วันที่ 15
ซงซินได้ดึงหลินหลี่ที่ใกล้จะตายมาไว้ในอ้อมแขนของเธอ เมื่อเธอมองดูใบหน้าอันไร้เรี่ยวแรงที่กำลังพยายามหายใจในอ้อมกอดของเธอ ทำให้น้ำตาของเธอไหลรินลงไปที่แก้มของเธออีกครั้ง ‘แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยฉันก็ได้ใช้ช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของฉันอยู่กับหลินหลี่ ฉันได้เดินทางไปทั่วโลก และเมื่อเทียบกับคนที่เรียกตัวเองว่าคนชอบธรรมอย่างไอ้สารเลวนั้น ผู้ชายที่โง่เง่าคนนี้คือคนที่สมควรจะถูกเรียกว่าลูกผู้ชายที่แท้จริงมากกว่า’ “นายเสียใจไหม? ถ้านายเก็บน้ำและอาหารให้กับตัวเอง นายอาจจะมีชีวิตอยู่ได้นานกว่านี้…”
“คุณได้ช่วยเหลือโรงเรียนสำหรับเด็กกำพร้า และสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า ถึงแม้ว่าผมจะถูกรังแกและไม่ได้รับเสื้อผ้าที่ดีหรืออาหารที่ดี แต่ผมก็ยังมีช่วงเวลาแห่งความสุขที่นั่น เช่นเดียวกับเมื่อพวกเขามอบบิสกิตให้กับผม เช่นเดียวกับที่ผมสามารถเอาชนะพวกเขาในเกมได้” หลินหลี่พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง
ซงซินไม่สามารถหยุดน้ำตาที่ไหลรินออกมาได้ “พวกเขาชนะนายและรังแกนาย แล้วทำไมนายถึงไม่เกลียดพวกเขาล่ะ?”
หลินหลี่ส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง “พวกเราทุกคนเป็นเด็กกำพร้า พวกเขาก็กำลังทุกข์ทรมานที่ถูกพ่อแม่เอามาทิ้งไว้ด้วยเช่นกัน อย่างเช่นเฉินน้อย ภายนอกเขามีความก้าวร้าวเป็นอย่างมาก แต่จริงๆแล้ว เขาเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นแน่วแน่เป็นอย่างมาก เขามักจะกอดหมอนนอนร้องไห้ในตอนกลางคืน และร่ำร้องเรียกชื่อแม่ของเขาเสมอ ส่วนไทน้อย เขามีความโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก แต่เขาปฏิบัติกับน้องสาวของเขาด้วยความอ่อนโยน นั่นเป็นเหตุผลที่ผมไม่เคยเกลียดพวกเขา หากการกลั่นแกล้งผมจะสามารถช่วยให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นมาได้ ถ้าเช่นนั้นมันก็ไม่เป็นอะไรหรอก…”
ซงซินพยายามที่จะหยุดตัวเองไม่ให้ร้องไห้ออกมา นี้จะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของพวกเขา “หลินหลี่ นายควรรู้นะว่านายก็เป็นเหมือนกับพวกเขา…”
“ผมไม่ได้ถูกทอดทิ้ง ผมแค่ผลัดหลงกับพวกเขาไปเมื่อตอนเกิดมาเท่านั้น แม่และพ่อจะต้องมาหาผมอย่างแน่นอน…”
ซงซินรู้สึกสะเทือนใจ จนเธอไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ เธอกอดหลินหลี่ไวอย่างเหนียวแน่น “อื้อ พวกเขาจะต้องมาหาเธออย่างแน่นอน…”
“ผมไม่ต้องการให้คุณบอกผมแบบนั้น ผมคงไม่มีโอกาสได้เจอพวกเขาแล้ว เพราะผมกำลังจะตาย ถ้าคุณรอด คุณช่วยผมตามหาพวกเขาด้วยนะ และบอกพวกเขาด้วยว่า ผมคิดถึงพวกเขามาก…” บางทีหลินหลี่อาจกำลังมาถึงช่วงสุดท้ายในชีวิตของเขา เพราะการมองโลกในแง่ดีของเขา ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกผิดหวังและดูโศกเศร้ามาก
“ไม่ อย่าเพิ่งยอมแพ้สิ มันคงจะดีกว่านี้ถ้านายไม่ได้มาช่วยฉัน ทำไมกันนะ… ทำไมกัน…” ซงซินกัดฟันของเธอ และมองไปที่หลินหลี่ที่มีลมหายใจอ่อนแอ และค่อยๆอ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ น้ำตาของเธอหยดลงไปบนแก้มที่สกปรกมอมแมมของเขา แสงจันทร์สาดส่องลงในช่วงเวลานี้เพื่อจุดประกายความเศร้าสลดใจของหลินหลี่ “ผมบอกคุณแล้ว เพราะว่าคุณได้ช่วยเหลือครอบครัวของผมในสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ และชีวิตของคุณมีค่ามากกว่าชีวิตของผมเสียอีก ถึงแม้ว่าผมจะเกลียดเมื่อมีคนเรียกผมว่าคนโง่ แต่ผมก็รู้ดีว่าผมก็โง่เหมือนอย่างที่พวกเขาเรียกกันจริงๆ ผมไม่สามารถทำอะไรได้ดีนอกจากการเล่นลูโด แต่คุณเป็นคนที่แตกต่างจากผม คุณเป็นคนฉลาดและสวยงามมาก คุณสามารถช่วยเด็กคนอื่นๆ และเด็กกำพร้าได้อีกมากมาย สำหรับผมแล้วคุณเป็นฮีโร่ ผมได้คิดทบทวนมาเป็นอย่างดีแล้ว ถ้าผมพยายามอย่างหนัก บางทีหลังจากนี้อีก 50 ปี หรือเมื่อผมมีอายุมากกว่า 60 ปี ผมคงสามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย และเติมเต็มความฝันของตัวเองได้ ผมได้ยินว่ามีสิ่งใหม่ๆหลายอย่างอยู่ที่นั่น เฉินน้อยเคยพูดไว้เสมอว่า มันเป็นสรวงสวรรค์สำหรับนักผจญภัย, เด็กเนิร์ด, โอตาคุ และพวกหัวกะทิ…”
“แน่นอน แน่นอน แน่นอนว่านายจะ…” ซงซินพูดซ้ำไปซ้ำมา
“ฮี่ฮี่… ผะ ผม… สามารถปกป้องคุณได้…จนถึงตอนนี้… ดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะ… ลา… ก…” หลินหลี่กระซิบด้วยความยากลำบาก ในที่สุดเขาก็เอื้อมมือออกไปเพื่อต้องการสัมผัสแก้มของซงซิน แต่มือของเขาก็หมดแรงลงก่อนที่มันจะไปถึงแก้มของเธอ ซงซินคว้าจับไปที่มือของหลินหลี่อย่างรวดเร็ว และยกมือของหลินหลี่ขึ้นแนบกับแก้มของเธอ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งของเธอกดลงไปที่หน้าอกของหลินหลี่ และไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวใดๆ เธอรู้สึกราวกับว่าหัวใจเธอถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ “ไม่นะ อย่าจากฉันไป! หลินหลี่! หลินหลี่! อ๊าา! อ๊ากกกกก!!!”
ในตอนนั้นเอง ห้องที่พวกเขาอยู่ก็พลันสว่างขึ้นมา ทีมกู้ภัยมาถึงแล้ว! พวกเขามองอย่างเศร้าใจไปยังเด็กคนหนึ่งที่กำลังนอนอย่างไร้ชีวิตชีวาภายในอ้อมกอดของหญิงสาวที่กำลังเศร้าโศกคนหนึ่ง ซงซินคิดกับตัวเอง ‘ทำไมฉันถึงได้ถูกช่วย แต่หลินหลี่กลับต้องมาตาย! เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนที่ควรจะมีชีวิตอยู่ ฉันไม่ได้เป็นคนที่โดดเด่นอย่างที่เขาคิด ฉันแค่บริจาคเงินให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพราะชื่อเสียงเพียงเท่านั้น…’
เจ้าหน้าที่กู้ภัยมองไปที่ร่างของหลินหลี่และร้องไห้ออกมา “เขาตัดเส้นเลือดที่มือซ้ายของเขา และพันผ้าปกปิดเอาไว้ เขายังตัดบางส่วนของต้นขาของตัวเองด้วยบางสิ่งบางอย่าง และฆ่าเชื้อบาดแผลตรงต้นขาของเขา หัวใจของเขาหยุดเต้นไปแล้ว สาเหตุของการตายเกิดจากการอ่อนแอโดยการขาดอาหารและการสูญเสียเลือด เด็กคนนี้ไม่ได้กินอาหารมาตั้ง 7 วัน…”
จู่ๆโลกดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นสีขาวและสีดำ เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างกดทับไปที่หัวใจของเธอ ซงซินได้แน่นิ่งไปอย่างสมบูรณ์ เธอนึกไปถึงตอนที่หลินหลี่บอกว่าเขาพบหนูและน้ำสกปรก ‘นั่นเป็นเนื้อและเลือดของเขา!?’ เธอมองไปที่หลินหลี่ที่แน่นิ่ง จนรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอได้หยุดนิ่ง ‘เพื่อฉันแล้ว เขา…’ เธอคิดย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่วันก่อน หลินหลี่บอกว่าโชคของพวกเขาดีมากด้วยรอยยิ้ม ‘ฉันควรจะสงสัยเมื่อเขาบอกว่าเขาพบเนื้อสัตว์และน้ำ!’ เธอกำหมัดของเธอไว้อย่างแน่นหนา จนเล็บของเธอทิ่มแทงไปที่ฝ่ามือจนมีเลือดไหลออกมา เธอได้ร้องไห้จนน้ำตาของเธอแห้งเหือดไปหมดแล้ว ดังนั้นเธอจึงสามารถทำได้แค่เพียงมองไปยังร่างกายของหลินหลี่ ที่กำลังถูกใส่เข้าไปในถุงใส่ศพอย่างช้าๆ ‘ฉันขอโทษ! ฉันขอโทษ! ฉันขอโทษ!’ ซงซินทำได้แค่เพียงพูดคำเหล่านี้กับตัวเองซ้ำๆเท่านั้น ถ้าเป็นไปได้ เธอก็จะแลกชีวิตของเธอกับเขา เธอละเลยความเจ็บปวดที่ขาของเธอ และคุกเข่าลงบนพื้น “ฉันขอร้องคุณ! ได้โปรดช่วยเขาด้วย! ได้โปรด! ฉันขอร้อง! ได้โปรดเถอะ!”
“คุณผู้หญิง เด็กคนนี้ได้ตายไปแล้ว…” พนักงานกู้ภัยมองไปที่เธอ ก่อนที่เขาจะพูดจบ พยาบาลก็ตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ “หัวใจของเด็กคนนี้ยังคงเต้นอยู่”
“เร็วเข้า! รีบส่งเขาไปที่ห้องฉุกเฉิน!” เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำหลินหลี่เข้าไปในรถ ซงซินเต็มไปด้วยความยินดี และพบว่าเธอไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ แม้ว่าขาของเธอจะไม่รู้สึกใดๆ แต่ขาของเธอก็ยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี หลังจากนั้นเธอก็ได้ยินเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้ามาช่วย เขาบอกว่าเธอโชคดีมากที่เธอได้ฆ่าเชื้อที่บาดแผลไปก่อนหน้านี้ ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องตัดขาของเธอทิ้ง
ซงซินนึกไปถึงเห็ดเหม็นของหลินหลี่ ตั้งแต่ต้นจนจบเขาเป็นคนที่คอยปกป้องเธออยู่เสมอ เธอกัดฟันและสะบัดหัวไปมา เธอผลักรถเข็นของเธอไปหาหลินหลี่ที่ห้องฉุกเฉิน และรอฟังอาการของหลินหลี่จากหมอ ในที่สุดเมื่อเธอได้ยินว่าเขาพ้นขีดอันตรายแล้ว เธอก็ร้องไห้ออกมาด้วยความปิติยินดี เธอผลักรถเข้าไปในห้องของเขา และเฝ้าดูลมหายใจที่แผ่วเบาภายใต้หน้ากากออกซิเจน มีรอยกรีดข้อมือของเขาอยู่หลายรอย และต้นขาของเขาก็เริ่มถูกรักษาด้วยการบำบัดฟื้นฟู ซงซินมองบาดแผลเหล่านี้ค่อยๆงอกเงยเนื้อใหม่ขึ้นมา เพื่อที่จะสามารถตัดเนื้อตัวของตัวเองได้ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำมันได้อย่างไร การให้ใครสักคนกินเนื้อของเขา และดื่มเลือดของเขา เพียงเพื่อให้พวกเขาสามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้ เธอกุมมือของเขาและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดอยู่ข้างๆเขา เมื่อซุนเฉาเดินเข้ามา เธอก็ระเบิดอารมณ์โกรธทั้งหมดที่มีไปที่เขา และยกเลิกการแต่งงานอย่างจริงจัง ครอบครัวของเธอไม่เห็นด้วยในการที่เธอทำเช่นนี้ ดังนั้นเธอจึงถูกยกเลิกสิทธิ์ในการรับมรดกของเธอ และถูกโอนมอบสิทธิ์ให้กับเหล่าพี่น้องของเธอแทน เธอเพียงแค่อยากอยู่ใกล้กับคนที่กำลังอ่อนแอที่กำลังขาดเลือด และหมดสติอย่างหลินหลี่ เธอต้องการดูแลเขาไม่ว่าจะเป็นเวลากี่เดือนก็ตาม จนกว่าเขาจะตื่นขึ้นมา
ซงซินนึกถึงตอนที่เขาตื่นขึ้นมาและพบว่าเขาไม่ตาย เขาสัมผัสไปทั่วทั้งตัวของเขา เพื่อที่จะแน่ใจว่าเขาไม่ได้ฝันไป เมื่อเขาเห็นเธออยู่ที่ประตู เธอฟังเขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “อ่า ผมยังไม่ตายใช่ไหม!?”
ซงซินเข้าไปกอดหลินหลี่ไว้อย่างเหนียวแน่น เธอยังคงดูแลเขาในขณะที่เขาต้องใช้เวลาฟื้นตัว ซุนเฉากลับมาที่นี่อีกครั้ง แต่เธอละเลยและไม่สนใจเขา และเธอยังได้บอกกับหลินหลี่ว่าเธออยากแต่งงานกับเขา
ซงซินมองไปที่หลินหลี่ ในขณะที่เขาพยายามจะปกปิดความรู้สึกของความต่ำต้อย “ผมไม่มีเงิน และผมเป็นเด็กกำพร้า ผมถูกรังแกโดยคนอื่นๆ ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบผม เพราะพวกเธอคิดว่าผมมาจากท่อระบายน้ำ ผมตัวเหม็น และผมก็กินขนมปังนึ่งที่ตกอยู่บนพื้นไปหนึ่งครั้ง แต่… แต่ผมหิวมากจริงๆ ผมรู้ว่าผมจะทำให้ชีวิตของคุณยุ่งวุ่นวาย เพราะผมเป็นตัวซวย…”
เมื่อเธอได้ยินคำพูดของหลินหลี่ น้ำตาของซงซินก็ไหลรินออกมา เธอยิ้มในขณะที่เธอกอดเขาแนบที่หน้าอกของเธอ แม้จะมีคำพูดนับหมื่นนับพันคำ แต่มันก็ไม่สามารถแสดงความรู้สึกที่อยู่ภายในหัวใจของเธอออกมาได้ เธอพูดออกมาอย่างอ่อนโยน “นายจะเป็นคู่หมั้นของฉัน และเมื่อนายโตขึ้น พวกเราจะแต่งงานกันนะ…”
จากนั้นเธอก็ทำทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อให้หลินหลี่ได้เข้ามหาวิทยาลัยหลินไห่ แม้ว่าเขาจะเข้าได้โดยวิธี ‘ประตูหลัง’ ถ้าเธอรอให้เขาใช้ความพยายามของตัวเองจริงๆ เธออาจต้องรอจนกว่าเขาจะมีอายุถึง 60 ปี ตอนนี้หลินหลี่ยังคงมีปัญหาในการตอบรับความรักของซงซิน เพราะว่าเขารู้สึกว่าเขาไม่ดีพอสำหรับเธอ…