ตอนที่ 2235 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (76)
อวิ๋นลั่วเฟิงพยักหน้า “วิญญาณสองดวงที่ท่านจะไปจับชื่อว่าอวิ๋นเทียนฉีกับหลี่ชุ่ยชุ่ยหรือเปล่า”
เฮยอู่ฉางประหลาดใจอย่างยิ่ง “เจ้ารู้ได้ยังไง”
“ก็เพราะสองคนนั่นเป็นศัตรูกับข้าน่ะสิ” อวิ๋นลั่วเฟิงตอบพร้อมรอยยิ้มพลางยกมือขึ้นลูบคาง
เฮยอู่ฉางสะดุ้งและเริ่มพูดตะกุกตะกักว่า “ข้าเข้าใจดีว่าข้าควรจะทำอะไร”
การเป็นศัตรูกับนาง คงไม่ได้แปลว่าให้ต้อนรับสองคนนั่นเป็นอย่างดีสินะ
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฮยอู่ฉางก็เสนอขึ้นว่า “ถ้างั้นปล่อยให้พวกเขาลงไปที่นรกขุมสิบแปด [1] ดีหรือไม่”
“ทำตามที่เจ้าเห็นสมควรเถอะ แล้วก็ให้พ่อกับแม่ของข้าคอยเป็นคนตรวจตราดูด้วย”
ความคับข้องใจทั้งหลายในโลกมนุษย์นั่นจะได้รับการคลี่คลายในโลกแห่งความตายนี้แหละ ถึงยังไงพวกมันก็ยังชดใช้ให้พ่อและแม่ของนางไม่หมด!
“จริงสิ ข้ายังไม่ได้ถามเลย ทำไมในเมื่อเป็นหน้าที่ของท่านที่ต้องนำทางวิญญาณ แล้วท่านยังจะปล่อยให้พ่อแม่ข้าต้องล่องลอยอยู่ในโลกนั้นตั้งยี่สิบปีล่ะ”
“อืม…” เฮยอู่ฉางเช็ดเหงื่อเย็นๆ ที่ผุดขึ้นมา “เราจับมาได้แต่เฉพาะคนที่ยินยอมลงมารายงานตัวในยมโลกนี่เท่านั้น เราไม่สามารถทำอะไรได้ถ้าหากว่าพวกเขายังมีเรื่องค้างคาอย่างพ่อแม่ของเจ้า ถึงอย่างไรที่ยมโลกนี้ก็ไม่เหมือนในอดีต เราไม่สามารถกักขังดวงวิญญาณเอาไว้ได้อีกแล้ว”
“เอาละ งั้นก็ไปกันเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เฮยอู่ฉางรีบยกมือคำนับและหายวับไปต่อหน้าพวกเขาเหมือนสายลม
ครู่หนึ่งต่อมา เขาก็เดินเข้ามาหาพร้อมด้วยโซ่ในมือ มีวิญญาณสองดวงที่ติดอยู่ตรงปลายโซ่ด้วย
ทันทีที่หลี่ชุ่ยชุ่ยมองเห็นอวิ๋นลั่วเฟิง เธอก็พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ก่อนจะกรีดร้องออกมาว่า “แกมาทำอะไรที่นี่!”
อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มเยาะ “ก็กำลังจะลงไปยมโลกกับเธอน่ะสิ”
“อะไรนะ” หลี่ชุ่ยชุ่ยรู้สึกตะลึงไปในตอนแรก ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “กลายเป็นว่าแกก็ตายเหมือนกันเหรอ อืม คนชั่วนี่กรรมตามทันเร็วจริงนะ ฉันยังนึกสงสัยอยู่เลยว่าทำไมถึงได้มาเจอแกที่นี่”
เพียะ!
เฮยอู่ฉางตวัดแส้ใส่หลี่ชุ่ยชุ่ยและรีบปรี่เข้ามาหาโดยเร็ว “นี่เจ้าพูดพล่ามไร้สาระอะไรอยู่ ท่านผู้นี้เป็นแขกคนสำคัญของท่านยมบาล พวกเขากำลังจะลงไปเยี่ยมพ่อแม่ที่ยมโลกเพื่อหางานให้ทั้งสองทำด้วยตัวเอง! ส่วนเจ้า ก็ขอให้สนุกกับนรกขุมที่สิบแปดแล้วกันนะ!”
หลี่ชุ่ยชุ่ยเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง หน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
“ไม่นะ ฉันไม่ไปนรก ฉันจะไปจากที่นี่! ปล่อยฉัน!”
เหมี่ยวฟางและสามีของนางมาทำงานอยู่ในยมโลกงั้นรึ แล้วนี่ถ้าลงยมโลกไปละก็ เธอจะต้องเจอกับความทรมานอีกเท่าไหร่กันล่ะ
“โฮ่ๆ ที่ยมโลกเราไม่ได้ไม่ได้ใช้กำลังบังคับวิญญาณมานานแล้ว แต่สำหรับเจ้า ต่อให้ไม่อยากไปก็ต้องไป!” เฮยอู่ฉางยึดโซ่เหล็กในมือไว้แน่น และหันมองอวิ๋นลั่วเฟิง “นายท่าน ไปกันเถอะครับ”
“ตกลง” อวิ๋นลั่วเฟิงพยักหน้า หลังจากพบพ่อและแม่นาง นางจะต้องไปจากที่นี่
…
อาจเป็นเพราะมีใครบางคนบอกกับเหมี่ยวฟางและสามีของนางล่วงหน้า พวกเขาจึงมายืนรออยู่ที่ด้านนอกแล้ว เมื่อทั้งคู่เห็นคนทั้งสี่กำลังเดินตามหลังเฮยอู่ฉางมา ดวงตาของทั้งคู่ก็ฉายแววยินดี
“เด็กสองคนนี้เป็นลูกของหนูเหรอ” สายตาของเหมี่ยวฟางเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
หลังจากหลายปีที่ผ่านมา ลูกสาวของเธอเริ่มมีครอบครัวของตัวเองแล้วเช่นกัน ในที่สุดพวกนางก็เบาใจได้เสียที
“พ่อคะ แม่คะ หนูพาศัตรูของพวกท่านมาด้วย” อวิ๋นลั่วเฟิงขยับไปด้านข้าง เผยให้เห็นอวิ๋นเทียนฉีและหลี่ชุ่ยชุ่ยที่เดินตามหลังมาติดๆ “ในยมโลก พวกท่านสามารถแก้แค้นพวกเขาได้ตามใจชอบ ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรทั้งนั้น!”
ตอนที่ 2236 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (77)
เหมี่ยวฟางผงะ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองนางก็ได้เห็นใบหน้าซีดเซียวของหลี่ชุ่ยชุ่ย นางหัวเราะออกมาอย่างดุดัน “หลี่ชุ่ยชุ่ย ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะได้รับโทษในสิ่งที่เธอทำลงไป”
หลี่ชุ่ยชุ่ยถอยกรูด พยายามซ่อนตัว “ตอนนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจทำจริงๆ ฉันเองก็ชดใช้ด้วยชีวิตแล้ว เธอจะปล่อยฉันไปไม่ได้หรือ”
“เธอเอาสมบัติของฉันไป ขับไล่ลูกสาวฉัน ทำให้นางต้องเผชิญความโหดร้ายสารพัดอยู่ข้างนอกนั่น แล้วฉันจะปล่อยเธอไปได้ยังไงกัน” เหมี่ยวฟางยิ้มเยือกเย็น “ถึงยังไงเราก็ยังมีเวลากันอีกเยอะ ฉันจะเอาคืนเธอให้สาสมทีละน้อย!”
ตรงกันข้ามกับความกลัวของหลี่ชุ่ยชุ่ย อวิ๋นเทียนฉีกลับมีสีหน้าอับอาย เขาก้มหน้างุด และไม่กล้ามองหน้าพี่ชายตัวเอง
“เทียนฉี นายทำให้ฉันผิดหวังมากเลยนะ” อวิ๋นหลิงส่ายหน้าพลางถอนใจ “ตอนนั้นที่พ่อแม่ของเราอายุสั้นแล้วก็ทิ้งพวกเราไปตั้งแต่เด็ก ฉันคือคนที่เลี้ยงดูนายมากับมือ ฉันยอมเลิกเรียนหนังสือเพื่อมาทำงานหาเงินให้นายได้ไปโรงเรียน แล้วนี่คือการตอบแทนของนายงั้นรึ”
“พี่ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกรึ ตอนนั้นบริษัทของเทียนฉีมีปัญหา ถ้าพี่ยอมให้เรายืมเงินดีๆ แต่แรกเราก็คงไม่ต้องทำร้ายพี่หรอก”
ตระกูลหลี่เชื่อว่าลูกสาวที่ออกเรือนไปแล้วก็เหมือนคนนอก พวกเขาจึงไม่ยอมให้ยืมเงิน สำหรับพวกเขาแล้ว การยื่นมือเข้ามาช่วยให้อวิ๋นเทียนฉีก่อตั้งบริษัทขึ้นมาได้ก็นับว่าเป็นความใจดีอย่างมากแล้ว แต่จะให้ยืมเงินน่ะหรือ ไม่มีทาง!
เพราะเหตุนี้เองหลี่ชุ่ยชุ่ยและอวิ๋นเทียนฉีจึงไปหาอวิ๋นหลิง ใครจะไปคิดล่ะว่าอวิ๋นหลิงจะปฏิเสธพวกเขา เพราะแบบนี้พวกเขาจึงจบลงด้วยการตัดสินใจที่จะหาทางยึดเอาสมบัติของอวิ๋นหลิงมาซะ!
อวิ๋นหลิงหลับตา ไม่อยากที่จะพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว ทำไมอวิ๋นเทียนฉีถึงได้ต้องการเงินนักในตอนนั้นนะ เป็นเพราะบริษัทมีปัญหางั้นรึ หรือว่าเพราะเขาไปกู้เงินจากเจ้าหนี้นอกระบบมา
จะอย่างไร ในเมื่อทั้งคู่เป็นคนฆ่าเหมี่ยวฟางกับเขาเพราะเรื่องนี้ ก็เท่ากับว่าสายสัมพันธ์ได้ขาดสะบั้นลงแล้ว!
“พ่อคะ แม่คะ ตอนนี้อย่าไปใส่ใจพวกเขาเลยค่ะ ปล่อยให้เฮยอู่ฉางพาพวกเขาไปยังนรกขุมสิบแปดเถอะ เรามานั่งคุยกันก่อนดีกว่า เดี๋ยวหนูก็จะต้องไปแล้ว”
“ตกลง ตกลง ตกลง” ใบหน้าเหมี่ยวฟางกลับมาอ่อนโยนอีกครั้ง “ท่านยมบาลดีกับเรามาก แล้วก็ยังให้บ้านเราอยู่ ไปนั่งคุยกันที่บ้านก็แล้วกัน”
เมื่อพูดจบ เหมี่ยวฟางก็จูงมืออวิ๋นลั่วเฟิง และทุกคนก็ออกเดินไป
ทางด้านหลัง เสียงแหลมบาดหูของหลี่ชุ่ยชุ่ยก็ดังขึ้น
“เหมี่ยวฟาง นังแพศยาไม่สนใจครอบครัวตัวเอง! ฉันอุตส่าห์ยอมชดใช้ด้วยชีวิต แต่แกกลับยังมาทำกับฉันแบบนี้! แกจะต้องตายอย่างทรมาน!”
เหมี่ยวฟางชะงักฝีเท้า ก่อนจะพ่นลมพรืดโดยไม่พูดอะไรและเดินต่อไปข้างหน้า
ด้วยความที่ประตูสู่แคว้นเจ็ดเมืองกำลังจะเปิดขึ้นอีกครั้ง อวิ๋นลั่วเฟิงและอวิ๋นเซียวจึงไม่อาจอ้อยอิ่งอยู่ในยมโลกได้นานนัก เมื่อพูดคุยกันสั้นๆ พวกเขาก็บอกลาเหมี่ยวฟางและอวิ๋นหลิงมาอย่างไม่เต็มใจนัก
เมื่อมาถึงประตู แสงไฟก็ส่องสว่างวาบมา แล้วท้องฟ้าของแคว้นเจ็ดเมืองก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขา
สูดเอาอากาศที่เคยคุ้นของดินแดนแห่งนี้เข้าเต็มปอด อวิ๋นลั่วเฟิงเหยียดแขนอย่างเกียจคร้านแล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ “แคว้นเจ็ดเมือง ข้ากลับมาแล้วนะ…”
อวิ๋นเซียวยกแขนขึ้นโอบเอวของนางไว้อย่างอ่อนโยน ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข “พวกเขาคงจะรออยู่นานทีเดียว กลับบ้านกันเถอะ”
ใช่ กลับบ้านกัน
อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มและหันไปมองอวิ๋นเนี่ยนเฟิงและอวิ๋นชูเทียนที่ยืนอยู่ถัดไป ก่อนจะหันไปมองบุรุษที่ติดตามนางมาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความพึงใจ “เอาละ กลับบ้านกันเถอะ”
ท่านปู่และคนอื่นๆ คงกำลังรอนางอยู่นานมากทีเดียว และตอนนี้ ในที่สุด พวกนางก็กลับมาแล้ว ภารกิจในหวาเซี่ยได้รับการจัดการเป็นที่เรียบร้อย นางไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงชีวิตของอาจารย์อีกต่อไปแล้ว
อวิ๋นเนี่ยนเฟิงนั้นเดินล่วงหน้าออกไปไกลแล้ว แต่เมื่อเขาไม่เห็นอวิ๋นลั่วเฟิงและคนอื่นๆ ตามมา เขาก็หันหลังกลับมาโบกมือให้ “ท่านแม่ ไปกันเถอะ”
“ไปกันเถอะ” อวิ๋นเซียวกอดเอวอวิ๋นลั่วเฟิงเอาไว้ และหันไปอุ้มอวิ๋นชูเทียน จากนั้นร่างเขาก็พุ่งไปหาอวิ๋นเนี่ยนเฟิง
ภายใต้ท้องฟ้าสีคราม มีเพียงร่องรอยเป็นเงาดำๆ พาดผ่านเท่านั้นที่หลงเหลือไว้ให้เห็น จนกระทั่งทั้งหมดหายลับตาไป…
——
[1] นรกขุมที่สิบแปด ถือว่าเป็นนรกขุมที่ลึกที่สุดของจีนโบราณ