ความทนงตนและความหยิ่งผยองเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ความจองหองคือการที่คนเรามองตนเอง ในขณะที่ความหยิ่งผยองนั้นคือการสนใจว่าคนอื่นมองเรายังไง

เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าซูหว่านเป็นแบบแรกหรือแบบที่สอง เฟิ่งชิงเฉินรู้เพียงว่าแม้ว่านางจะมีความหยิ่งผยงเล็กน้อย แต่ว่าตนนั้นสนใจว่าตัวเองมองตัวเองยังไงมากกว่า

ดังนั้นเมื่อองค์รัชทายาทกล่าวว่า ” จะหาคนไปตามหาเสด็จอาเก้าหรือไม่นั้น” เฟิ่งชิงเฉินส่ายหน้าและปฏิเสธ “มิต้องหรอกเพคะ ไม่จำเป็นต้องไปเชิญเสด็จอาเก้าเพียงเพราะการแพ้ชนะของการแข่งขันหรอก”

นางรู้ว่าแผนภาพโครงกระดูกมนุษย์ที่นางวาดเป็นมาตรฐานและสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่ว่านางไม่สนใจว่าจะชนะหรือแพ้ แต่มันไม่คุ้มค่าที่จะทำแบบนั้น

เสด็จอาเก้าไม่สบายแต่ละครั้งลำบากอย่างมาก นางไม่ต้องการทำลายแผนของเสด็จอาเก้าเพียงเพราะเรื่องของตัวเอง ถึงเวลานั้นสิ่งที่ตนต้องชดใช้อาจมากกว่าตอนนี้

ยังคงประโยคเดิม มาถึงขั้นนี้แล้ว คนที่แพ้ไม่ได้คือซูหว่าน ไม่ใช่เฟิ่งชิงเฉิน นางแพ้แค่หนึ่งตามันไม่ส่งผลอะไรต่อผลรวม

สิ่งที่ทำให้เฟิ่งชิงเฉินไม่เข้าใจคือ เหตุใดจักรพรรดิจึงคิดที่จะเรียกนางและซู่หว่านไปที่พระราชวัง หากเป็นเพราะแผนภาพโครงกระดูกมนุษย์นั้น หลังจากการแข่งขันจบลง จักรพรรดินำมันไปก็สิ้นเรื่องแล้ว

คุณต้องรู้ว่าการแข่งขันระหว่างนางกับซูหว่านนั้น เป็นเพียงการแข่งขันระหว่างหญิงสาวตัวเล็กตัวน้อย จักรพรรดิ ให้ความสนใจในวันแรกถือว่าให้เกียรติกันอย่างมากแล้ว เพราะจักรพรรดิไม่มีเวลามาสนใจเรื่องเล็กๆเหล่านี้หรอก

เฮ้อ… เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าการแทรกแซงของจักรพรรดิในเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับแผนภาพโครงกระดูกมนุษย์ของนางจริงๆ

หนานหลินจิ่นฝานได้รับข่าวจากทางราชบัณฑิตยสถาน จึงรีบเข้าวัง โดยขอให้จักรพรรดิจะเชิญซูหว่านและ เฟิ่งชิงเฉินเข้ามาในวังเพื่อที่พวกเขาจะได้เจรจาต่อหน้า

หนานหลิงจิ่นฝาน ไม่เชื่อว่าเฟิ่งชิงเฉินสามารถวาดแผนภาพโครงกระดูกมนุษย์ได้ แน่นอน ถ้ามันเป็นความจริง เขาคงไม่สูญเสียอะไรมาก แผนภาพโครงกระดูกมนุษย์เป็นประโยชน์ต่อเขาเช่นกัน ในการรบนั้น การสูญเสียกองกำลังที่มากที่สุดไม่ใช่เพราะตายในสนามรบ แต่เพราะรักษาไม่ถูกวิธี และตายหรือพิการของอาการบาดเจ็บ

หากแผนภาพโครงกระดูกมนุษย์นี้เป็นของจริง ยังไงเขาก็ต้องเอามาทำสำเนา ทางที่ดีควรได้ถามเรื่องที่มีประโยชน์ต่างๆ และเอาสิ่งเหล่านี้ไปให้หมอทหาร คนเหล่านั้นสามารถลดจำนวนการสูญเสียกองกำลังได้

ต้องยอมรับว่าหนานหลินจิ่นฝานเป็นคนฉลาดเช่นกัน จักรพรรดิคิดเรื่องนี้ได้หลังจากที่เขาออกคำสั่งแล้ว แต่จักรพรรดิไม่ได้โกรธหนานหลิงจิ่นฝาน ท่านโกรธเคืองเฟิ่งชิงเฉิน เพราะของดีแบบนี้เอามามอบให้กันลับๆมิได้หรือ? เหตุใดจึงต้องทำเป็นเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ ทำให้ท่านเสียข้อได้เปรียบไป

แต่เรื่องนี้มาถึงจุดนี้แล้ว จักรพรรดิไม่มีทางเปลี่ยนแปลง ทำได้แค่เตรียมการล่วงหน้าเท่านั้น

ขันทีผู้ประกาศพระราชกฤษฎีกามาพร้อมกับหมอหลวงที่มีนามสกุลว่าหลิว หมอหลวงหลิวถนัดเรื่องการรักษาภายนอก ด้านการต่อกระดูกนั้นเขาได้รับฉายาว่าที่หนึ่งแห่งเมือง

หมอหลวงหลิวนำภาพวาดของ เฟิ่งชิงเฉินไปทันทีที่มาถึง จักรพรรดิขอให้เขาตรวจสอบตำแหน่งของโครงกระดูกที่เฟิ่งชิงเฉินวาดออกมาว่าถูกต้องและสมบูรณ์หรือไม่ ก่อนทที่จะเข้าพระราชวังหรือไม่ ในเวลาเดียวกันให้เขาคัดลอกภาพวาดนี้เอาไว้

เฟิ่ง ชิงเฉินรู้ดีว่าภาพโครงกระดูกมนุษย์ที่สมบูรณ์หมายถึงอะไร ทั้งที่รู้ว่าหมอหลวงหลิววางแผนทำอะไร แต่เฟิ่ง ชิงเฉินก็ไม่ปฏิเสธ ภาพนี้มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยมากที่สุด และนี่ไม่ใช่ของนาง นางจะเสียดายไปเพื่อการใด

เนื่องจากหมอหลวงหลิวต้องวาดภาพคัดลอกบนรถม้า และต้องตรวจสอบความถูกต้องของภาพวาด พวกเขาจึงเดินทางช้าอย่างมาก และเป็นที่สนใจอย่างมาก

ตอนนี้ข่าวลือเปลี่ยนเป็น เมื่อหมอหลวงมาถึง มันสายมากแล้ว ซูหว่านถูกเฟิ่งชิงเฉินเฆี่ยนจนตาย และตอนนี้จักรพรรดิต้องการลงโทษเฟิ่งชิงเฉิน ตงหลิงและหนานหลิงอาจมีสงครามกัน

ทำไมไม่มีใครพูดว่า เฟิ่งชิงเฉินถูกซูหว่านทุบตีจนตาย?

นั้นเป็นพราะเฟิ่งชิงเฉินได้จัดดารกับคุณชายเหยียนด้วยตัวคนเดียวที่หน้าประตูเมือง และแตะจุดสำคัญของคุณชายเหยียนไปอย่างแรง มีคนมากมายที่เห็นเช่นนี้ ฉะนั้นให้ตายพวกเขาก็ไม่เชื่อว่าซูหว่านและเฟิ่งชิงเฉินต่อสู้กัน เฟิ่งชิงเฉินจะเสียเปรียบ

เมื่อพวกเขามาถึงพระราชวัง จักรพรรดิก็เลิกสนใจซูหว่านและเฟิ่งชิงเฉิน เขานำภาพวาดไปโดยตรง และตามองค์รัชทายาท ซีหลิงเทียนเหล่ย ผู้อาวุโสเหยียน คุณชายหยวนซีและผู้เชี่ยวชาญการวาดภาพทั้งสาม มา

ทั้งซูหว่านและเฟิ่งชิงเฉินเข้าใจว่าพวกเขากำลังจะหารือกันเรื่องการชนะและแพ้และ และในขณะเดียวกันก็คุยกันเรื่องการใช้แผนภาพโครงกระดูกมนุษย์ของเฟิ่งชิงเฉิน ณ เวลานี้การตัดสินแพ้ชนะไม่ใช่แค่ฝีมือการวาดแล้ว แต่เป็นผลประโยชน์

ปัญหาที่หนานหลิงจื่นฝานและจักรพรรดิสามารถคิดได้ ซีหลิงเทียนเหล่ยก็คิดได้ในตอนท้ายเช่นกัน เมื่อเห็น หมอหลวงที่จักรพรรดิที่ส่งตัวมาได้นำภาพวาดของเฟิ่งชิงเฉินไปคนเดียว เขาก็เข้าใจแล้ว

เฟิ่ง ชิงเฉินไม่รู้ว่าจักรพรรดิและพวกเขากำลังสนทนากันภายในเรื่องอะไร แต่เฟิ่งชิงเฉิน เข้าใจดีว่ายิ่งหารือกันนานแค่ไหน ก็ยิ่งมีผลเสียต่อซูหว่านมากเท่านั้น

เวลาผ่านไปอย่างเงียบ ๆ เฟิ่ง ชิงเฉินไม่รีบร้อนเลย แค่รู้สึกผิดเล็กน้อย นางทำให้ผู้อาวุโสเหยียน ไม่ได้รับประทานอาหารตรงเวลา

อย่างไรก็ตาม ซูหว่านเริ่มไม่สบายใจขึ้นเรื่อยๆ นางต้องการสงบสติอารมณ์ แต่นางทำไม่ได้ เฟิ่งชิงเฉินสามารถพูดตามตรงว่านางไม่สนใจว่าจะชนะหรือแพ้ แต่ซูหว่านไม่สามารถทำได้

เมื่อเห็นรอยยิ้มจาง ๆ บนริมฝีปากของเฟิ่งชิงเฉิน ซูหว่านอยากก้าวไปข้างหน้าและตบรอยยิ้มนั้นออกจากใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเสีย เฟอิ่งชิงเฉินยิ้มซะจนน่าตบอย่างมาก

“เฟิ่งชิงเฉิน ช่างน่าทึ่งจริงๆ การแข่งขันวาดภาพวันนี้ เจ้าทำให้ข้าได้สัมผัสกับสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ” ซูหว่านไม่ต้องการพูดด้วยน้ำเสียงที่ชั่วร้าย นางเพียงต้องการหาใครสักคนที่จะพูดคุยแบบสบายๆ เพื่อคลายความกดดันที่เกิดจากการรอ แต่เมื่อพูดออกมา คำพูดก็หลายเป็นเช่นนั้น

ซูหว่านรู้ว่านางจะไม่สามารถคุยกับเฟิ่งชิงเฉินอย่างสงบได้ตลอดชีวิต เฟิ่ง ชิงเฉินน่ารำคาญจริงๆ และซูหว่านจะไม่ชอบเฟิ่งชิงเฉินไปตลอดชีวิตของนาง

เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นลูกเป็ดขี้เหร่ แต่กลับไม่มีความรู้สึกนึกคิดแม้แต่น้อย บุกเข้าไปในวงการของหงส์ ไม่ถ่อมตัวก็ว่าแล้ว อีกทั้งยังต่อต้านพวกเขาทุกอย่าง แย่งชิงโอกาสการแสดงตัวของพวกเขา คนแบบนี้ควรตายนานแล้ว

“ดีที่ได้อยู่ในสายตาของคุณหนูซู ชิงเฉินบอกแล้วว่าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง แน่นอนว่าไม่ดีมากหากผิดคำพูด” ถ้าเป็นไปได้ เฟิ่งชิงเฉินยอมที่จะยืนที่ประตูวังและชมทิวทัศน์มากกว่าอยู่ที่นี่แล้วต่างฝ่ายต่างเกลียดไปกับซูหว่าน

น่าเสียดายที่ทำไม่ได้ นี่เป็นพระราชวัง นางจะทำตามใจชอบไม่ได้

“หึ เฟิ่งชิงเฉินอย่าคิดว่าเจ้าชนะโดยบังเอิญ เท่ากับว่าตนเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ผู้อาวุโสเหยียนและคุณชายหยวนซีเห็นดีในตัวเจ้า เพราะเห็นว่าเจ้ามีความสามารถและความรู้ แต่จริงๆแล้วเจ้าคงเข้าใจอย่างดี ว่าเจ้าแค่แกล้งทำเป็นว่าเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ไม่ช้าก็เร็ว ก็จะมีคนเปิดโปง ถึงเวลานั้นข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะสู้หน้าคนใต้หล้าได้อย่างไร”

ซูหว่านโกรธเฟิ่งชิงเฉินมากที่สุด เห็นได้ชัดว่านางเป็นคนบ้านนอกที่ไม่รู้อะไรเลย แต่นางสามารถแกล้งทำเป็นผู้หญิงที่มีความรู้ความสามารถได้ แม้แต่บัณฑิตที่ยิ่งใหญ่อย่างผู้อาวุโสเหยียน และคุณชายหยวนก็ยังถูกนางหลอก

“แล้วการแสร้งทำเป็นหญิงที่มีความสามารถนั้นมันทำไมหรือ? แม้แต่ข้าที่แสร้งเป็นหญิงมีความรู้ความสามารถ เจ้าก็ยังเอาชนะไม่ได้” เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่ามันตลกจริงๆ ซูหว่านและตระกูลซูกังวลอย่างมากเกี่ยวกับชื่อเสียงของผู้หญิงที่มีความรู้ความสามารถ แต่เฟิ่ง ชิงเฉินไม่สนใจ

แล้วแสร้งทำมันทำไมหรือ หาว่านางชนะโดยบังเอิญแล้วอย่างไร? แต่อย่าลืมว่านางชนะซูหว่านได้เพราะความสามารถจริงๆ หากนางไม่เผยความสามารถนี้ออกมา ซูหว่านจะยอมแพ้ได้อย่างไร?

คนใต้หล้าจะมองเธออย่างไรมันสำคัญหรือ? เพราะทุกคนไม่เคยมองนางอย่างจริงจังด้วยซ้ำ ข่าวลือนางฟังมาเยอะแล้ว ฟังอีกสองสามประโยคก็คงไม่ตาย

“เจ้า…” ซูหว่านตบโต๊ะและลุกขึ้นยืน

และราวกับว่านางต้องการตรวจสอบคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน ขันทีเข้ามาในเวลานี้พอดี หันเห็นความขัดแย้งของซูหว่านและเฟิ่งชิงเฉิน ขันทีสงบอย่างมาก ทำเหมือนว่าไม่เห็น และกล่าวต่อเฟิ่งชิงเฉินอย่างนิ่งๆว่า ” คุณหนูเฟิ่ง ยินดีด้วยขอรับ คุณหนูชนะแล้วขอรับ”

ฮ่าฮ่าฮ่า… เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เหลือบมองดูซูหว่านอย่างจองหองที่ซึ่งตกตะลึงและกล่าวว่า ” คุณหนูซู ยอมรับเสีย”