ตอนที่ 2237 การกลับมาของอวิ๋นชูเทียน (1)
แคว้นเจ็ดเมือง ตระกูลจวิน
ภายในสวนที่สามารถเห็นดอกท้อบานสะพรั่งไปทุกแห่งหน
ชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดคลุมสีขาวและหล่อเหลาหาใดเปรียบกำลังถือขลุ่ยหยกไว้ในมือ ดนตรีไพเราะถูกบรรเลงภายใต้ต้นท้อและกระตุ้นให้สัตว์วิญญาณอสูรกระโดดโลดเต้นไปตามทำนอง
ทันใดนั้นเองก็มีมือเย็นดุจน้ำแข็งมาปิดตาเขาและเสียงหัวเราะอย่างน่ารักของหญิงสาวก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “ท่านพี่เนี่ยนเฟิง เดาสิว่าใคร!”
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะน่ารัก รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากเขา เขายังถือขลุ่ยหยกไว้ในมือ แล้วเสียงอบอุ่นและมีเสน่ห์ก็ดังขึ้น “เจ้าเรียกข้าว่าท่านพี่แบบนี้แล้วข้าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเจ้าเป็นใคร”
“ท่านพี่ไม่มีอารมณ์ขันเลยเจ้าค่ะ” อวิ๋นชูเทียนลดมือลงแล้วเดินไปยืนด้านหน้าอวิ๋นเนี่ยนเฟิงขณะทำปากยื่นอย่างไม่พอใจ นางคว้าคอเสื้อเขาแล้วดมกลิ่นของเขาอย่างสุดความสามารถคล้ายกับสุนัข
“เจ้ากำลังทำอะไร” อวิ๋นเนี่ยนเฟิงถามอย่างหมดหนทาง
หลังจากผ่านไปพักใหญ่อวิ๋นชูเทียนก็ปล่อยเขาแล้วเอียงศีรษะไปด้านหนึ่ง “ข้าก็กำลังตรวจสอบดูว่าท่านพี่ไปหาสตรีอื่นหรือไม่ ท่านพี่เนี่ยนเฟิง ท่านแม่บอกว่าท่านพี่ต้องแต่งงานกับข้านะเจ้าคะ เทียนเอ๋อร์ไม่ยอมให้ท่านพี่ตามหาสตรีอื่น แค่มองพวกนางนิดเดียวก็ไม่ได้!”
นางทำปากยื่นแล้วดึงแขนเสื้อของอวิ๋นเนี่ยนเฟิงไว้ด้วยกลัวว่าจะมีคนอื่นมาขโมยเขาไป
อวิ๋นเนี่ยนเฟิงลูบศีรษะนางอย่างเอ็นดูแล้วเผยรอยยิ้มอ่อนใจ “เจ้ายังเด็กอยู่เลย หลังจากที่เจ้าโตแล้ว ถ้าถึงเวลานั้นแล้วเจ้ายินดี พวกเราค่อยแต่งงานกันก็ไม่เห็นเป็นอะไร”
เมื่อได้ยินเขาพูด ใบหน้าของอวิ๋นชูเทียนก็บึ้งตึงขณะที่นางกุมแขนเสื้อของอวิ๋นเนี่ยนเฟิงไว้อย่างน่าสงสาร
“ท่านพี่เนี่ยนเฟิง ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะเจ้าคะ ท่านพี่โตกว่าข้าแค่ปีเดียว อีกทั้งยังมีสตรีมากมายที่ชื่นชอบท่าน รวมถึงท่านยังเป็นพวกมากราคะ ถ้ามีคนขโมยท่านพี่ไปล่ะเจ้าคะ”
มุมปากของอวิ๋นเนี่ยนเฟิงกระตุก “ใครบอกว่าข้าเป็นพวกมากราคะ”
“ท่านแม่เจ้าคะ ท่านแม่บอกว่าท่านมักขโมยเอี๊ยมชั้นในของบ่าวในจวนบ่อยๆ แล้วแอบมองสตรีอื่นอาบน้ำ ยิ่งไปกว่านั้นท่านพี่ยัง…”
ใบหน้าของอวิ๋นเนี่ยนเฟิงมืดครึ้ม แล้วใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็แสดงออกถึงความกระอักกระอ่วน
“เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นตั้งแต่หลายปีที่แล้ว ข้าไม่ได้ทำอย่างนั้นอีกแล้ว เหตุใดท่านแม่ถึงจำเรื่องแบบนี้แม่นยำนัก” ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เขาก็ลืมเรื่องพวกนั้นไปนานแล้ว
“ท่านแม่บอกว่าชาติที่แล้วท่านพี่หมกมุ่นในกามมากๆ หลังจากที่ท่านพี่เกิด ท่านพี่ก็เลยทำเรื่องผิดศีลธรรมไปมากมาย ท่านแม่ยังบอกอีกว่าท่านแม่เป็นคนดัดนิสัยของท่านให้กลับมาปกติ ไม่อย่างนั้นท่านพี่อาจจะกลายเป็นคนอกตัญญูและ…”
ก่อนที่อวิ๋นชูเทียนจะพูดจบ อวิ๋นเนี่ยนเฟิงก็ดึงนางเข้ามากอดแล้วรีบปิดปากนาง
“อื้อๆ …” อวิ๋นชูเทียนกะพริบดวงตาโตเป็นประกายของนางแล้วเงยหน้ามองชายหนุ่มตรงหน้า สีหน้าของนางดูน่าสงสารมากจนทำให้อวิ๋นเนี่ยนเฟิงรู้สึกไม่ดี
“ถ้าเจ้าหยุดพูดแบบนั้น ข้าก็จะปล่อยเจ้า” เขาเอ่ยปากห้าม
เมื่อได้ยินเขาพูด อวิ๋นชูเทียนก็รีบพยักหน้าขณะที่มองเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย
อวิ๋นเนี่ยนเฟิงปล่อยมือหลังจากที่นางรับคำแล้วริมฝีปากของเขาก็โค้งขึ้น “ในอนาคต เจ้าอย่าเชื่อที่ท่านแม่บอก ข้าไม่ได้แย่อย่างที่ท่านแม่พูดแน่นอน”
“ข้าเชื่อท่านพี่เจ้าคะ” จู่ๆ อวิ๋นชูเทียนหัวเราะเบาๆ แล้วฉวยโอกาสตอนที่อวิ๋นเนี่ยนเฟิงไม่ได้สนใจรีบจุมพิตบนริมฝีปากเขา จากนั้นนางก็ถอยออกมาอย่างรวดเร็วและกะพริบดวงตาโตของนาง
“ท่านพี่เนี่ยนเฟิง ข้าประทับตราลงบนริมฝีปากของท่านแล้ว ในอนาคตท่านพี่ก็ต้องเป็นของข้า ท่านไม่มีทางหนีไปไหนได้แล้ว”
อวิ๋นเนี่ยนเฟิงชะงักไปชั่วครู่ นิ้วของเขาสัมผัสริมฝีปากของตัวเองเบาๆ และความอบอุ่นก็ทำให้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ตอนที่ 2238 การกลับมาของอวิ๋นชูเทียน (2)
“เนี่ยนเฟิง ข้าไม่คิดเลยว่า…เจ้าจะแต่งภรรยาเร็วแบบนี้” เสียงหัวเราะอย่างชั่วร้ายดังขึ้นจากด้านหลังเขา
อวิ๋นเนี่ยนเฟิงหันไปก็เห็นบุรุษหล่อเหลาคนหนึ่งค่อยๆ เดินเข้ามา ริมฝีปากของอีกฝ่ายยกขึ้นเผยรอยยิ้มร้ายกาจขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความยินดี
“ท่านอาเสีย” อวิ๋นเนี่ยนเฟิงยิ้ม “ชูเทียนยังเด็กอยู่และไม่รู้เรื่องความรัก ข้าจำเป็นต้องรอจนกว่านางจะโตแล้วค่อยมาพูดคุยเรื่องนี้กัน…ในอนาคตนางต้องเสียใจแน่”
“เจ้าอย่าดูถูกชูเทียนไป เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นคนมุ่งมั่น และเมื่อนางตัดสินใจเลือกเจ้า ข้าเกรงว่านางจะไม่มีทางจากไป” เยี่ยเสียเดินเข้ามาแล้วตบไหล่อวิ๋นเนี่ยนเฟิงเบาๆ “แต่ข้าไม่คิดเลยว่าข้าจะกลายเป็นปู่เร็วขนาดนี้…”
เยี่ยเสียเป็นหนึ่งในบุตรฝาแฝดเมื่อตอนนั้นของจวินเฟิ่งหลิงกับเยี่ยจิ่งเฉิน ถ้าอวิ๋นเนี่ยนเฟิงมีบุตร เด็กคนนั้นก็ต้องเรียกเขาว่าท่านปู่อย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงความจริงที่ว่าเขาอายุยังไม่ถึงสามสิบปีและยังไม่มีภรรยา เขาก็กำลังจะกลายเป็นปู่เสียแล้ว ระดับความอาวุโสของเขาในตระกูลช่างสูงจริงๆ
“พวกเราไปกันเถอะ ไปดื่มกัน” เยี่ยเสียโอบไหล่อวิ๋นเนี่ยนเฟิงแล้วเดินออกไป
…
“อวิ๋นเซียว…” ภายในสวนหินจำลอง อวิ๋นลั่วเฟิงกำลังซบไหล่ของอวิ๋นเซียวแล้วยิ้มขณะมองท้องฟ้าสีคราม เสียงนางดูเหม่อลอยเล็กน้อยเมื่อนางรำลึกถึงครั้งแรกที่นางเจอบุรุษที่อยู่ข้างๆ โดยที่ใบหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
“พวกเรารู้จักกันมา…เป็นสิบปีแล้ว” เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ปีนั้นที่นางอายุสิบห้า บุรุษผู้นี้ก็อยู่เคียงข้างนางมาตลอดและสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับนางในสนามรบ พริบตาลูกๆ ของพวกเขาก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เขาก็ไม่เคยทอดทิ้งนางสักครั้งเดียว
“ยี่สิบสามสิบปีไม่ได้นานเลย…” อวิ๋นเซียวกอดอวิ๋นลั่วเฟิง “พวกเรายังอยู่อีกหลายสิบปีจนกว่าเวลาจะหมดลง”
บุรุษที่ดูร้ายกาจคนนี้ไม่เคยรู้วิธีพูดคำว่ารัก แต่ทุกครั้งที่เขาพูดก็ทำให้โลกสั่นสะเทือน
ริมฝีปากนางยกขึ้น และนิ้วของนางก็ประสานกับอวิ๋นเซียวอย่างอ่อนโยน เป็นอีกครั้งที่นางมองท้องฟ้าสีครามแล้วรู้สึกถึงความแปลกใหม่
“ท่านแม่เจ้าคะ” ทันใดนั้นเสียงน่าเอ็นดูก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
อวิ๋นลั่วเฟิงหันไปก็เห็นอวิ๋นชูเทียนวิ่งเข้ามาราวกับผีเสื้อแล้วพุ่งเข้ามาในอ้อมกอดของนาง
อวิ๋นเซียวขมวดคิ้ว เขาค่อนข้างใจอ่อนกับบุตรสาว ถ้าเป็นอวิ๋นเนี่ยนเฟิง เขาคงโยนอีกฝ่ายออกไปนานแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น” อวิ๋นลั่วเฟิงปรับการทรงตัวแล้วตบไหล่อวิ๋นชูเทียนเบาๆ “เจ้าอายุสิบสี่แล้วนะ เจ้าจะไม่ระมัดระวังตัวแบบนี้ต่อไปไม่ได้”
อวิ๋นชูเทียนแลบลิ้น “ท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าคะ ข้ามาหาท่านเพื่อปรึกษาบางอย่าง”
“เกิดอะไรขึ้น”
“ข้าอยากกลับไปที่นครจักรพรรดิแห่งสวรรค์เพื่อแก้แค้นเจ้าค่ะ!”
นางไม่มีทางลืมว่าเมื่อปีนั้นตอนนางอายุห้าปี นางถูกมัดอยู่กับเสาโดยคนที่เรียกว่าเป็นสมาชิกในครอบครัวเพื่อลงโทษนางด้วยการเผา เหนือสิ่งอื่นใดนางไม่มีทางลืมพี่สาวที่แย่งทุกอย่างไปแล้วใส่ความนาง
เมื่อปีนั้นนางสาบานไว้ว่านางจะกลับไปแก้แค้นด้วยตัวเอง นางไม่มีทางปล่อยคนชั่วพวกนั้นไปแน่!
“ได้” อวิ๋นลั่วเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้ายอมรับ
“ท่านแม่ อย่าบอกท่านพี่เนี่ยนเฟิงเรื่องนี้นะเจ้าคะ ข้าอยากแก้แค้นด้วยตัวเองและถ้าเขารู้ เขาต้องไปทำลายล้างนครจักรพรรดิแห่งสวรรค์แน่”
ตอนนั้นเนี่ยนเฟิงยังเด็กและอวิ๋นลั่วเฟิงก็ไม่ได้บอกเขาเรื่องเหตุการณ์นี้ อวิ๋นชูเทียนปกปิดไว้ไม่ให้เขารู้จนกระทั่งตอนนี้ อวิ๋นเนี่ยนเฟิงไม่รู้ว่านางเคยถูกปฏิบัติเหมือนเป็นสตรีชั่วร้ายและเกือบถูกเผาทั้งเป็น!
ถ้าเขารู้เรื่องนี้ ด้วยนิสัยหุนหันพลันแล่นของอวิ๋นเนี่ยนเฟิง นครจักรพรรดิแห่งสวรรค์ต้องถูกเขาทำลายล้างในทันทีแน่นอน ถ้าอย่างนั้นแล้วนางจะแก้แค้นด้วยตัวเองได้อย่างไร