บทที่ 266 ไม่ปิดบังเรื่องใดๆก็ตามกับคุณ

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

ออกัสหัวเราะเบาๆ ก้มตัวเล็กน้อยไปกัดติ่งหูเธอ น้ำเสียงดูอ่อนโยน และไม่ค่อยเป็นทางการนัก:“เป็นบุญตา……”

“ฉันว่านะ ฉันว่าตอนค่ำนายก็กอดมันนอนไปเลยสิ”เธอจงใจแกล้งเขา

“มีคุณ มันถึงทำให้ผมเกิดแรงกระตุ้น ไม่มีคุณ มันก็เป็นแค่ผ้าสองชิ้น”เขามองตาของเธออย่างลึกซึ้ง เหมือนจะมองทั้งตัวอย่างหมดจด ทั้งๆที่เป็นเรื่องที่ไม่เป็นทางการ แต่ทำให้เขาพูดอย่างเสน่หา อ่อนโยนได้ขนาด

สีหน้าเชอร์รีนแดง หงุดหงิดเล็กน้อยที่ตัวเองพูดถึงเรื่องนี้ เอาศอกกระแทกเขาเบาๆ:“ไปให้พ้น!”

ทั้งสองกลับมาถึงหน้าคอนโด ส่วนนาโนกับดนัยก็ยืนอยู่หน้าประตูแล้ว ในมือของดนัยยังถือโทรศัพท์ไว้ เหมือนกำลังเตรียมโทรศัพท์

“พวกแกกลับมาได้ตรงเวลามาก ฉันเพิ่งหยิบโทรศัพท์ออกมา พวกแกก็กลับมาแล้ว”ดนัยเงยตาขึ้น:“จะได้ขอกินข้าวสักมื้อ”

ซื้อของมาก็เยอะ สี่คนกินก็เหลือเฟือ หลังจากเข้าไปในคอนโดแล้ว ชายหนุ่มทั้งสองก็นั่งอยู่บนโซฟา ส่วนเชอร์รีนไปทำมื้อเย็น

สายตานาโนมองถุงที่เธอถือในมือ กะพริบตาปริบๆ เธอคว้ามันไว้อย่างคาดไม่ถึง เมื่อได้สติคืนมา เธอก็รีบคว้ามันไว้

แต่ว่า เธอจะมือไวกว่านาโนได้อย่างไร พอเข้าไปใกล้ นาโนก็เอาชุดนั้นเขย่าลงไปที่โซฟา พูดอย่างร้ายกาจ:“หึหึ ไม่เลวนี่ ผ้าตัวน้อยขนาดนี้ก็ยังสวมได้ ตอนค่ำคิดจะทำให้เป็นคืนอันร้อนแรง กับคุณชายออกัสเหรอ?”

“ถ้าพูดเหลวไหลอีก เชื่อไหมว่าฉันจะตัดลิ้นเธอออกมาได้!”เชอร์รีนแอบกัดฟัน ดนัยก็นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินแน่นอน ตอนนี้กำลังยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้งต่อหน้าเธอ ห่า ทำเธอเสียหน้าไปหมดแล้ว!

“ฉันกลัวจัง กลัวมากจริงๆ จะตัดลิ้นของฉันจริงเหรอ มา ฉันแลบออกมาแล้ว เธอจะได้ทำสะดวก”

“ไปซะ!ยังไม่รีบไปช่วยที่ครัวอีก!”

นาโนก็หัวเราะอีก เธอเดินส่ายก้นไปในครัว แต่เธอสวมชุดกระโปรงยาว และที่เท้ายังสวมส้นสูงสิบเซนติเมตรอีก ทำให้เธอเข้าครัวไป กลับเป็นการช่วยให้ยุ่งขึ้น เชอร์รีนจึงขอให้เธอออกไป อยู่คนเดียวเงียบๆ ไม่มีใครรบกวน จึงทำค่อนข้างเร็ว

แต่แป๊บหนึ่ง อาหารจานเด็ดก็ทำเสร็จทั้งโต๊ะ กุ้ง มะเขือยาวเผา ผัดมันฝรั่งเผ็ดเปรี้ยว หมูผัดเต้าเจี้ยวปรุงรส เนื้อสัตว์ตุ๋น

ซารางชอบกินผัดมันฝรั่งเผ็ดเปรี้ยวที่สุด ในปากจึงเต็มไปหมด นาโนแหย่เธอ:“กินผัดมันฝรั่งอีก พอโตมาก็จะเป็นมันฝรั่ง”

“ไม่มีทาง!”เธอทำแก้มป่องๆ:“หนูโตมาจะเป็นสาวสวย เหมือนสโนว์ไวต์”

“น้าว่าเหมือนคนแคระทั้งเจ็ดอยู่นะ”

“รำคาญคุณน้านาโน!”

“โหย ทนได้ดีเลยนะ!”นาโนชอบแหย่ให้ซารางร้องที่สุด นี่คือความสุขของเธอ

หน้าของซารางถูกเธอบีบเหมือนขนมปัง เธอร้องออกมาเสียงดัง:“คุณน้านาโน ถ้ายังไม่ปล่อยหนูอีก หนูจะให้พ่อหนูมาจัดการน้า!พ่อหนูเป็นซุนหงอคง ส่วนน้าเป็นปีศาจกระดูกขาว พ่อหนูสามสังหารปีศาจกระดูกขาวเป็น!”

นาโนหัวเราะออกมา เกือบจะน้ำตาไหล สามสังหารปีศาจกระดูกขาวอีก ได้นิสัยที่ภายนอกดูหงุมหงิมแต่จริงๆแล้วบ้าคลั่งเหมือนแม่มาเต็มๆ!

อาหารบนโต๊ะ ดนัยกินไปเยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อสัตว์ตุ๋น ที่เกือบจะกินคนเดียวหมด ส่วนนาโนเกือบกินหมูผัดเต้าเจี้ยวปรุงรสหมดจาน สองคนนี้เหมือนกลับมาเกิดใหม่เพื่อแย่งข้าวกินชัดๆ ส่วนเชอร์รีนกับออกัสก็ได้แต่กินไปหน่อยๆ

ทานมื้อค่ำเสร็จ นาโนจะร้องเพลง หาไมโครโฟนได้ จึงร้องไปทีละเพลงๆ

วันถัดมาซารางยังต้องไปโรงเรียน เชอร์รีนพาเธอกลับห้อง กล่อมเธอจนหลับ พอออกมาแล้ว นาโนก็ยังร้องเพลงอยู่ เธอปวดหัวหน่อยๆ จึงหยุดเธอ:“พอแล้ว เธอไม่เจ็บคอบ้างหรอ?”

ดีว่าที่นี่เก็บเสียงได้ดี ไม่อย่างนั้น ต้องกี่บ้านเชียวที่จะฟ้องร้องได้

“เธออย่ามาหยุดฉัน ขอฉันระบายหน่อยเถอะ แม่เขาไม่ให้ฉันไปห้องรับแขกและร้องคาราโอเกะ ฝึกฉันเหมือนเป็นกุลสตรีที่มาจากตระกูลใหญ่มีฐานะ ถ้าไม่ระบายอีก ฉันจะบ้าแล้วจริงๆ!”

ดนัยผายมือออกอย่างทำอะไรไม่ได้ สื่อว่าเขาก็ทำอะไรไม่ถูก เขาทำอะไรเธอไม่ได้มาเสมอ

ร้องเพลงไปจนสี่ทุ่มกว่า สุดท้าย ออกัสจึงทนไม่ไหว ก้าวเท้ามา แล้วถีบดนัยไปสองที ให้เขาพาภรรยาตัวเองกลับไป

เขาเดินไป ทั้งเกลี้ยกล่อมและโน้มน้าว ในที่สุดจึงบังคับพานาโนออกไปได้ แล้วคอนโดก็เงียบลงทันที ส่วนเชอร์รีนก็ง่วงมาก จึงกลับไปที่ห้อง

ออกัสถือนมวัวแก้วหนึ่ง แล้วเดินไป โทรศัพท์ในมือดังขึ้น เขาจึงรับ:“แม่”

“หยาดฝนก็เป็นลูกสาวของวินดายัยแพศยานั่น สิงหาให้เธอไปทดลองไขกระดูก”สุนันท์พูดไปตรงๆ อย่าไม่อ้อมค้อม

พอได้ยิน ออกัสก็ตะลึงไปแป๊บหนึ่ง แม้แต่สายตาที่มืดมิดก็ยังหม่นลงไป:“แน่ใจเหรอครับ?”

“เธอกับวินดาตรวจดีเอ็นเอแล้ว ผลออกมาสอดคล้องกัน”สุนันท์กัดฟันพูด:“หลายปีมานี้แม่เลี้ยงลูกสาวของยัยแพศยาวินดานั่นมาตั้งนาน แม่ตาบอดจริงๆ!”

พอปลอบเธอไปแล้ว ก็รอให้อารมณ์เธอสงบลง แล้วออกัสจึงวางสาย คิ้วที่สวยงามนั้นขมวดเล็กน้อย หยาดฝนเป็นลูกสาวของวินดา ข่าวนี้ ทำให้เขาช็อกจริงๆ เกินความคาดหมาย

เชอร์รีนขยี้ตา มองเขา:“ยืนอยู่ตรงนั้นทำไม ไม่นอนเหรอ?”

“ดื่มนมนี้ก่อน……”เขาเข้าใกล้เธอ ยื่นนมในมือไปให้

เชอร์รีนนั่งขึ้นมา แล้วรับไป ดื่มไปไม่กี่คำ ก็ดื่มนมจนหมด จนเห็นถึงก้นแก้ว

“ตอนนี้ผมมีเรื่องหนึ่งจะบอกคุณ……”ออกัสนั่งข้างๆ พลิกมือกุมมือของเธอไว้ ขยับริมฝีปาก สักพักจึงพูดว่า:“หยาดฝนก็เป็นลูกสาวของวินดา……”

แต่เขารับปากแล้วว่าจะไม่ปิดบังเธอเรื่องใดๆก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับเธอแบบนี้

ทั้งตัวก็เหมือนกับถูกใครกดจุดเลือดลมบนร่างกาย เชอร์รีนตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ไม่ได้สติคืนมาอยู่สักพัก แป๊บหนึ่ง จึงส่งเสียงออกไป:“จริงเหรอ?”

“หยาดฝนกับวินดาตรวจดีเอ็นเอแล้ว ผลที่ออกมาบอกว่าทั้งสองเป็นแม่ลูกกันจริง”

บนโลกนี้ทำไมถึงเล็กได้ถึงสถานการณ์แบบนี้ วินดาเป็นแม่แท้ๆของเธอ หยาดฝนกลับเป็นลูกของ……

ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมายี่สิบกว่าปี ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่ง เธอจะต้องเผชิญหน้ากับความจริงเช่นนี้

ขนตายาวๆของเธอสั่นเล็กน้อย กัดริมฝีปากบางๆ ไม่พูดอะไร ออกัสกลับไม่ชอบที่เธอมีสภาพแบบนี้ โน้มตัวไป จูบเธอ

ความร้อนแรงที่ออกมาจากริมฝีปากทำให้เธอได้สติคืนมา ดวงตาของเขาอยู่ใกล้เธอมาก จนมองออกว่าหดหู่มาก และปะปนไปด้วยความกังวล แตะไปที่ริมฝีปากของเธอแบบนั้น เขาพูดว่า:“คุณยังมีผม……”

สายตาเธอนั้นแปรปรวน จูบริมฝีปากบางๆที่เซ็กซี่นั้นของเขาก่อน ออกัสคิดไม่ถึงว่าเธอจะจูบที่ริมฝีปากตัวเองก่อนเอง ร่างจึงแข็งทื่อ จากนั้นก็จับคางเธอไว้ แล้วจูบอย่างลึกซึ้งมากขึ้น