เสียงทุ้มต่ำเซ็กซี่ของเขาดังลอยเข้าหูเธอปุ๊บ เธอก็ขนลุกซู่ปั๊บ “เลิกงานแล้ว กำลังจะเข้านอนค่ะ” 

 

 

เธอตอบตามจริง 

 

 

จิ้นหยวนยิ้มมุมปาก “อย่างนั้นเหรอ? แล้วตอนนี้คุณสวมชุดอะไรอยู่?” 

 

 

“ก็ชุดนอนนะสิ” เธอตอบโดยไม่ต้องคิด 

 

 

เขาเอ่ยถามขึ้นอีก “ชุดนอนสีดำชุดนั้นหรือเปล่า?” 

 

 

“ไม่ใช่…” เธอกำลังจะตอบ ภาพชุดนอนสีดำลายลูกไม้ชุดนั้นผุดขึ้นมาในสมองทันที เธอหน้าแดงเป็นลูกตำลึงอย่างห้ามไม่อยู่ ชุดนอนชุดนั้นเป็นชุดนอนที่เขาตั้งใจซื้อให้เธอเป็นพิเศษระหว่างที่ทั้งเขาและเธอไปเดินช้อปปิ้งด้วยกัน เขาซื้อชุดนอนสีดำลายลูกไม้ชุดนั้นให้เธอโดยไม่ฟังคำทัดทานของเธอเลยสักนิด และเธอมีโอกาสใส่มันเพียงแค่ครั้งเดียวก็ต้องโยนมันทิ้ง เหตุผลง่ายมาก ก็เพราะชุดนอนชุดนั้นเป็นชุดนอนที่ทั้งประหยัดเนื้อผ้า ทั้งเบาบางเพราะผลิตจากเนื้อผ้าซีทรูที่เผยให้เห็นเรือนร่างของผู้สวมใส่ให้ดูเซ็กซี่จนคนเห็นต้องเลือดกำเดาพุ่ง  

 

 

สัตว์ป่าในตัวจิ้นหยวนถูกปลุกให้ตื่นทันทีที่เห็นเธอสวมชุดนอนซีทรูสีดำลายลูกไม้สุดเซ็กซี่ชุดนั้น มันมีโอกาสแนบเนื้อเธอไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำ จากนั้นก็ถึงกาลสิ้นอายุขัย กลับคืนสู่สภาพเดิมของมัน นั่นคือกองเศษผ้าขาดรุ่งริ่ง 

 

 

“อีตาบ้า!” เธอหน้าแดงก่ำ ทั้งโกรธทั้งอาย 

 

 

น้ำเสียงที่ทำให้รู้สึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันของจิ้นหยวนดังลอดมาอีก “ที่รัก ทำไมอารมณ์เสียจัง ผมพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอ?” 

 

 

 เธอเถียงไม่ออก ได้แต่เอ่ยเสียงเข้ม “คุณรู้ดีแก่ใจอยู่แล้วนี่ว่าพูดอะไรออกมา” 

 

 

“เหรอ?” เขาหัวเราะเบาๆ “พูดตามตรงนะ ผมล่ะอยากเห็นคุณใส่ชุดนอนชุดนั้นอีกสักครั้งจัง คุณจะต้องมีเสน่ห์ดึงดูดใจมากกว่าเดิมแน่ๆ คุณว่าจริงไหม?” 

 

 

“คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ชุดนอนชุดนั้นถูกคุณฉีกจนเละไปแล้ว คุณลืมไปแล้วหรือไง?” เอ่ยจบแล้วชะงักนิ่งอึ้งไปทันที จิ้นหยวนหัวเราะเบาๆ “คุณจำได้จริงๆ ด้วย!” 

 

 

“เปล่าซะหน่อย ฉันจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น” หน้าเธอแดงแจ๋เป็นลูกตำลึง 

 

 

ในขณะที่เธอกำลังถูกจิ้นหยวนยั่วอารมณ์จนอยากจะตัดสายทิ้ง เพราะไม่อยากถูกผู้ชายหน้าไม่อายอย่างเขาทำให้เธอโมโหจนตายนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงร้องตกใจของหญิงสาวดังลอดมาตามสาย “ว้าย!” 

 

 

เธอหรี่ตาแคบ “นั่นเสียงใคร?” 

 

 

จิ้นหยวนไม่ตอบ เสียงหญิงสาวคนนั้นดังขึ้นอีก “ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ อาหยวน คุณอย่าโกรธเลยนะ เดี๋ยวฉันเช็ดให้นะคะ” 

 

 

จากนั้นไม่มีเสียงใดๆ ดังลอดออกมาอีก จิ้นหยวนเองก็เงียบไปเช่นเดียวกัน ในโทรศัพท์เงียบเป็นเป่าสาก เฉียวซือมู่กัดฟันกรอด เธอจำเสียงของผู้หญิงคนนั้นได้ นั่นเป็นเสียงของหร่วนเซียงเซียง ภรรยาถูกต้องตามกฎหมายของจิ้นหยวน ผู้หญิงที่นอนข้างกายเขาได้อย่างเต็มภาคภูมิ! 

 

 

แล้วเธอเป็นใครกัน! 

 

 

ตอนแรกความโกรธปะทุขึ้นมาในใจก่อน จากนั้นค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความรันทดใจแทน เธอไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว จึงกดตัดสายอย่างเงียบๆ 

 

 

จิ้นหยวนมองหร่วนเซียงเซียงที่แสร้งเอ้อระเหยลอยชายอยู่บนตัวเขาด้วยสายตาเย็นเยือก สีหน้ารำคาญใจถึงที่สุด “พอแล้ว เธอออกไปได้แล้ว” 

 

 

หร่วนเซียงเซียงถือกระดาษเช็ดหน้าเอาไว้ในมือ พยายามคลี่ยิ้มสวย ยืดตัวยืนตรง แล้วค่อยๆ หมุนตัวเดินออกไป 

 

 

จิ้นหยวนไม่ชายตาแลเธอแม้เพียงหางตา เขากลับมาให้ความสนใจโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมืออีกครั้ง แต่พอเขาแนบโทรศัพท์มือถือกับหูตัวเอง กลับได้ยินเพียงเสียงดังตู๊ดๆ เท่านั้น 

 

 

สายถูกตัดไปแล้ว 

 

 

เขาชะงักนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ จากนั้นกดโทรออกอีกหลายครั้ง แต่กลับไร้คนรับสาย 

 

 

สีหน้าเขาเข้มขึ้น ปรายตามองไปยังทิศทางที่หร่วนเซียงเซียงเพิ่งจะเดินจากไปด้วยสายตาเย็นเยียบ เมื่อครู่เขากำลังคุยสายกับเฉียวซือมู่อยู่ดีๆ จู่ๆ หร่วนเซียงเซียงก็วิ่งเข้ามาพร้อมแก้วน้ำในมือ และน้ำในแก้วก็หกรดลงบนตัวเขาเต็มๆ เธอกระวีกระวาดเช็ดตัวให้เขา เขาไม่คิดเลยว่าเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่นาทีจะทำให้หญิงสาวที่อยู่อีกฟากสายโกรธได้ขนาดนี้ 

 

 

ดี คอยดูก็แล้วกัน 

 

 

จิ้นหยวนจดหนี้แค้นนี้เอาไว้ในบัญชีแค้นของหร่วนเซียงเซียงเรียบร้อยแล้ว 

 

 

หลังจากเฉียวซือมู่ตัดสายไปแล้วก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจมาก ไม่มีอารมณ์แม้แต่จะเล่นโทรศัพท์มือถือ เธอจึงปิดเปลือกตาลงหมายจะนอนหลับ แต่พอปิดเปลือกตาลงกลับเห็นแต่ภาพของจิ้นหยวนเต็มไปหมด 

 

 

แบบนี้เธอจะใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างไร!  

 

 

เธอกลิ้งตัวไปมาอยู่บนเตียง จากนั้นผุดลุกขึ้นนั่ง “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าไม่มีคุณแล้วฉันจะนอนไม่หลับ!” 

 

 

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เห็นเบอร์โทรศัพท์ของจิ้นหยวนที่เธอไม่ได้รับสายหลายสายแล้วทำเป็นเมินเฉย เธอครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วตัดสินใจบล็อกเบอร์โทรศัพท์ของจิ้นหยวนเสียเลย จากนั้นโทรศัพท์ติดต่อคริส “ฮัลโหล คริส คุณมีอะไรสนุกๆ ให้ทำหรือเปล่าคะ?” 

 

 

คริสชะงักอึ้งไปชั่วครู่ ดวงตาเป็นประกายวาบ “ความจริง ผมมีเรื่องอยากรบกวนคุณอยู่พอดีเลย” 

 

 

“เรื่องอะไรคะ?” เธอกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ตอนนี้เธอกลัวแต่ว่าจะไม่มีเรื่องให้เธอทำ เพราะถ้าเธอว่างเมื่อไหร่ เป็นต้องนึกถึงแต่เรื่องของจิ้นหยวนทุกที 

 

 

“คุณช่วยอะไรผมสักอย่างสิครับ” น้ำเสียงของเขายังคงอ่อนโยนไม่เปลี่ยน 

 

 

“ให้ช่วยอะไรเหรอคะ?” เธอค่อนข้างประหลาดใจเล็กน้อย เพราะคนอย่างเขาไม่ใช่คนที่จะเอ่ยขอให้ใครช่วยอะไรง่ายๆ เธอรู้ตั้งนานแล้วว่าเขาเป็นคนประเภทอ่อนนอกแข็งใน 

 

 

“เป็นเรื่องที่ง่ายมาก พอดีผมต้องไปงานเลี้ยงค็อกเทล แต่บังเอิญยังขาดคู่ควงออกงาน ผมก็เลยอยากจะขอให้คุณช่วยสักครั้ง ช่วยไปเป็นคู่ควงให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?” น้ำเสียงของเขาฟังดูสบายๆ ราวกับเรื่องที่กำลังพูดเป็นเพียงเรื่องเล็กกระจ้อยร่อยเท่านั้น  

 

 

“แต่ว่า…” เธอชักจะลังเลขึ้นมาเสียแล้วสิ ความจริงเธอไม่ค่อยชอบงานแบบนั้นสักเท่าไหร่ เพราะคนในงานต่างพยายามเชื่อมสัมพันธ์กันสุดฤทธิ์ เอาแต่ปั้นยิ้มไม่ต่างจากคนบ้า เธอยอมหมกตัวอยู่ในผ้าห่มดูละครรักน้ำเน่ายังดีเสียกว่า 

 

 

รู้อย่างนี้เธอไม่โทรหาเขาหรอก เรื่องสนุกที่เธอพูดถึงไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย 

 

 

“คุณไม่ต้องกังวล งานเลี้ยงค็อกเทลครั้งนี้จัดอย่างเป็นทางการ แขกที่มาร่วมงานเป็นสุภาพบุรุษทุกคน” เขาคิดว่าเธอเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย จึงพยายามอธิบายเพื่อให้เธอคลายกังวล 

 

 

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ…” เธอยังคงสองจิตสองใจ “ฉันไม่มีชุดที่จะใส่ไปร่วมงานน่ะค่ะ” 

 

 

“ไม่เป็นไร” เขาเอ่ยเสียงร่าเริง “เดี๋ยวผมพาคุณไปซื้อเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้เลย คุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย ผมรับผิดชอบเอง”  

 

 

 เขาวางสายทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอปฏิเสธ 

 

 

เธอมองโทรศัพท์มือถือในมืออย่างงงๆ ได้แต่ยิ้มแห้งๆ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ อยากจะหาเรื่องสนุกๆ ทำไม่ใช่เหรอ นี่ก็สมความปรารถนาของเธอแล้วนี่ 

 

 

เธอพลิกตัวแล้วลุกออกจากเตียง เธอแต่งตัวง่ายๆ ใส่รองเท้าเสร็จก็ได้ยินเสียงรถยนต์ของคริสขับเข้ามาจอดใต้อาคารพอดี 

 

 

เธอปิดประตูวิ่งลงบันได สะพายกระเป๋าแล้วก้าวขึ้นรถ ก่อนขึ้นรถเธอนึกถึงเรื่องที่เธอเพิ่งรู้จักคริสช่วงแรกๆ แล้วถูกแอบถ่ายจนขึ้นพาดหัวข่าวใหญ่ขึ้นมาได้ เธอรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ หันมองไปรอบๆ ด้วยความหวาดระแวง 

 

 

คริสยิ้มบางๆ “กลัวถูกแอบถ่ายอีกเหรอครับ?” 

 

 

“ค่ะ ครั้งก่อนฉันถูกคนแปลกหน้าคอยจับผิดคอยนินทาลับหลังแล้วรู้สึกแย่มาก” เธอตอบตามตรง 

 

 

“เฉียว คุณนี่น่ารักจริงๆ” เขาหัวเราะเสียงดัง “คุณกำลังได้รับความสนใจเหมือนดาราดังเลยนะ ผู้หญิงอีกตั้งเยอะแยะอยากได้รับเกียรตินี้จะแย่ แต่ก็ไม่มีโอกาสเลยนะครับ” เอ่ยจบแล้วยังหันมาขยิบตาให้เธอเป็นนัยๆ อีกต่างหาก 

 

 

“เธอชะงักเล็กน้อยแล้วส่ายศีรษะเบาๆ “ฉันพอใจที่จะใช้ชีวิตเรียบง่ายธรรมดา เดินอยู่บนถนนจะได้ไม่ต้องมีใครสังเกตเห็น” 

 

 

“ความคิดคุณแปลกมาก” คริสส่ายศีรษะน้อยๆ “วางใจเถอะ เรื่องคราวก่อนเป็นฝีมือของนักข่าวมือใหม่ของสำนักข่าวแห่งหนึ่ง เขาได้รับบทลงโทษแล้ว เชื่อผมเถอะ ไม่มีใครหน้าไหนในมิลานกล้าแอบถ่ายเราสองคนอีกแล้วล่ะครับ” แม้คำพูดของเขาจะฟังดูราบเรียบ แต่เธอกลับสัมผัสถึงความกระหายเลือดที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเขาได้อย่างชัดเจน