ตอนที่ 354 หวาดหวั่น

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 354

หวาดหวั่น

ฟุบ… ร่างของชิงชิวพุ่งผ่านประตูเมืองมาอย่างรวดเร็วท่ามกลางเหล่าผู้คนที่กำลังเดินทางเข้าออกเมืองกันอย่างคึกคักในตอนเช้า เนื่องจากยาข่มพลังวิญญาณที่อสูรแมงมุมให้มาได้หมดไปแล้ว ทำให้ชิงชิวไม่อาจซ่อนพลังวิญญาณของตนเองได้ แม้เสื้อผ้าจะล่องหนหายไปกับตัวชิงชิวแล้ว แต่หากทหารยามจับพลังวิญญาณของมันได้ก็เป็นอันจบ ทำให้ชิงชิวเลือกเวลาที่คนเข้าออกเมืองมากที่สุดเพื่อลอบออกปะปนพลังวิญญาณของตนไปกับผู้คน

“ไม่ยากอย่างที่คิดแฮะ”ชิงชิวถอนหายใจพลางเดินออกมาตามเส้นทางหลัก ท่าทางมันจะกังวลเกินไปหน่อย ทหารยามเฝ้าประตูคงไม่มีใครมานั่งจับสัมผัสพลังวิญญาณหรอกว่าครบตามจำนวนคนที่ผ่านประตูหรือไม่

ฟุบ..ชิงชิวเปลี่ยนเส้นทางขึ้นไปบนเขา ก่อนจะปลดพลังอสูรลงทำให้ร่างกายของชิงชิวโผล่ออกมาอีกครั้ง ยามนี้มันอยู่ในชุดสีขาวที่ทำจากใยแมงมุมของตนเอง ทำให้เสื้อผ้าออกจะขาดสีสันไปสักหน่อย แต่เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องที่ชิงชิวสนใจนัก น่าเสียดายที่มันหาม้าไม่ได้ เพราะมันต้องแอบออกจากเมือง หากขี่ม้าเดินทางออกมาด้วยมีหวังทหารเข้าใจผิดว่าม้าหลุดแน่ๆ

“คิดถึงรถไฟชะมัด”ชิงชิวถอนหายใจพลางมองป่าตรงหน้า ตอนนี้มันน่าจะอยู่ภาคกลางของอาณาจักรกู่ หากจะเดินทางไปอาณาจักรไป๋ก็ต้องเดินทางไปอาณาจักรเฉินหรืออินก่อน ซึ่งทั้งสองอาณาจักรต่างอยู่ทางตะวันออกของอาณาจักรกู่ทั้งสิ้น เพียงแต่…. ระยะทางขนาดนี้ให้เดินเท้าไปคงกินเวลาเกือบครึ่งปี ถ้ามีรถม้าละก็คงสามารถย่นเวลาได้นิดหน่อย พอคิดถึงตรงนี้ชิงชิวก็อดนึกถึงรถไฟไม่ได้ หากใช้มันละก็อาทิตย์เดียวก็ถึงอาณาจักรไป๋แล้ว ทำไมอาณาจักรอื่นๆถึงไม่ยอมให้รถไฟผ่านนะ

ชิงชิววิ่งผ่านป่าโดยไม่อาศัยเส้นทางหลัก ตัวมันมุ่งหน้าไปทางตะวันออกอย่างเดียวเท่านั้น ด้วยความสามารถในการสัมผัสพลังอสูรทำให้ชิงชิวไม่ต้องกลัวอสูรในป่าอีกแล้ว ทำให้ชิงชิวเดินทางลึกเข้ามาในป่ามากขึ้นเรื่อยๆจะได้ไม่ต้องเจอพวกโจรด้วย ทำให้การเดินทางของชิงชิวรวดเร็วมากทีเดียว เพียงไม่กี่วันก็เดินทางมาถึงเมืองอีกเมืองเสียแล้ว

“……..”ชิงชิวลอบเข้าไปในเมืองโดยยังรักษาสภาพหายตัวเอาไว้ แต่สิ่งที่ชิงชิวพบกลับทำให้ชิงชิวประหลาดใจมากกว่าเดิมเสียอีก เพราะคราวนี้นอกจากประกาศจับตัวชิงชิวจากทางการแล้ว ยังมีจำนวนเงินค่าหัวของชิงชิวอีกต่างหาก ป้ายประกาศว่าจับเป็นทำให้ชิงชิวโล่งใจไปหน่อย แต่ราคาค่าหัว 1,000 เหรียญทองนี่มันอะไรกัน ที่เมืองก่อนยังไม่มีแบบนี้เลยนี่นา

“แบบนี้ก็ซื้อม้าไม่ได้อีกแล้วสิ”ชิงชิวถอนหายใจพลางเดินกลับไปที่ประตูทางออก มันเข้ามาดูในเมืองเผื่อว่าเมืองนี้จะยังไม่ได้ประกาศจับมัน แต่กลับเป็นว่ามีเงินค่าหัวโผล่มาอีกต่างหาก หวังว่าพวกนักล่าค่าหัวจะยังไม่ได้ข่าวของมันนะ

“เถ้าแก่ ข้าขอซื้ออาหารหน่อย”ชิงชิวตัดสินใจมาซื้อเสบียงเอาไว้ก่อน มันอยากจะเก็บของแห้งเอาไว้ในแหวนมิติให้พอกินตลอดหลายเดือน ถ้าประกาศค่าหัวมันกระจายออกไปแบบนี้มันคงไม่สามารถเข้าเมืองได้อีกแน่ๆ แม้จะทำให้กลับอาณาจักรไป๋ช้าไปหน่อย แต่หากมันไม่เข้าเมืองเลยก็คงไม่โดนพวกนักล่าค่าหัวเจอตัวแน่ๆ

หลังได้เสบียงจากโรงเตี๊ยมหลายๆแห่ง ชิงชิวก็ลอบออกมาจากเมืองและเริ่มเดินทางต่ออย่างที่คิดเอาไว้ ยามนี้มันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอาณาจักรกู่ถึงพยายามตามจับตัวมันนัก

.

.

“หา นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”หลังจากเวลาผ่านไปเกือบเดือน ในที่สุดคำตอบจากจักรพรรดิอาณาจักรกู่ก็ส่งมาถึงอาณาจักรเฉิน หลังจากระบุในจดเหมายเอาไว้แล้วว่าอาณาจักรกู่ไม่มีทางส่งตัวชิงชิวคืนอย่างแน่นอน จักรพรรดิอาณาจักรเฉินจึงขอกำลังเสริมเพื่อป้องกันหากอาณาจักรไป๋โจมตีตนเอง แต่คำตอบที่ได้กลับเป็นคำปฏิเสธ อาณาจักรกู่อ้างว่าอาณาจักรไป๋มีกำลังคนไม่มาก ไม่คิดว่าอาณาจักรเฉินจะรับมือไม่ได้ และช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาฝึกฝนเหล่าทหารที่สำคัญของอาณาจักรกู่ไม่อาจส่งกำลังมาได้จริงๆ

“ท่านพ่อ อาณาจักรกู่ไม่ส่งทหารมาหรือขอรับ”องค์ชายเฉินคุณถามพลางกลืนน้ำลายลงคอ มันเคยบุกไปที่อาณาจักรไป๋มาแล้ว เพียงแค่ทหารเฝ้าเมืองยังต้านกองทัพของมันได้ แถมภรรยาของมันหลิวมู่เฉินยังเล่าให้ฟังอีกว่าในอาณาจักรไป๋มีกองทัพอสูรอยู่อีก ที่ตอนนั้นมันได้ปะทะด้วยเป็นเพียงอสูรที่มาเฝ้าเมืองๆเดียวเท่านั้น

“พวกมันไม่ส่งมา…”องค์จักรพรรดิว่าพลางนั่งลงบนบัลลังก์ด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน ตลอดเดือนที่ผ่านมามันเจรจากับอาณาจักรไป๋อยู่นานทีเดียว แถวการส่งข่าวของอาณาจักรไป๋ยังไวกว่าพวกมันนับสิบเท่า กว่าจดหมายจากจักรพรรดิกู่จะส่งมาจดหมายที่ทูตของอาณาจักรไป๋กลับส่งไปกลับเป็นสิบเป็นร้อยเที่ยว ทำเอาเหมือนมันโดนอาณาจักรไป๋กดดันอยู่ฝ่ายเดียวเลย

“องค์จักรพรรดิเจ้าคะ”หลิวมู่เฉิน ภรรยาของเฉินคุณเห็นพ่อสามีของตนเองคิดไม่แตกนางจึงเดินเข้ามาใกล้พลางคุกเข่าลงกับพื้น

“มู่เฉิน เจ้ามีอะไร”จักรพรรดิเฉินถามพลางมองลูกสะใภ้ด้วยท่าทีงุนงง ปกตินางไม่เข้ามายุ่งเรื่องงานบ้านเมือง แม้จะขัดใจกับอาณาจักรไป๋อยู่แต่นางก็ไม่มีปากเสียงเลยสักคำ ทั้งๆที่อาณาจักรของครอบครัวตนเองกำลังจะเปิดศึกกับอาณาจักรที่ตนอยู่แท้ๆ

“ข้าจะไปขอร้องจักรพรรดิไป๋ดูเจ้าค่ะ”หลิวมู่เฉินว่าพลางเงยหน้าขึ้นช้าๆ

“ข้าไม่คิดว่าคำขอของเจ้าจะทำให้จักรพรรดิไป๋ล้มเลิกการโจมตีหรอกนะ”จักรพรรดิเฉินว่าพลางถอนหายใจออกมา

“เปล่าเจ้าค่ะ ข้าจะไปขอร้องจักรพรรดิไป๋ให้รับอาณาจักรของเราเป็นพันธมิตร”หลิวมู่เฉินว่าพลางจ้องมองดวงตาขององค์จักรพรรดินิ่ง

“เจ้าพูดอะไร เจ้าจะให้ข้าทรยศอาณาจักรกู่งั้นเหรอ”ไม่ใช่ว่าการไปเข้าร่วมกับอาณาจักรไป๋จะไม่เคยแวบเข้ามาในหัวของมันมาก่อน แต่เพราะศักดิ์ศรีของมันยังค้ำคออยู่ เพราะหากไปขอเข้าเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรไป๋มันจะต้องโดนอาณาจักรกู่ตราหน้าว่าทรยศอย่างแน่นอน ไม่ใช่แค่นั้นอาณาจักรอินและอาณาจักรทางเหนือที่ทำการค้ากันอยู่ต่างเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรกู่ทั้งสิ้น เกรงว่าการค้าของอาณาจักรมันจะประสบปัญหาแน่ๆ

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะยึดอำนาจองค์จักรพรรดิเองเจ้าค่ะ”หลิวมู่เฉินว่าพลางเรียกเอาปิ่นปักผมออกมาชี้ไปที่องค์จักรพรรดิ ทำเอาพวกองค์ชายและเหล่าองครักษณ์ตื่นตระตระหนกเป็นการใหญ่ แต่องค์จักรพรรดิกลับไม่มีท่าทีแตกตื่นแม้แต่น้อย นั่นเพราะหลิวมู่เฉินมีพลังวิญญาณไม่สูงแถมไม่เคยฝึกวิชาแม้กระทั่งอาวุธยังเป็นแค่ปิ่นปักผม ไม่ทำให้จักรพรรดิหวาดกลัวเลย ตรงกันข้ามคนที่แสดงท่าทีหวาดกลัวออกมากลับเป็นหลิวมู่เฉินเสียมากกว่า

“อะไรทำให้เจ้าร้อนรนเช่นนั้น”องค์จักรพรรดิถามพลางมองมาทางหลิวมู่เฉิน ปกตินางเป็นคนนิ่งไม่สนใจโลก แทบไม่เคยเข้ามายุ่งวุ่นวายกับการบริหารบ้านเมือง แต่มีครั้งนี้เท่านั้นที่นางมาหาองค์จักรพรรดิด้วยตนเอง แถมยังกระทำการอุกอาจเช่นนี้อีกต่างหาก

“เพราะข้าไม่อยากให้อาณาจักรของสามีข้าล่มสลาย”หลิวมู่เฉินพูดพลางลดปิ่นปักผมลง นางรู้หรอกว่าเอามันออกมาก็ขู่ใครไม่ได้

“ข้าได้เห็นมาแล้วว่าอาณาจักรไป๋แข็งแกร่งแค่ไหน เกรงว่าอาณาจักรกู่กับอาณาจักรอื่นๆร่วมกันโจมตีก็คงทำอะไรไม่ได้”หลิวมู่เฉินตอบด้วยดวงตาสั่นเครือ ปกตินางไม่แสดงอารมณ์ออกมา แต่นางได้เห็นแล้วว่ากำลังของอาณาจักรไป๋เป็นเช่นไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงน้องๆของนางที่อยู่ในอาณาจักรไป๋ นางไม่อยากให้ทหารของสามีนางโดนน้องๆของนางฆ่าอยู่แล้ว

“เสด็จพ่อ ข้าเองก็เห็นด้วยขอรับ”เฉินคุณว่าพลางเดินเข้ามาโอบภรรยาของมันเอาไว้ วันนั้นมันได้เห็นไก่ฟ้าหงอนทองกับตา ทำให้มันได้ทราบจากหลิวมู่เฉินว่าอสูรระดับเดียวกับไก่ฟ้าหงอนทองตนนั้นยังมีอีกถึง 5 ตน และยังมีอีก 1 ตนที่แข็งแกร่งกว่านั้นมากด้วย

“อาณาจักรไป๋แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยงั้นหรือ”จักรพรรดิเฉินว่าพลางนั่งคิดไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง บอกตามตรงว่าคำปฏิเสธช่วยเหลือของอาณาจักรกกู่ทำให้มันหมดศรัทธาไปมากทีเดียว

“องค์จักรพรรดิ”ขุนนางคนหนึ่งเดินออกมาพลางเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าองค์จักรพรรดิ

“หากท่านไปเข้าร่วมกับอาณาจักรไป๋ ท่านจะกลายเป็นจักรพรริสองหัวขอรับ”ขุนนางคนนั้นพูดพลางเงยหน้าขึ้น

“แต่ข้าเชื่อว่านั่นดีกว่ากลายเป็นจักรพรรดิที่ทำให้อาณาจักรล่มสลายมากขอรับ”ดูเหมือนเหล่าขุนนางจะหวังให้อาณาจักรเฉินไปเข้าเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรไป๋มาแต่แรกแล้ว หากจักรพรรดิยอมรับคำดูถูกเรื่องเป็นจักรพรรดิสองหัวได้ละก็

“อืม….มู่เฉินข้าคงต้องให้เจ้าลำบากเดินทางเสียแล้ว”จักรพรรดิเฉินว่าพลางมองไปทางลูกสะใภ้ของตน มันยื่นมมือไปแตะบ่าของนางด้วยท่าทีโล่งใจขึ้นมาก

“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบเดินทางทันที”หลิวมู่เฉินว่าพลางบอกให้ทหารไปเรียกทูตของอาณาจักรไป๋เข้ามา แน่นอนว่ามันเองก็รอข่าวดีแบบนี้มานานแล้ว มันจึงไม่รอช้าส่งจดหมายไปขอมังกรบินเข้ามารับตัวทันที

วูม!!! ร่างของมังกรบิน 2 ตนร่อนลงมากลางวังหลวงของอาณาจักรเฉิน เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้รับอนุญาตทำให้ไป๋จูเหวินส่งมังกรบินมารับมาส่งทูตของตนไม่ได้ แต่ตอนนี้องค์จักรพรรดิเตรียมจะเข้าเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรไป๋แล้ว มังกรทั้งคู่จึงสามารถลงมากลางวังหลวงได้อย่างที่เห็น

“……”จักรพรรดิเฉินอึ้งไปพักหนึ่งหลังจากเห็นมังกรบินลงมายืนอยู่กลางสวนในวังของตนเอง ปกติเพียงเห็นใกล้ๆก็ยากเต็มทีแล้วแท้ๆ

“เสด็จพ่อ ข้าขอตัวก่อน”เฉินคุณว่าพลางพาภรรยาขึ้นหลังมังกรไป เมื่อเทียบกับการเดินทางเกือบครึ่งปีของชิงชิวแล้ว การเดินทางด้วยมังกรช่างรวดเร็วยิ่งนัก

“ถวายบังคมฝ่าบาท”ทันทีที่ฌฉินคุณเดินทางมาถึงอาณาจักรไป๋ มันก็ได้รับอนุญาตให้เข้าเฝ้าได้ทันที ทำให้ทั้งเฉินคุณทั้งหลิวมู่เฉินต่างเดินร่วมกันเข้ามาหาไป๋จูเหวินด้วยท่าทีนอบน้อม

“เป็นอย่างไรบ้าง พวกท่านตัดสินใจได้หรือยัง”ไป๋จูเหวินถามพลางจ้องมองทั้งสองด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีนัก ยามนี้กองทัพของมันจ่ออยู่ที่ชายแดนอาณาจักรไป๋และเฉินแล้ว แต่เพราะยังไม่สามารถเดินทางข้ามไปได้ และเพราะพวกพี่น้องตระกูลหลิวขอร้องไม่ให้โจมตีจนกว่าจะถึงที่สุด ทำให้ไป๋จูเหวินได้แต่รอเท่านั้น แถมสายลับที่มันส่งไปอย่างอสูรแมงมุมยังไม่ส่งข่าวกลับมาอีก กลัวแต่เพียงว่าจะเสียชีวิตไปแล้ว

“ขอรับองค์จักรพรรดิ พวกเราอาณาจักรเฉินยินดีที่จะเปิดทางให้พวกท่าน เพียงแต่พวกเรามีเงื่อนไข”เฉินคุณว่าพลางกระแอมกระไอออกมา

“ว่ามา”ไป๋จูเหวินว่าพลางจ้องมองเฉินคุณนิ่ง ความจริงหากไม่ได้รับการติดต่อมาก่อนหน้านี้ไป๋จูเหวินก็เตรียมจะบุกอาณาจักรเฉินอยู่แล้ว เรียกได้ว่าอาณาจักรเฉินรอดมาได้แบบฉิวเฉียดก็ว่าได้

“พวกเราจะเปิดทางให้แลกกับมิตรภาพขอรับ พวกเราอยากจะเข้าเป็นพันธมิตรของอาณาจักรไป๋”เฉินคุณตอบด้วยท่าทีลังเล ข้างกายไป๋จูเหวินมีหลิวเมิ่ง หลิวหลง และ หลิวอิง หวังว่าพวกมันจะช่วยพูดอะไรบ้าง

“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา ทันทีที่พวกเจ้าเปิดทางให้เรา พวกเจ้าก็คือพันธมิตรของพวกเรา”ไป๋จูเหวินว่าพลางลุกขึ้นจากบัลลังก์ มันสั่งให้ขุนนางอสูรและขุนนางมนุษย์ติดต่อไปยังเหล่าขุนพลที่อยู่ชายแดนทันที ในที่สุดก็ถึงเวลาบุกชิงตัวเสียที