ตอนที่ 226 ฉันกับเขาไม่มีวันเป็นไปได้

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

หัวใจเธอกระตุกวูบ ในที่สุดก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขาเป็นใคร เขาไม่เพียงเป็นเจ้านายที่ดีกับเธอมาก แต่ยังเป็นมาเฟียอิตาลีอีกต่างหาก ได้ข่าวว่าพวกเขาก่อกรรมทำชั่วทุกอย่าง แม้แต่รัฐบาลอิตาลียังเกรงกลัวพวกเขา 

 

 

เมื่อก่อนเธอคิดว่าเขาเป็นคนอ่อนโยนไร้พิษภัย ทำไมเธอถึงกล้าคิดแบบนั้นนะ? 

 

 

เธอหวนนึกถึงจิ้นหยวนที่เคยเผชิญหน้ากับเขาจังๆ แถมยังเป็นฝ่ายเหนือกว่าอีกต่างหาก ตอนนี้กลับมาคิดๆ ดูแล้ว จิ้นหยวนก็เจ๋งไม่เบาเหมือนกัน 

 

 

คริสไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขายังคงยิ้มแย้มคุยกับเธอเรื่อยๆ “ปกติคุณดูแปลกแยกเกินไป คุณควรจะคบค้าสมาคมกับคนอื่นบ้าง สาวๆ ที่นี่ไม่เหมือนคุณเลยสักคน สาวชาวตะวันออกขี้อายเหมือนคุณทุกคนหรือเปล่าครับ?” 

 

 

“ไม่หรอกค่ะ เป็นเพราะฉันไม่อยากออกจากบ้านเองต่างหาก อีกอย่าง สภาพอากาศแบบนี้ ฉันยอมหมกตัวอยู่บนเตียงกับหนังสือในมือสักเล่ม แค่นี้ฉันก็มีความสุขแล้วค่ะ” 

 

 

“เหรอครับ งานอดิเรกของคุณฟังดูน่าสนใจดี” หญิงสาวที่รักการอ่านส่วนใหญ่นิสัยไม่เลว 

 

 

“ก็แค่ความชอบส่วนตัวน่ะค่ะ” เธอยิ้มบางๆ หวนนึกถึงคืนวันบริสุทธิ์ไร้เดียงสาในอดีตที่ผ่านไปนานแสนนาน เธอเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองแทบจะลืมไปแล้วว่าหยางฉี่หน้าตาเป็นอย่างไร 

 

 

ตรงกันข้าม ใบหน้าของจิ้นหยวนผุดขึ้นมาแทนที่ และชัดเจนมากขึ้นๆ เธอลอบถอนหายใจเบาๆ ส่ายศีรษะน้อยๆ หวังสลัดภาพเขาออกจากสมอง เธอเงยหน้าขึ้นพลันเห็นคริสกำลังมองเธออย่างใช้ความคิด เธอรู้สึกกระดากเล็กน้อย “ทำไมคุณมองฉันแบบนั้นคะ? ฉันแต่งตัวได้แย่มากเหรอคะ?” 

 

 

“คุณรักเขามากใช่ไหม?” 

 

 

จู่ๆ เขาก็โยนคำถามนี้มาให้เธออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้เธอตะลึงนิ่งอึ้งจนพูดไม่ออกอยู่ตั้งนานสองนาน 

 

 

เขาเห็นปฏิกิริยาของเธอแล้วรีบเอ่ยขอโทษทันที “ผมขอโทษ ผมเห็นสีหน้าคุณแล้วรู้สึกว่าคุณน่าจะกำลังคิดถึงคนรักของตัวเองอยู่ สีหน้าคุณถึงได้ทั้งคิดถึงทั้งเป็นสุขแบบนั้น” 

 

 

“จริงเหรอคะ?” เธอลูบหน้าตัวเองเบาๆ ด้วยความอาย ความคิดถึงของเธอรุนแรงจนเห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยหรือ แม้แต่เขาก็ยังดูออกอย่างนั้นเหรอ? 

 

 

เธอสงบจิตสงบใจแล้วเอ่ยขึ้น “ก็อาจจะใช่ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ฉันรู้สึกยังไงกับเขากันแน่ แต่ว่า ไม่ว่าฉันจะรู้สึกยังไง ตอนนี้มันก็ไม่สำคัญแล้วล่ะค่ะ” เธอมองสายตาไม่เข้าใจของเขา “ระหว่างฉันกับเขาไม่มีวันเป็นไปได้ เพราะเขาแต่งงานกับหญิงอื่นแล้ว” 

 

 

สายตาไม่เข้าใจของคริสแปรเปลี่ยนเป็นเห็นใจทันที “เอ่อ… ขอโทษ ผมไม่รู้ว่า…” 

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอยิ้มบางๆ พลางเอ่ยแทรกคำขอโทษของเขา เก็บซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ส่วนลึกในใจ “นี่แหละค่ะความจริง ฉันไม่อยากหลอกตัวเองว่าไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะถึงยังไงฉันกับเขาก็ไม่มีวันเป็นไปได้”  

 

 

“เข้าใจแล้วครับ” เขาละสายตาจากเธอแล้วหันไปตั้งใจขับรถ บรรยากาศภายในรถเงียบลงอีกครั้ง 

 

 

เธอถอนหายใจในใจเบาๆ นั่งตัวตรง พยายามสลัดความรู้สึกนึกคิดต่างๆ ออกจากสมอง 

 

 

จู่ๆ เขาก็เอ่ยขึ้นอีก “ต้องการให้ผมช่วยไหมครับ?” 

 

 

“อะไรนะคะ?” เธอเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ 

 

 

“ผมหมายความว่า ถ้าเขากลับมาหาคุณอีก คุณคิดว่าจะรับมือเขาไหวเหรอครับ? ผมคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องง่าย” 

 

 

เธอเข้าใจความหมายของเขาแล้วครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว “ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนคุณด้วยนะคะ แต่ฉันคิดว่าเขาคงไม่ใช้ไม้แข็งกับฉันหรอกค่ะ” 

 

 

“คุณอย่างดูถูกผู้ชายเกินไป ผมเห็นตั้งแต่แรกแล้ว สายตาของเขาแสดงออกชัดเจนว่าจะต้องเอาตัวคุณไปให้ได้” เขาเอ่ยจริงจัง 

 

 

เธอได้แต่นั่งเงียบ เธอไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร คงต้องคอยดูกันต่อไป 

 

 

รถยนต์เคลื่อนตัวอยู่ในความมืด ดุจมัจฉาสีนิลเป็นมันที่กำลังแหวกว่ายเข้าสู่มหาสมุทรยานยนต์ 

 

 

ไม่นาน รถของคริสก็เคลื่อนตัวเข้าไปจอดลงตรงหน้าร้านที่ถูกประดับประดาจนสว่างไสว “ถึงแล้ว เลือกชุดที่คุณชอบได้ตามสบายเลยนะครับ” เขาหันไปเอ่ยกับเธอ 

 

 

เธอมองป้ายหน้าร้านแล้วจำได้ทันทีว่าร้านนี้เป็นหนึ่งในร้านเสื้อผ้าสตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดในมิลาน ราคาเสื้อผ้าชุดหนึ่งๆ เทียบเท่ากับเงินเดือนของเธอตั้งหลายเดือนแน่ะ 

 

 

เธอมองเขาด้วยความลังเล “เปลี่ยนร้านได้ไหมคะ?” 

 

 

“ทำไมล่ะครับ?” 

 

 

“ให้ฉันใส่เสื้อผ้าร้านนี้ฉันคงเกร็งจนก้าวขาไม่ออกแน่ๆ เกิดฉันทำมันเปื้อนหรือสกปรกขึ้นมา ฉันคงไม่มีปัญญาชดใช้หรอกค่ะ” 

 

 

เขาหัวเราะฮ่าๆ “สบายใจเถอะครับ ผมซื้อให้คุณ คุณไม่ต้องชดใช้หรอกครับ” 

 

 

“ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันเป็นคนใส่ จะให้คุณจ่ายเงินได้ยังไง?” 

 

 

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ คุณไปออกงานเป็นเพื่อนผม ผมเป็นเจ้านายคุณ งานนี้จึงถือเป็นงานหลวง และนี่เป็นค่าเครื่องแต่งกายสำหรับออกงานไงครับ” 

 

 

เธออ้าปากอยากจะแย้ง แต่ก็พูดอะไรไม่ออกสักอย่าง แบบนี้ก็ได้เหรอ? เขามีเลขาส่วนตัวไม่ใช่เหรอ? 

 

 

คริสเห็นสายตาของเธอแล้วเข้าใจทันที “เลขาผมลาคลอดตั้งแต่เมื่อวานแล้ว คุณไม่รู้เหรอครับ?” 

 

 

เธอชะงักนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ภาพหญิงอุ้มท้องผุดขึ้นในสมองทันที 

 

 

เขาอุดช่องโหว่ทุกช่องทางแบบนี้เธอยังจะทำอะไรได้อีก สุดท้ายทั้งสองก็ลงจากรถ คนหนึ่งเดินนำหน้า อีกคนหนึ่งเดินตามหลังเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าราคาแพง 

 

 

เธอคงต้องบอกว่า แม้เสื้อผ้าจะราคาแพงลิบลิ่ว แต่คุณภาพการบริการของพนักงานในร้านก็สูงมากเช่นเดียวกัน ยามพนักงานเห็นพวกเขาเดินเข้าไปในร้าน พวกเขาไม่ได้กรูกันเข้าไปหาลูกค้าทันที แต่กลับมีพนักงานสาวยิ้มหวานเดินเข้ามาพวกเขาเพียงคนเดียว จากนั้นเอ่ยต้อนรับพวกเขาด้วยภาษาอิตาลีอย่างสุภาพ เมื่อเห็นว่าลูกค้าสาวสีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงงและไม่เข้าใจ เธอจึงเปลี่ยนไปพูดภาษาอังกฤษอย่างลื่นไหลแทนทันที “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าต้องการความช่วยเหลืออะไรบ้างคะ?” 

 

 

คริสพยักหน้าให้พนักงานสาวเล็กน้อย “ช่วยเลือกชุดราตรีที่เหมาะกับเธอด้วย” 

 

 

พนักงานสาวถูกฝึกจนมีสายตาแหลมคม มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าคนรวยคือชายหนุ่มรูปงามคนนี้ เธอยิ้มหวานยิ่งขึ้น “ได้ค่ะ เชิญคุณผู้หญิงตามมาทางนี้ค่ะ” 

 

 

เฉียวซือมู่ไม่ได้ถือสาที่พนักงานสาวค่อนข้างเฉยชากับเธอ คริสเป็นเจ้านายของเธอ แม้แต่เธอเองก็ต้องประจบเอาใจเขาเหมือนกัน เพราะฉะนั้น เธอจึงไม่รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับเธอ เพียงไม่นาน เธอก็ได้ชุดราตรีสีเหลืองนวลที่เหมาะกับเธอมาก มันเป็นชุดราตรียาวระดับหัวเข่าที่เปิดหน้าอกเล็กน้อยพอสวยงาม ให้ความรู้สึกสง่างามหากแต่แอบเซ็กซี่นิดๆ โดยเฉพาะเนื้อผ้าสีเหลืองนวลช่วยขับผิวเธอให้ผุดผ่องมากยิ่งขึ้น 

 

 

ชั่ววินาทีที่เขาเห็นเธอเดินออกมาจากห้องลองเสื้อ พลันสายตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งทันที “สวยมาก สวยจนผมตะลึงไปเลย” 

 

 

เขาเอ่ยชื่นชมพลางจับมือเธอขึ้นมา จากนั้นฝังจุมพิตลงบนหลังมือเธอเบาๆ สายตาร้อนแรงของเขาทำให้เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย 

 

 

ขณะที่เธอกำลังจะดึงมือกลับนั้น เขารีบคลายมือออกอย่างรู้ตัว จากนั้นคลี่ยิ้มกว้างให้เธอ “ตามผมมา ผมจะทำให้คุณเป็นผู้หญิงที่สวยจนทุกคนในงานต้องตะลึง” 

 

 

เธอรู้สึกสับสนปนเปไปหมด จู่ๆ เธอก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาที่ดันไปรับปากเขาว่าจะไปงานค็อกเทลเป็นเพื่อนเขาเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ 

 

 

แต่ตอนนี้เธอถอนตัวไม่ทันเสียแล้ว ได้แต่แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจความหมายที่เขาอยากจะสื่อ แล้วยิ้มซื่อๆ ตามเขาไป 

 

 

และเป็นไปอย่างที่เธอคาด ทันทีที่เขาและเธอปรากฎกายในงานเลี้ยงค็อกเทล ทั้งสองก็ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนในงานทันที แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะคริส สถานะมาเฟียของเขาทำให้ใครๆ ต่างนึกเกรงกลัวอยู่บ้าง จนกระทั่งแขกเหรื่อในงานมองเขาจนพอใจแล้ว จึงเบนความสนใจมาที่เธอแทน ไม่มีใครในงานรู้จักเธอสักคน หลังจากมองเธอด้วยสายตาสงสัยแล้ว ทุกคนต่างพากันจับกลุ่มซุบซิบขึ้นมา ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเดาไปต่างๆ นานาว่าเธอเป็นใคร