ตอนที่ 454 โลกนี้ใช่ว่าจะไม่มีผู้ชายแล้ว / ตอนที่ 455 รับการมีหนึ่งผัวหลายเมียไม่ได้

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ตอนที่ 454 โลกนี้ใช่ว่าจะไม่มีผู้ชายแล้ว 

 

 

“ไม่ว่าเวลาใด ข้าวก็ต้องกิน นี่อวิ๋น หากเจ้าอยากกินอะไรก็บอกข้ามา ข้าจะให้คนไปซื้อมาให้เจ้า” 

 

 

“ข้าไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น ไม่เหมือนใครบางคน ป่านนี้แล้วยังกินอาหารลงอีก” 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นพูดพลางมองจูจิ่นด้วยสายตาเหยียดหยามไปพลาง 

 

 

“มู่หรงนี่อวิ๋น เจ้าว่าใคร ก็แค่มีพระชายารองมาอีกคนมิใช่หรือ ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายถึงชีวิตใคร 

 

 

อวี้จื้อ เจ้าก็อย่าโกรธอาเหยี่ยนเลย นางเข้าจวนมาแล้วจะเป็นอะไร หากไม่ซื่อสัตย์ ก็จัดการให้ตายๆ ไปเสียก็ได้แล้ว ถือว่าเดินผ่านไปอีกด่าน เจ้าก็ไม่ต้องโกรธถึงขนาดนี้แล้ว เจ้าไม่ใช่ผู้หญิงประเภทคิดเล็กคิดน้อยสักหน่อย” 

 

 

ช่างเป็นเพื่อนที่แสนดีจริงๆ ไม่ว่าเมื่อใดจูจิ่นก็จะต้องช่วยเซียวเหยี่ยนพูดเสมอ เธอชักจะสงสัยแล้วว่าจูจิ่นก็แอบรักเซียวเหยี่ยนอยู่เช่นกัน 

 

 

ในเมื่อมีข้อสงสัย เธอก็เลยถามออกมาตรงๆ เสียเลย 

 

 

“อาจิ่น ไม่ใช่ว่าเจ้าก็ชอบอาเหยี่ยนด้วยหรอกกระมัง!” 

 

 

“เจ้าพูดอะไร” 

 

 

จูจิ่นกำลังถือถ้วยชาอยู่ในมือ จู่ๆ ได้ยินประโยคนี้เข้า ตกใจจนพ่นน้ำชาในปากออกมา น้ำชาทั้งหมดพุ่งใส่หน้ามู่หรงนี่อวิ๋น ไหลลงตามไรคิ้วของเขาลงมาเป็นหยด 

 

 

จูจิ่นเช็ดปาก 

 

 

“ขอโทษที มู่หรงนี่อวิ๋น ข้าไม่ได้ตั้งใจ เมื่อครู่ข้าตกใจคำพูดของอวี้จื้อ จึงได้ออกอาการเช่นนี้” 

 

 

หลิงอวี้จื้ออดไม่ไหวหัวเราะออกมา 

 

 

“ฮ่าๆๆ … ตลกจะตายอยู่แล้ว…” 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นหน้างอทันที ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำชาบนหน้าของตนเอง 

 

 

“จูจิ่น ผู้หญิงอย่างเจ้าเป็นคู่ปรับของข้าโดยแท้ ทุกครั้งที่เจอเจ้าไม่เคยเจอเรื่องดี” 

 

 

“พวกเจ้าสองคนดวงสมพงษ์กันไม่เบาเลย ดูท่าข้าคงจะเข้าใจผิดแล้ว นี่อวิ๋น เจ้าลองพิจารณาสู่ขออาจิ่นกลับจวนได้เลยนะ” 

 

 

ยิ่งนานวันหลิงอวี้จื้อก็ยิ่งรู้สึกว่าสองคนนี้ดวงสมพงศ์กันไม่เบา ซ้ำยังเหมาะสมกันมาก เป็นคู่รักคู่กัดกันโดยแท้ 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นโต้แย้งทันที 

 

 

“ข้ายอมอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตดีกว่าแต่งงานกับนาง ตั้งแต่หัวจรดเท้า จูจิ่นเหมือนผู้หญิงเสียที่ไหน” 

 

 

“เจ้าวางใจเถิด แม่นางคนนี้ก็ไม่ได้พิศวาสอะไรเจ้า” 

 

 

จู่จิ่นตอกกลับทันที 

 

 

หลิงอวี้จื้อส่ายหน้า 

 

 

“พวกเจ้าจะดื่มสุราหรือไม่ ดื่มด้วยกันสักจอกเป็นอย่างไร” 

 

 

เมื่อครู่มู่หรงนี่อวิ๋นคิดจะห้าม เขาจำได้ว่าหลิงอวี้จื้อคออ่อนมาก ยังไม่ทันได้ส่งเสียง จู่จิ่นก็แย่งพูดเสียก่อน 

 

 

“ดี วันนี้ข้าจะพลีชีพอยู่เป็นเพื่อนเจ้า ไม่เมาไม่กลับ หรูเยียน รีบไปเอาสุรามา ต้องเป็นสุราชั้นดีด้วยนะ” 

 

 

“นี่อวิ๋น มาดื่มด้วยกันเถิด ข้าไม่สบายใจ วันนี้พวกเราดื่มกันสักจอก ดื่มกันให้เต็มที่ คุยกันให้เต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจใครทั้งนั้น” 

 

 

หลิงอวี้จื้อพูดเชิญชวนอยากฮึกเหิม 

 

 

เมื่อหรูเยียนหยิบเหล้ามาแล้ว มั่วชิงก็ถือขนมแป้งอบรูปดอกเหมยควันฉุยมาด้วย จูจิ่นหยิบขนมแป้งอบรูปดอกเหมยจากมือมั่วชิง กำลังจะกิน หลิงอวี้จื้อก็แย่งขนมไปจากมือนาง กัดหนึ่งคำ จากนั้นค่อยส่งให้จูจิ่น 

 

 

จูจิ่นรับขนมแป้งอบรูปดอกเหมยมาอย่างงงๆ ถลึงตาใส่หลิงอวี้จื้อ 

 

 

“เจ้ากินของข้าทำไม ไม่ใช่ว่าจะไม่มีชิ้นอื่น” 

 

 

หลิงอวี้จื้อกลืนขนมแป้งอบรูปดอกเหมยลงไป ดื่มชาอีกหนึ่งอึกถึงได้พูดยานคางว่า 

 

 

“ก็ใช่น่ะซี ข้ากินของเจ้า เจ้าก็ไม่ชอบใช่หรือไม่! นี่แค่ขนมหนึ่งชิ้น เจ้าก็มีปฏิกิริยาเช่นนี้เสียแล้ว นับประสาอะไรกับคนเล่า 

 

 

เจ้าบอกให้ข้ารองานแต่งอย่างยินดีปรีดา จู่ๆ มีผู้หญิงคนหนึ่งโผล่มาบอกข้าว่า นี่ สามีเจ้าก็คือสามีข้า ความรู้สึกของข้าก็เหมือนกับความรู้สึกของเจ้าเมื่อครู่นี้แหละ เจ้าแย่งผู้ชายของข้าทำไม บนโลกนี้ใช่ว่าจะไม่มีผู้ชายแล้ว” 

 

 

“เจ้านี่ช่างทุ่มเทเสียจริงๆ เพื่อให้ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า ถึงกับต้องใช้ไม้นี้ ข้าก็หลงคิดว่าเจ้าสนใจจริงๆ ว่าข้าชอบกินอะไร 

 

 

ของจะเข้าปากอยู่แล้วโดนคนกัดไปหนึ่งคำ ทำให้รู้สึกไม่สบายใจจริงๆ แต่เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ต้องยอมรับสิ คนคนนั้นไม่ได้กัดจริงๆ เพียงแต่ให้สิทธิ์นางได้กัดเท่านั้น เจ้าวางใจเถิด ด้วยคุณธรรมของอาเหยี่ยน คำนี้นางกัดไม่ได้หรอก” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 455 รับการมีหนึ่งผัวหลายเมียไม่ได้ 

 

 

“ถึงกัดไม่ได้แต่ก็เปื้อนขี้หนูไปแล้ว” 

 

 

“ปัดๆ สักหน่อยก็ได้แล้ว” 

 

 

“…” 

 

 

หลิงอวี้จื้อรู้สึกหมดคำพูดจะมาต่อเถียง จูจิ่นนี่ใจกว้างใช้ได้ ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ใจกว้าง แต่ขาดการไตร่ตรอง หากพอจะทำได้อย่างที่จูจิ่นพูด เธอก็คงไม่เป็นทุกข์เช่นนี้ ก็เพราะทำไม่ได้ ถึงได้หงุดหงิดรำคาญใจอย่างไรเล่า 

 

 

ขนมแป้งอบรูปดอกเหมยชิ้นนี้ถูกหลิงอวี้จื้อกัดไปคำใหญ่แล้ว จูจิ่นไม่คิดจะกินต่อ วางขนมแป้งอบรูปดอกเหมยในมือลง กำลังจะหยิบชิ้นใหม่ 

 

 

เพิ่งวางลงบนโต๊ะ มู่หรงนี่อวิ๋นก็หยิบขนมแป้งอบรูปดอกเหมยชิ้นนั้นไปกินอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งสองคนมองมู่หรงนี่อวิ๋นอย่างค่อนข้างประหลาดใจ โดยเฉพาะจูจิ่น มองมู่หรงนี่อวิ๋นตาไม่กะพริบ ตกใจจนพูดไม่ออก 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นมองข้ามสายตาของทั้งสองคน เคี้ยวขนมแป้งอบรูปดอกเหมยในปากอย่างสำราญใจ 

 

 

“ขนมแป้งอบนี่ไม่เลว กินไม่เสร็จก็อย่าให้เสียของ มิเช่นนั้นทิ้งไปแล้วเสียดาย” 

 

 

“ข้าอยู่เมืองหลวงมาตั้งหลายปี ไม่เคยได้ยินเลยว่าคุณชายมู่หรงเป็นคนมัธยัสถ์ถึงเพียงนี้ แม้แต่ขนมแป้งอบชิ้นเดียวที่คนอื่นกินไปแล้วก็ยังทำใจทิ้งไม่ได้” 

 

 

น้ำเสียงของจูจิ่นเจือความประชดประชัน 

 

 

“เรื่องที่เจ้าไม่เคยได้ยินยังมีอีกมากมาย เรื่องนี้มีอะไรน่าแปลกหรือ ก่อนนี้ข้าไปอยู่ที่ตำบลเถาหยวนระยะหนึ่ง ช่วงนั้นแม้แต่เนื้อสัตว์ก็ไม่มีจะกิน ทุกวันกินโจ๊กใสๆ กับผักเล็กน้อย ข้ารู้สึกลึกซึ้งเลยว่าชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย จึงเห็นใครทำเสียของไม่ได้” 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นก็ถือว่าเป็นคนรักสะอาดเช่นกัน ปกติไม่กินของที่คนอื่นกินแล้วแน่นอน 

 

 

แต่นั่นเป็นของที่หลิงอวี้จื้อกินไปแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไรไป ไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำ หยิบขึ้นมาก็กินเลย จนกระทั่งพบว่าสองคนนั้นต่างก็จ้องมองตน เขาถึงได้รู้สึกว่าเสียมารยาทแล้ว เมื่อครู่ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น แทบจะเป็นสัญชาตญาณ 

 

 

เหตุผลนี้สมเหตุสมผล หลิงอวี้จื้อก็นึกถึงช่วงเวลาตอนนั้นได้ ชีวิตแต่ละวันลำบากลำบนจริงๆ 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นแทบไม่เคยกินอาหารแย่ๆ อย่างนั้นมาก่อน แต่อย่างไรจูจิ่นก็ยังมีท่าทีแปลกๆ เหมือนมีปฏิกิริยาโต้ตอบที่เกินไปหน่อย คล้ายว่ารังเกียจการกระทำของมู่หรงนี่อวิ๋นมาก 

 

 

เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ นางจึงลุกขึ้นมา ยกไหสุราขึ้นมารินให้พวกเขาเอง 

 

 

“ช่วงเวลานั้นลำบากนี่อวิ๋นแล้ว ตอนนี้เจ้าดื่มสุราได้หรือยัง” 

 

 

“แผลแค่นี้จะไปมีอะไร ดีขึ้นตั้งนานแล้ว รินมา” 

 

 

จูจิ่นก็เหมือนจะรู้ตัวแล้วว่าตนเองแสดงปฏิกิริยาตอบโต้เกินควร ไม่นานก็หัวเราะคิกๆ ออกมา สามคนชนจอกกันแล้ว จูจิ่นก็ยิ้มพลางพูดว่า 

 

 

“อวี้จื้อ เรื่องนี้เจ้าก็อย่าโทษอาเหยี่ยนเลยนะ ใจเขาไม่ยินยอมแน่นอน 

 

 

หากแตกหักกับไทเฮาตอนนี้ก็ล้วนไม่เป็นผลดีต่อพวกเรา เขาทำเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อเจ้า พวกเราไม่ได้กลัวไทเฮาจะทำอะไรหรอก แตกหักกันแล้วนางก็ไม่เอาพวกเราไปเชือดเป็นคนแรก แต่จะเอาเจ้าไปเชือดน่ะสิ” 

 

 

หลิงอวี้จื้อไม่ได้พูดอะไร เธอรู้ว่าจูจิ่นพูดมีเหตุผลมาก หากแตกหักกันแล้ว เธอต้องเป็นกังวลเรื่องชีวิตแน่นอน คนเราล้วนกลัวคนแกร่ง รังแกคนอ่อนแอ บรรดาคนเหล่านี้ กำลังของเธออ่อนแอที่สุด จะมุ่งเข้ามาจัดการเธอก็เป็นเรื่องปกติ 

 

 

เหตุผลเหล่านี้เธอไม่เคยคิดถึงมาก่อน เธอมั่นใจมากว่าเมื่อเซียวเหยี่ยนสู่ขอเฉินปี้กลับจวนมาแล้ว ก็จะให้นางเป็นแค่เครื่องประดับ จะไม่ทำอะไรนาง 

 

 

แต่อย่างไรเธอก็ยังอึดอัดใจอยู่ดี ยอมรับคำพูดนั้นทั้งใจ เหตุผลเข้าใจหมด แต่ทำได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง 

 

 

เธอจนปัญญาที่จะโน้มน้าวตนเองไม่ให้ถือสา พวกเขาทุกคนล้วนรู้สึกว่าเธอทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องนี้ก็ไม่โทษพวกเขา ในเมื่อเธอกับพวกเขาไม่ใช่คนจากโลกเดียวกัน 

 

 

การมีภรรยาหลายคนในยุคนี้เป็นเรื่องที่นิยมกันมาก และพบเห็นได้เป็นประจำ เซียวเหยี่ยนทำได้อย่างที่เขาพูดเช่นนั้น ก็นับว่าเป็นผู้ชายที่หาไม่ได้แล้วในยุคนี้ บางทีเธออาจจะโลภเกินไป อย่างไรเธอก็ยังรับการมีหนึ่งผัวหลายเมียไม่ได้