บทที่ 601 เวทีหมอก

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 601 เวทีหมอก

ฟังคำพูดของอูเถิงแล้ว ฉินเทียนมือสั่นชาในแก้วแทบจะกระเซ็นออกไป

เขากลืนน้ำลายแล้ว พยายามพูดอย่างสงบ“คุณแน่ใจไหม?”

“แน่ใจคือเหลิ่งจุ้น?”

“ใช่ ก็คือเหลิ่งจุ้น!”อูเถิงยืนยันมาก

“ที่ผมจำได้เป็นเพราะต่อมาได้ยินว่านินจาหญิงคนหนึ่งของ ญี่ปุ่นได้พบรักแรกกับเหลิ่งจุ้น ทรยศหักหลังองค์กรอย่างไม่เสียดายหนีไปด้วยกันกับเขา”

“ข่าวความรักหญิงชายชนิดนี้ แพร่กระจายนานมากแล้วในตรอกซอกซอย”

ฉินเทียนสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ก็ไม่มีวิธีที่จะทำให้อารมณ์เงียบสงบได้อีก

เหลิ่งจุ้น!

พ่อของเหลิ่งหยุน!

ปีนั้นเหลิ่งจุ้นและนินจาหญิงหนีกลับในประเทศถูกนินจาญี่ปุ่นไล่ตามฆ่า ก็เป็นเวลานั้นที่เถ้าแก่ใหญ่รีบมาถึงช่วยเหลิ่งหยุนในผ้าที่ห่อหุ้ม

คิดไม่ถึงจินหู่กับเหลิ่งจุ้นคือมาด้วยกัน!

ทั้งสองคนตายอย่างน่าเวทนาเพราะการเดินทางของญี่ปุ่น

ข้างในนี้หรือว่าเพียงแค่ความบังเอิญเหรอ?

เถ้าแก่ใหญ่รีบไปช่วยเหลิ่งจุ้นก็คือความบังเอิญเหรอ?

ฉินเทียนรับรู้อย่างว่องไว ข้างในนี้มีปัญหาแน่นอน

เขารู้สึกดูเหมือนจับอะไรได้บางอย่างแล้ว แต่ในเวลาอันสั้นก็คลุมเคลือมากไปแล้วมองไม่ชัดเจน

ทันใดนั้นอารมณ์ก็วุ่นวายมาก

“คุณฉิน คุณเป็นอะไรแล้ว?”

“หรือว่าคุณรู้จักเหลิ่งจุ้น?”อูเถิงอดไม่ได้ที่จะสงสัย

ฉินเทียนสงบสติอารมณ์เล็กน้อย ส่ายหน้าพูด“เพียงแค่นึกถึงเพื่อนคนหนึ่ง ก็มีชื่อว่าเหลิ่งจุ้นพอดี”

“แต่เหลิ่งจุ้นนี้ควรจะไม่ใช่เหลิ่งจุ้นคนนั้น”

อูเถิงพยักหน้าก็ไม่ได้สงสัย

“ดังนั้นคุณฉิน ตอนนี้คุณเข้าใจเพราะอะไรผมพูดการตายของจินหู่ เดิมทีก็ไม่มีความจำเป็นที่จะพลิกคดี ก็ไม่มีทางพลิกคดีอย่างเด็ดขาดแล้วใช่ไหม?”

“ปัญหานี้วันหลังพวกเรายังไงไม่ต้องพูดคุยแล้ว”

“กระทั่งบัญชาทางตะวันตก ผมอยู่ที่นี่มานานหลายปีอย่างนี้ก็สืบเจอเบาะแสเล็กน้อยแล้ว”

“มีโอกาส พวกเราค่อยคุยกันอย่างละเอียดเถอะ”

“คุณเพิ่งมาถึงที่นี่ พักให้สบายใจก่อนกลับไปผมให้คนพาคุณไปคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและประเพณีสักหน่อย”

“พวกเราค่อย ๆ ขยันด้วยกัน ขอแค่ไม่ทิ้งไปผมเชื่อจะมีวันนั้นที่ได้รับผลเก็บเกี่ยว”

ในสายตาของอูเถิง ภารกิจนี้คือไม่มีระยะเวลากำหนด เขารู้สึกว่าฉินเทียนเหมือนกันกับเขามาถึงที่นี่เป็นสายลับ ได้ทำความพร้อมของการกำหนดที่อยู่อย่างมั่นคงเป็นเวลานานแล้ว

ฉินเทียนก็ไม่พูดเรื่องจริง เวลานี้สำหรับบัญชาทางตะวันตกเขากลับไม่ค่อยใส่ใจแล้ว

เรื่องที่เร่งด่วนในภารกิจล้าช้าไม่ได้เป็นการตรวจสอบสาเหตุการตายของจินหู่ให้ชัดเจน เขาเชื่อขอแค่เปิดโปงเรื่องจริงที่อยู่เบื้องหลัง บัญชาทางตะวันตกก็ได้มาอย่างง่าย ๆ

และจินหู่มีความสัมพันธ์กับเหลิ่งจุ้น นี่เป็นช่องโหว่หนึ่งอย่างแน่นอน

ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของเรื่องนี้พอดี เหลิ่งหยุนพบการตายของเหลิ่งจุ้นพ่อของเขามีเรื่องแอบซ่อนอย่างอื่นอีก เป็นเรื่องแอบซ่อนอะไร?

หรือมีความเกี่ยวข้องกับการตายของจินหู่ใช่หรือเปล่า?

จินหู่กับเหลิ่งจุ้นสรุปแล้วเป็นความสัมพันธ์อะไรอีก?

เขาทนรอไม่ไหวอยากที่จะไปหาเหลิ่งหยุนถามให้ชัดเจน

อูเถิงยุ่งมากมีเรื่องของตัวเองมากมายที่ต้องทำ ยังไงอูซื่ออยู่ที่นี่ก็ครอบครองอุตสาหกรรมไม่น้อย

หลังพูดคุยอย่างง่าย ๆ เสร็จแล้วก็กินอาหารต้นตำรับเป็นเพื่อนฉินเทียนแล้วด้วยตัวเองมื้อหนึ่งอีก ถือว่าเป็นอาหารกลางวัน

จากนั้นก็เรียกผู้รับผิดชอบหนุ่มคนหนึ่งมาอยู่กับฉินเทียน เขาออกไปทำธุระอื่นแล้ว

คนหนุ่มชื่อว่าเฉินเสี่ยวอี้ เป็นเด็กกำพร้าที่อูเถิงรับเลี้ยงจากในประเทศ ก็ถือว่าเป็นลูกชายบุญธรรมของเขา

หนุ่มน้อยอายุไม่ถึงยี่สิบน่ารักอย่างธรรมชาติทำให้คนชอบ แม้ว่าตอนที่โกรธมองไปแล้วก็เหมือนกำลังยิ้ม

มือเท้ายากที่จะอยู่นิ่ง ๆ สามนาที มองไปแล้วเหมือนกับลิงซน

เปรียบเทียบความเข้มงวดและความสุภาพของอูเถิง ฉินเทียนกลับยิ่งชอบเด็กคนนี้

“เถ้าแก่ฉิน ต่อมาก็มีผมมารับผิดชอบคุณแล้ว”

“คุณอย่ามองว่าผมอายุน้อย วิธีทำเรื่องมีมากมาย”

“คุณอยู่ที่นี่มีความต้องการอะไรให้รีบพูดกับผม รับรองทำให้คุณพอใจ” เขายิ้มคริ ๆ พูดต่อฉินเทียน

ฉินเทียนยิ้มพูด“เหรอ?”

“ฉันอยากเจอจักรพรรดิแห่งสวรรค์ รบกวนนายจัดเตรียมสักหน่อยแล้วกัน”

เฉินเสี่ยวอี้พูดด้วยใบหน้าที่ขมขื่น“เถ้าแก่ฉิน อย่าล้อเล่นแล้ว”

“จักรพรรดิแห่งสวรรค์อยากเจอก็สามารถเจอได้เหรอ?”

“แต่ถ้าหากคุณอยากเจอเจ้าหญิง ผมกลับก็ไม่แน่จะมีวิธี”

“จริงเหรอ?”ฉินเทียนคือแปลกใจแล้วจริง ๆ เด็กนี่มีวิธีทำเรื่องมากมายอย่างนั้นแล้วเหรอ?

เฉินเสี่ยวอี้ยิ้มพูด“ล้อเล่นนะ อีกอย่างเจ้าหญิงมีอะไรน่าเจอ”

พูดถึงที่นี่ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นมาแล้ว พูดอย่างลึกลับ“เถ้าแก่ฉิน ตอนเย็นพวกเราไปเดินเล่นเป็นยังไง?”

“ที่นั่นยังมีโฮสเทลความรักมากมาย ผมรับรองคุณจะชอบ”

“เป็นสถานที่ที่เถ้าแก่ในประเทศจะต้องตอกบัตรนะ!”

“ถ้าหากคุณอยากพาของที่มีคุณภาพสูงเหล่านั้นกลับไป ผมก็มีวิธีให้ผมมาจัดการ!”

ฉินเทียนโมโหยิ้มแล้ว เด็กนี้เห็นตัวเองเป็นคนอะไรแล้ว

เขาตั้งใจแกล้งคิดใตร่ตรองอย่างจริงจังเล็กน้อย พูดเสียงต่ำ“งั้นนายต้องเก็บเป็นความลับให้ฉัน”

“วางใจ!”เฉินเสี่ยวอี้ดีใจมาก พอตบขาใหญ่ก็ยืนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ผมสามารถพาคุณไปเดินเล่นรอบ ๆ ได้ รอถึงตอนค่ำพวกเราค่อยไป”

“ผมรู้พวกคุณเถ้าแก่เหล่านี้เห็นแก่ภาพลักษณ์มาก ๆ วางใจผมมีวิธีทำมากมายรับประกันความปลอดภัยอย่างแน่นอน!”

เขาพาฉินเทียนอยู่ออกไปอย่างดีใจมาก ฉินเทียนสังเกตอย่างระวังร้านชาอูซื่อหลังนี้มีพนักงานประมาณสิบกว่าคน หนึ่งในนั้นเป็นเพศหญิงซะส่วนมาก

ทุก ๆ คนมองไปแล้วเหมือนต่างก็มีการอบรมสั่งสอนมีมารยาทมาก แต่กลับให้คนรู้สึกมีความห่างเหินปฏิเสธคนชนิดหนึ่ง

ให้ฉินเทียนรู้สึกคาดไม่ถึงก็คือ คนเหล่านี้เหมือนต่างก็มีวิชากังฟูอยู่ที่ตัวเล็กน้อย

อาจารย์ศิลปะการชงชาคนหนึ่งเพราะอะไรถึงเรียนวิชากังฟู?

รวมถึงอูเถิงคนนี้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนก้อนปริศนาหนึ่ง

บนทางเขาพูดอย่างเกรงใจกับเฉินเสี่ยวอี้อย่างไม่ตั้งใจรวมถึงฐานะชาติกำเนิดของเขา

เฉินเสี่ยวอี้มองไปแล้วสบาย ๆ มาก พูดว่าเขาเมื่อตอนสิบสองปีก่อนอยู่สถาบันเด็กกำพร้าแห่งหนึ่งที่เจ้อตงถูกพ่อบุญธรรมเลือกแล้ว พามาถึงที่นี่

เวลานั้นเขาแค่หกขวบ

พูดถึงพ่อบุญธรรม เขาขอบพระคุณมากและก็เลื่อมใสมาก

พูดอูเถิงมาที่นี่จากอาณาจักรมังกร เห็นคนที่ทำสำเร็จอย่างนี้ได้น้อย

คนที่มีพลังอำนาจของญี่ปุ่นมากมายต่างก็ให้หน้าเขา

ฉินเทียนแกล้งดูถูก ยิ้มพูดอย่างเย็นชา“เถ้าแก่อูมีความร้ายกาจอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ?”

“เขาต่างก็รู้จักคนที่มีพลังอำนาจอะไร?”

“ฉันคิดว่าคนอื่นก็เพียงแค่เกรงใจต่อเขาจากภายนอกล่ะมั้ง”

ฟังคำพูดนี้เฉินเสี่ยวอี้หน้าแดงแล้ว

เพื่อโต้แย่งฉินเทียน เขาลังเลแล้วเล็กน้อย พูดยิ้มอย่างเย็นชา“ผมเคยเจอกับตาตัวเอง คนของเทพลักซ่อนก็เกรงใจต่อพ่อบุญธรรมมาก”

“หัวหน้าคนหนึ่งของพวกเขารินชาให้พ่อบุญธรรมด้วยตัวเอง”

“คุณว่า นี่เป็นการเกรงใจภายนอกเหรอ?”

ในใจของฉินเทียนสั่น อูเถิงกับเทพลักซ่อนมีความสัมพันธ์ดีอย่างนี้เหรอ?คือเพื่อเป็นความต้องการของสายลับ หรือสาเหตุอื่นอะไร?

เขายิ่งรู้สึกว่าความลับบนตัวของอูเถิงคนนี้สามารถขุดขุยอีกได้

มองเห็นบนป้ายถนนด้านนอกเขียนอยู่“ถนนซากุระ”เขาให้เฉินเสี่ยวอี้จอดรถข้างทางแล้ว

สูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะพูดถอนใจ“ที่นี่สภาพแวดล้อมไม่เลวจริง ๆ ”

“สหายน้อย เดินไปเป็นเพื่อนฉันแล้วกัน”

เฉินเสี่ยวอี้ลืมเมื่อกี้ที่ไม่ดีใจแล้วตามด้านข้างของฉินเทียน ชี้สถานที่จุดยอดเขาสูงแห่งหนึ่งที่ถูกหมอกหนาบดบังไว้ พูดอย่างภาคภูมิใจเล็กน้อย“มองเห็นแล้วหรือยัง?นั่นก็คือเวทีหมอก”

“เว้นห่างทุก ๆ ห้าปีต้องเป็นสถานที่จัดการแข่งขันของนินจาญี่ปุ่น”

“ก็คืองานประชุมการแลกเปลี่ยนศิลปะการต่อสู้”