ภาคที่ 1 บทที่ 118 ข้ามเขต (2)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 118 ข้ามเขต (2)

เปรี๊ยะ !

หลังจากเอาชนะคู่ต่อสู้และชิงคะแนนมาได้ เป้ยฝูหลินก็ทำลายป้ายหยกของอีกฝ่าย โยนโอกาสของคู่แข่งทิ้งไปจนสิ้น ก่อนจะกลับไปยังจุดซ่อนหลังต้นไม้ของตน

ไม่ใช่เพราะเขามีจิตใจโหดเหี้ยมจึงทำเช่นนี้ หากแต่เป็นเพราะสถานที่ที่เขาค้นพบแห่งนี้นั้นยอดเยี่ยมเกินไปต่างหาก

ที่ซ่อนของเขาตั้งอยู่ตามแนวเดินที่ค่อนข้างยาว สองข้างฝั่งทางเดินมีแต่ต้นไม้พุ่มหนามแหลมคน บังคับให้ผู้ที่เดินผ่านมาต้องเดินไปตามทางเพียงเท่านั้น หลังต้นไม้ใหญ่ที่เป้ยฝูหลินซ่อนตัวอยู่นั้นอยู่ใกล้กับภูเขา มีใบไม้ปกคลุมเขียวชอุ่ม ทั้งยังมีช่องเล็ก ๆ ระหว่างลำต้นของต้นไม้และตัวภูเขาอยู่ ใช้เป็นสถานที่ซ่อนตัวได้อย่างดีเยี่ยม

เมื่อใช้ประโยชนจากจุดนั้น เป้ยฝูหลินจึงสามารถลอบโจมตีคนได้ถึงสามคน ทุกครั้งที่ลอบโจมตีก็จะทำลายป้ายหยกของอีกฝ่าย จากนั้นก็ตั้งตารอคนต่อไปด้วยความตั้งอกตั้งใจ

เป้ยฝูหลินรู้สึกยินดีอยู่ภายใน

การต่อสู้จำต้องใช้สติปัญญาเข้าร่วม การใช้ภูมิประเทศรอบข้างให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองนับเป็นการแสดงสติปัญญาเช่นนั้นออกมา

แม้เขาจะไม่ได้แข็งแกร่งมากมายนัก แต่เป้ยฝูหลินยังคงเชื่อว่าเขาสามารถสร้างฐานทัพตนเองในสนามสอบแห่งนี้ได้ หากเขาโชคดีพออาจทำคะแนนติดหนึ่งในร้อยอันดับก็เป็นได้

เป็นไปดังคาด มีคนอีกคนกำลังเข้าใกล้เข้ามาแล้ว

เป้ยฝูหลินซ่อนตัวอยู่ในร่องหลังต้นไม้อย่างระมัดระวังเฝ้ารอโอกาสลงมือ หากอีกฝ่ายก้าวเข้ามาอีกนิดก็จะเข้าเขตการโจมตีของเขาแล้ว พอถึงตอนนั้นเขาก็จะพุ่งออกไป จากนั้นอีกฝ่ายก็คงจะตื่นตกใจ ล่าถอยไปโดยสัญชาตญาณ แต่เป้ยฝูหลินวางแผนไว้แล้ว ท่าไม้ตายของเขาคือการตัดทางหนีของคู่ต่อสู้ จากนั้นค่อยปล่อยการโจมตีรุนแรงเข้าใส่

อีกสามก้าวอีกฝ่ายจะเข้ามายังระยะการโจมตี หากแต่คนผู้นั้นกลับหยุดฝีเท้าลงเสียอย่างนั้น

ดูเหมือนจะทำท่าครุ่นคิดบางสิ่งอยู่ จากนั้นเขาก็ก้มหัวลง เริ่มพินิจพิเคราะห์

บัดซบ เดินเข้ามาให้เร็วกว่านี้อีกสิ เป้ยฝูหลินแอบสาปส่งอยู่ในใจ หากแต่ทำได้เพียงรอ ระยะห่างตอนนี้ยังไกลเกินไป หากฝืนโจมตีตอนนี้เขาเองก็ไม่มั่นใจว่าจะสำเร็จ

ในตอนที่เป้ยฝูหลินรู้สึกกังวลอยู่ในใจนั้นเอง อีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมองมาทางเป้ยฝูหลิน นัยน์ตาคู่นั้นเจือรอยยิ้มประหลาด

อีกฝ่ายสะบัดมือวูบหนึ่ง ลูกไฟยักษ์ก็ปรากฏขึ้น

ยามได้เห็นลูกไฟยักษ์นั้น เป้ยฝูหลินได้แต่รู้สึกขนลุกเกรียวไปทั่วร่าง รู้ในพลันว่าเรื่องกำลังไม่เป็นไปตามแผน

เขาอยากกระโดดออกมาแล้วพุ่งตัวหนีไป หากแต่กลับพบว่าตนไร้ทางหนี สถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่ลอบโจมตีได้ดี หากแต่ก็มีข้อด้อยเยอะนัก ซึ่งก็คือไม่มีทางให้หนีหรือล่าถอย

ลูกไฟยักษ์ของอีกฝ่ายพุ่งเข้ามากระแทกลำต้นของต้นไม้ที่เขาซ่อนอยู่ด้านหลังแล้ว

ตูม!

หลังจากเกิดระเบิดเสียงดังขึ้น เป้ยฝูหลินก็กระเด็นไปในอากาศ แหกปากร้องเสียงดัง ร่างของเขากระเด็นไปลงตรงไม้พุ่มหนามสีม่วงพอดิบพอดี

หนามอันแหลมคมแทงเข้าร่างเขาในพลัน บนร่างมีรูนับร้อยปรากฏขึ้น

ซูเฉินค่อย ๆ เดินเข้ามา คว้าป้ายหยกของอีกฝ่ายแล้วชิงคะแนนไป

วันนี้เขาชิงคะแนนมาได้สองคะแนนแล้ว

ซูเฉินตะลึงไปเล็กน้อย หากแต่ก็หัวเราะออกมา “ไม่เลวนี่ เวลาสั้นเพียงนี้กลับได้มาสามคะแนนแล้ว หากแต่จำไว้ว่าครั้งหน้าอย่ารั้งอยู่ในสถานที่ใดนานเกินไป”

“เจ้า…… หาข้าพบได้อย่างไรกัน?” เป้ยฝูหลินเค้นเสียงออกมาด้วยความยากเย็น

“ข้างทางมีต้นพุ่มหนามสีม่วงที่ถูกทับจนแบน ทั้งที่พื้นยังมีรอยเท้าที่เกิดจากการใช้พลัง บ่งบอกว่าตรงนี้เคยมีคนทำการต่อสู้มาก่อน ต้นไม้ต้นนั้นเป็นเพียงจุดเดียวที่จะสามารถซ่อนตัวได้….. ไม่ต้องเห็นหรอกว่าเจ้าอยู่ตรงนั้นหรือไม่ เพียงใช้ลูกไฟยักษ์ทดสอบดูก็พอแล้ว แต่ที่สำคัญที่สุด…… ข้าเจอการซู่มโจมตีเช่นนี้หลายครั้งแล้ว” ซูเฉินตอบง่าย ๆ

เป้ยฝูหลินได้ยินแล้วก็ตะลึงไป

ซูเฉินโยนร่างเป้ยฝูหลินกระเด็นไป จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าเดินต่อ

ตอนนี้อารมณ์ขาไม่ดีเท่าไหร่ เนื่องด้วยเขาเจอเหตุการณ์เช่นเมื่อครู่มาหลายครั้งหลายครา

ซูเฉินเข้าใจแล้วว่าเกิดอันใดขึ้น

สำหรับผู้เข้าสอบหลาย ๆ คน แม้จะไม่อาจเข้าสถาบันมังกรซ่อนเร้นได้ หากแต่ถ้าสามารถทำอันดับได้ดี ก็จะสามารถได้รับการสนับสนุนที่ดีกว่ายามเมื่อเข้าไปยังสำนักอื่น ๆ เพราะหลายสถาบันเองก็รอคอยที่จะชิงผู้มีฝีมือที่ถูกสถาบันมังกรซ่อนเร้นคัดออกไปเช่นกัน

เมื่อเป็นเช่นนี้ หลาย ๆ คนจึงลงมืออย่างรอบคอบ หลังจากเข้าสนามสอบมาแล้วจะไม่เดินไปมั่วซั่ว หากแต่จะใช้สติปัญญาที่มีปกปิดตัวตน รอคอยโอกาสอย่างเงียบเชียบแทน

พวกเขาต่างรู้ดีในความจริงข้อหนึ่ง หากแข็งแกร่งไม่พอแล้วกระทำการหุนหัน ทำเช่นนั้นมีแต่จะถูกขับออกจากการแข่งขันอย่างรวดเร็ว

ส่วนการกระทำของซูเฉินจัดอยู่ในประเภทป่าเถื่อนไม่ยั้งมือ เดินตามทางด้วยความมั่นใจ หากไม่ลอบโจมตีเขาจะให้ลอบโจมตีผู้ใดกัน ?

เจ้าพวกบัดซบนี้บังคับให้เขาต้องสู้ ! เด็กหนุ่มไม่ได้อยากต่อสู้กับพวกนั้นเลย เพียงแต่ต้องการเดินทางไปยังเนินกลบวิญญาณให้เร็วที่สุดแล้วนำของออกมาก็เท่านั้น

โชคร้ายที่เขาไม่อาจปริปากบอกเรื่องนี้กับผู้อื่นได้ และแม้จะบอกไปก็ไร้ประโยชน์

ดังนั้นตลอดทั้งการเดินทาง ซูเฉินจึงถูกลอบโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า

เมื่อเพ่งมองไปยังหุบเขาที่อยู่ไกลลิบแล้ว ณ ที่แห่งนั้นมีผู้เข้าสอบนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายกันอยู่ราวกับเม็ดทราย พวกเขาไม่กระโตกกระตาก ทำให้ไม่อาจเห็นสิ่งใด หากแต่ยามเดินไปตามทางในหุบเขาก็อาจถูกลอบโจมตีจากพงหญ้าข้างทาง มีคนโผล่จากกองหินกองใหญ่ มีคนพุ่งออกมาจากหลังต้นไม้ หรือกระทั่งโผล่ขึ้นมาจากใต้หนองน้ำเล็ก ๆ ได้

เพื่อทำคะแนนให้ดีที่สุด ทุกคนราวกับเปลี่ยนร่างไปเป็นนักฆ่า พึ่งการลอบโจมตีราวกับมาจากตระกูลนักฆ่า บางคนมีกลยุทธ์เฉียบคม หากแต่คนที่ใช้วิธีที่ไม่เฉียบคมกลับมีมากกว่า ทั้งยังมีคนที่สมองจินตนาการไปไกลอีกมาก

แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะทำเช่นนั้น

ยังมีผู้เข้าสอบส่วนหนึ่งที่ใช้ปืน เดินไปตามทางอย่างกล้าหาญ ไม่ว่าผู้ใดก็ประมือไม่เกรงกลัว

คนประเภทนี้มีชะตาอยู่สองแบบ ไม่ถูกคัดออกไปอย่างรวดเร็วก็จะเป็นผู้ที่มีพละกำลังกล้าแข็ง ชิงคะแนนจากผู้อื่นมาได้มากมาย

หากแต่พวกเขาไม่อาจใช้หินพลังต้นกำเนิดในการสอบได้ ดังนั้นเหล่าผู้แข็งแกร่งทั้งหลายก็อาจต้องพ่ายแพ้ไปเพราะพลังหมดหากยังกระทำการอุกอาจเช่นนั้นต่อไปเรื่อย ๆ

โชคร้ายที่ยามคนอื่นได้พักผ่อน ซูเฉินกลับไร้ทางเลือก

วันพรุ่งนี้คือวันเปิดเนินกลบวิญญาณ หากถึงตอนนั้นเขายังเดินทางไปไม่ถึงที่หมาย เช่นนั้นเรื่องทุกอย่างก็นับว่าเสียเปล่า

ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงรีบมุ่งหน้าต่อไปเท่านั้น

ส่วนสิ่งที่ต้องใส่ใจอีกสิ่งคือป้ายหยก

ยิ่งได้คะแนนมามาก ป้ายหยกของซูเฉินยิ่งส่องแสงเรืองขึ้นมาก จังหวะชีพจรอันไร้รูปร่างเริ่มดังขึ้น ทำให้ผู้ที่อยู่ใกลคียงสามารถสัมผัสได้

ซูเฉินพบว่านี่เป็นผลพิเศษของป้ายหยก ใช้เตือนผู้อื่นว่าเจ้าของป้ายเป็นผู้ที่มีคะแนนสูง

ยามเมื่ออีกฝ่ายมีคะแนนสูง ย่อมหมายความอีกฝ่ายแข็งแกร่งมากเช่นกัน

ทำเช่นนี้สามารถไล่คนบางคนออกไปได้ หากแต่จะดึงความสนใจจากคู่ต่อสู้ที่โลภมากหากแต่แข็งแกร่งให้เข้ามา หากสามารถเอาชนะคนผู้นี้ได้ย่อมได้รับคะแนนมหาศาล

หากแต่มีสิ่งที่แน่นอน นั่นคือผู้ที่สามารถทำอันดับติดหนึ่งในร้อยได้นั้นย่อมไม่ใช่ลูกพลับนิ่มที่กินได้โดยง่าย (1)

มีเพียงผู้ที่เอาชนะผู้มีความสามารถอย่างแท้จริงได้จึงจะมีสิทธิ์ได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุด

แน่นอนว่าชีพจรของป้ายหยกสามารถปิดบังได้ หากแต่การทำเช่นนั้นต้องใช้พลังต้นกำเนิด หมายความว่าผู้เข้าสอบจะต้องประเมินสถานการณ์ว่าเมื่อไรจำเป็นต้องปิดบัง เมื่อไรไม่จำเป็น

ในตอนกลางวันของวันที่เริ่มเข้าสนามสอบ ซูเฉินก็เดินออกจากเขตสิบสามไปยังเขตสิบสอง

เขาไม่ได้ล่วงรู้ว่าหลังจากตัวเขาเข้าเขตสิบสองมาไม่ทันไร ก็มีชายหนุ่มถือดาบยามผู้หนึ่งก็เพิ่งมายังเขตแดนของเขตสิบสองเช่นเดียวกัน

ชายหนุ่มผู้นั้นทอดสายตามองไปยังเขตแดน ก่อนจะคำรามเสียงเย็นออกมา “แต่ก่อน พวกเขตที่อยู่สูงกว่าจะลงมาล่าคะแนนที่เขตต่ำกว่าอยู่เสมอ ครั้งนี้ ข้า ลี่ชิงอวิ๋น จะพลิกสถานการณ์ ไล่ล่าคนจากเมืองใหญ่กว่าบ้าง”

พูดจบเขาก็ก้าวเท้าย่ำเข้ามายังเขตสิบสอง

ตามหลังเขาอยู่ไม่ไกล ชายหนุ่มอีกคนในชุดผ้าป่านหยาบก็ก้าวเข้ามาเช่นเดียวกัน

รูปลักษณ์ของชายหนุ่มไม่สะดุดตา มีนัยน์ตาเซื่องซึมที่ดูแล้วไม่ว่าจะนอนหลับไปมากเท่าไหร่ก็ไม่อาจทำให้เขาตื่นเต็มตาได้

เทียบกับความเร่งรีบของซูเฉินหรือลี่ชิงอวิ๋นที่มีพลังใจเต็มเปี่ยมแล้ว ชายหนุ่มผู้นี้ดูจะมีอารมณ์ท่าทางผ่อนคลายกว่ามาก

หลังจากเดินมาถึงเขตแดนแล้ว ชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เขามองมันอยู่เช่นนั้นสักพักไม่ขยับกาย ก่อนจะพึมพำกับตนเอง “เช่นนั้นก็ตัดสินใจตามนั้นแล้วกัน”

เขาชี้ไปที่หินก้อนไม่ไกล จากนั้นใช้นิ้วต่างพู่กัน เขียนคำลงไปประโยคหนึ่ง

“ข้าจะไปเล่นที่เขตอื่นเสียหน่อย – ไป๋หลี”

เชิงอรรถ

กินลูกพลับนิ่ม สำนวนจีน มาจากบีบลูกพลับนิ่ม หมายถึง การเอาชนะผู้อ่อนแอกว่า (ลูกพลับนิ่มบีบง่าย คล้ายกับคนอ่อนแอที่เอาชนะได้ง่าย)