ซงซินเริ่มคิดถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น โลกสั่นสะเทือนเนื่องจากแผ่นดินไหวที่รุนแรง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับรู้ว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นอย่างไร เธอได้เรียนรู้ว่ามนุษย์เราอ่อนแอมากแค่ไหนเมื่อเทียบกับธรรมชาติ แม้แต่ผู้ฝึกสอนศิลปะการต่อสู้ที่สามารถใช้พลังซี่ได้ก็ยังคงไร้ประโยชน์อยู่ดี ตึกอาคารสั่นสะเทือน และเธอรู้สึกได้ว่าซุนเฉาได้ปล่อยมือไปจากเธอ “ขอโทษนะ ไม่ใช่ว่าฉันรักเธอ แต่ฉันจะยังคงต้องมีชีวิตอยู่อีกต่อไป โดยการที่ต้องทิ้งเธอไว้ข้างหลัง… เธอคงได้แต่ต้องกล่าวโทษโชคชะตาฟ้าลิขิตแล้วล่ะ”

หัวใจของซงซินดำดิ่งไปสู่ความสิ้นหวัง เธอมองไปยังใบหน้าที่กำลังแสดงรอยยิ้มด้วยความขอโทษ น้ำตาเธอตกลงมาเหมือนสายฝน ราวกับว่าชีวิตของเธอกำลังยืนอยู่ที่ก้นบึ้งอเวจี และทำได้แค่เพียงมองดูดวงอาทิตย์จางหายไปจากระยะไกลเท่านั้น ในที่สุดเธอก็ติดอยู่ใต้ดิน ขาของเธอได้รับบาดเจ็บหนักจากเศษก้อนหินที่ร่วงหล่น ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่เพียงร้องไห้ออกมาเท่านั้น จู่ๆเธอได้ยินเสียงบางอย่างกำลังเข้ามาใกล้เธอ หัวใจของเธอบีบรัดแน่น เธอกลัวว่ามันจะเป็นสัตว์บางชนิดที่กำลังเคลื่อนที่มาใกล้เธอ

หลินหลี่ที่ดูสกปรกมอมแมมปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าซงซิน เขาเปิดไฟฉายส่องหน้าตัวเอง แสดงให้เธอเห็นถึงการแสดงออกแบบเด็กๆโดยการบุ้ยปาก “ผมเห็นคุณร่วงตกลงมา ดังนั้นผมจึงออกมาจากหลุมหลบภัยเพื่อมาช่วยคุณ แต่ก็ดูเหมือนว่าหลุมหลบภัยก็ถูกปิดกั้นด้วยเช่นกัน”

“……” ซงซินแข็งค้าง นี่เป็นเด็กกำพร้าที่เธอได้พบในช่วงบ่ายที่ชื่อว่าหลินหลี่ คนที่มอบภาพวาดดินสอสีให้แก่เธอ เมื่อซงซินที่เพิ่งถูกละทิ้ง เห็นว่าหลินหลี่ได้เข้ามาที่นี่เพื่อมาช่วยเธอ น้ำตาของเธอจึงไหลรินออกมาอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เธอเพียงแค่บริจาคให้กับสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อภาพลักษณ์ของบริษัทเพียงเท่านั้น เธอไม่คิดเลยว่าคนเดียวที่จะมาที่นี่เพื่อช่วยเธอจะเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าที่ได้รับเงินบริจาคจากเธอไปเท่านั้น เธอเอื้อมมือออกไป และดึงหลินหลี่เข้ามาไว้ในอ้อมแขนของเธอ

“อืม ไม่ต้องร้องนะ เดี๋ยวคุณจะไม่มีน้ำในตัวเหลือนะ ให้ผมเก็บน้ำตาของคุณเถอะนะ เพราะคุณอาจจะต้องดื่มมันกลับไปในภายหลัง หยุดสิ้นเปลืองได้แล้ว…” คำพูดที่ดูจริงจังของหลินหลี่ทำให้ซงซินหัวเราะ เธอหยุดร้องไห้ สิ่งที่เขาพูดทำให้เธอรู้สึกได้ถึงบางอย่าง มันไม่มีการบอกเกี่ยวกับเวลาที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจะมาถึง ดังนั้นเพื่อที่จะให้มีชีวิตรอดได้นานมากขึ้นกว่านี้ การหยุดร้องไห้ก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน

ในขณะที่ซงซินคิดย้อนกลับไปในตอนนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะเจ็บปวด แต่มันก็เป็นความทรงจำอันล้ำค่าที่สุดสำหรับเธอเช่นกัน ตอนแรกเธอกลัวแผ่นดินไหว แต่ตอนนี้เธอกลับขอบคุณชะตาฟ้าลิขิตทั้งหลายที่ทำให้เธอมาพบกับเขา

วันที่ 1 หลินหลี่ออกไปรอบๆทั่วสถานที่เพื่อหาผ้าผันแผล หรืออะไรซักอย่างที่คล้ายๆกัน เพื่อจะนำมาพันแผลให้กับเธอ “เธอควรจะรู้ไว้นะว่า ผมเป็นคนที่ปฐมพยาบาลได้เก่งมาก! ถึงแม้ว่าเฉินน้อยจะเป็นคนที่โหดร้ายมาก แต่เขามักจะถูกทุบตีเหมือนกับผม ดังนั้นผมจึงได้เรียนรู้การแพทย์จีนและการปฐมพยาบาลมาด้วยแหละ! ผมรู้จักสมุนไพรทางการแพทย์จีนที่อยู่บนภูเขาด้านหลัง! แต่เฉินน้อยก็ถูกทุบตีจนตายด้วยแท่งเหล็กไปซะก่อน ผมต้องการช่วยเขา แต่ผมก็ไม่มีโอกาสเลย นี่คือเห็ดเหม็น มันเป็นพิษและกินไม่ได้ แต่มันให้ผลดีถ้าคุณบดมันให้ละเอียด และใส่ลงไปบนบาดแผลของคุณ ที่ผมรู้สรรพคุณของมัน เป็นเพราะเมื่อตอนผมถูกผลักตกไปในท่อระบายน้ำ ผมเห็นหนูกำลังถูตัวกับเห็ดนี้ มันเป็นสุดยอดความลับในการรักษาของผมเลยนะ คุณห้ามไปบอกใครเชียว!…”

“……” ซงซินมองไปที่หลินหลี่ ด้วยไอคิวของนักเรียนระดับประถมศึกษา ที่บอกว่าเขารู้เกี่ยวกับแพทย์จีนและการปฐมพยาบาล สิ่งนี้มันน่าเหลือเชื่อมากเกินไปแล้ว!

วันที่ 2 ซงซินค้นพบว่าบาดแผลของเธอกำลังได้รับการรักษา และดีขึ้นอย่างรวดเร็วมากจนผิดปกติ สิ่งสำคัญที่สุดคือมันไม่ได้ติดเชื้อ ดูเหมือนว่าเห็ดเหม็นนี้ต้องเติบโตในเมืองซินหยุนทีเดียว และผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ดูเหมือนจะคิดว่าเห็ดเหม็นนี่เป็นพิษและน่ากลัวมาก…

วันที่ 3

ซงซินกินบิสกิตที่หลินหลี่มอบให้กับเธอ หลังจากที่อยู่ด้วยกันเป็นเวลาสองวัน ซงซินได้เชื่อใจหลินหลี่มากขึ้นกว่าแต่ก่อน สิ่งที่ทำให้เธอขมวดคิ้วก็คือ ครั้งแรกที่พวกเขาเริ่มกินบิสกิต บิสกิตพวกนี้ยังคงกรอบ แต่ตอนนี้บิสกิตมันเปียกชื้น นี่มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย บิสกิตพวกนี้ถูกห่อด้วยพลาสติก “บิสกิตพวกนี้เปียกชื้นได้ยังไงกัน…”

“มันเป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้ ที่บิสกิตพวกนี้เปียกชื้น เพราะบิสกิตพวกนี้คือสิ่งที่ผมเก็บออมเอาไว้ในสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า พวกเราได้รับบิสกิตพวกนี้เพียงแค่ทุกๆ 1 สัปดาห์เท่านั้น ดังนั้นบิสกิตเหล่านี้คือสิ่งผมเก็บมาตลอดระยะเวลา 1 เดือน เพื่อที่จะเก็บไว้กินได้ครั้งละเยอะๆ แต่ผมก็ไม่คิดว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น…” หลินหลี่บุ้ยปาก ซงซินรู้สึกว่าจมูกของเธอกำลังเปียกชื้น เธอสามารถบอกได้เลยว่า หลินหลี่รักขนมบิสกิตเหล่านี้จริงๆ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ “ไม่เป็นไร มันก็ยังอร่อยดีเมื่อมันชื้น ขอบคุณมากนะหลินหลี่…”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เพราะคุณเป็นผู้มีพระคุณของพวกเราทุกคน!” หลินหลี่ตอบกลับไปอย่างจริงจังด้วยรอยยิ้มอันบริสุทธิ์

วันที่ 4

หลินหลี่ได้ช่วยประคับประคองซงซิน และพวกเขาก็ได้ค้นพบสถานที่ที่ดีที่จะรอการช่วยชีวิต จากที่ตรงนี้ พวกเขาสามารถมองเห็นแสงแดดที่สาดส่องลงมาได้ บางทีมันอาจจะสาดส่องมาจากด้านบนที่อยู่เหนือพวกเขาหลายสิบเมตร แต่สิ่งนี้ก็ทำให้ซงซินมีความหวัง แสงแดดที่สาดส่องลงมาค่อยๆจางหาย และแปรเปลี่ยนเป็นแสงจันทร์สาดส่องลงมา “หลินหลี่ นายจำเกี่ยวกับพ่อแม่ของนายได้บ้างไหม?”

“ผมจำไม่ได้เลย คุณปู่หวังบอกว่า ผมถูกหยิบขึ้นมาจากหน้าประตูของสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า…” หลินหลี่ส่ายหัวไปมา

ซงซินถอนหายใจ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่หายากสำหรับผู้คนที่จะทิ้งลูกเพียงเพราะพวกเขามีข้อบกพร่องบางอย่าง แต่คนประเภทนี้ก็ยังคงมีอยู่ไม่ขาดหาย พ่อแม่เหล่านี้ไม่สมควรที่จะมีลูกที่เป็นคนซื่อสัตย์และสุภาพเหมือนกับหลินหลี่เลยจริงๆ มันก็กินเวลาประมาณ 4 วันแล้ว ตั้งแต่ที่พวกเขาร่วงลงมาอยู่ใต้ดิน แต่เขาก็ยังคงดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดีอยู่เสมอ เขาจะให้น้ำที่สะอาดที่สุดและบิสกิตให้กับเธอ ในขณะที่เธอไม่เคยเห็นเขากินอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว…

วันที่ 5

เนื่องจากข้อสงสัยของเธอ ซงซินจึงแอบเดินตามหลินหลี่ไปอย่างเงียบๆเพื่อเฝ้าดูเขา เธอเห็นเขาหยิบขนมบิสกิตที่เปียกชื้นและหักบิสกิตออก จากนั้นเขาก็เก็บไว้เพียงหนึ่งในห้าสำหรับตัวเองเท่านั้น เธอเฝ้ามองขณะที่เขากินบิสกิตชิ้นเล็กๆที่เขาหักไว้ และดื่มน้ำสกปรกก่อนที่จะวิ่งไปหาเธอ ขณะที่เธอเฝ้ามอง เธอไม่สามารถหยุดน้ำตาที่ไหลรินออกมาได้เลย

หลินหลี่เห็นว่าเธอกำลังร้องไห้ออกมาอีกครั้งแล้ว เขาจึงรีบหยิบขวดออกมา “พี่สาวตัวน้อย ผมบอกคุณแล้วว่าอย่าร้องไห้อีก มันเป็นการสูญเสียน้ำโดยไม่จำเป็นนะ…”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลินหลี่ ซงซินก็คว้าเขามากอดไว้อย่างแน่นหนาอีกครั้ง และร้องไห้ออกมาอย่างขมขื่น สำหรับหลินหลี่ เขาพยายามบิดตัวออกจากอ้อมกอดของเธอ และพยายามอย่างสุดความสามารถในการเก็บน้ำตา พร้อมกับปลอบโยนเธอ “อย่าร้องนะ อย่าร้อง ต่อจากนี้ผมจะออกไปดูว่าจะสามารถจับหนูมาได้ไหม ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่เลวร้าย แต่มันก็ยังคงดีถ้าเราได้กินเนื้อสัตว์บางอย่างลงไปบ้าง…”

วันที่ 6

ซงซินต้องคอยยืนยันว่าหลินหลี่ต้องกินไปครึ่งหนึ่ง หลินหลี่กินครึ่งหนึ่งต่อหน้าเธอ จากนั้นเขาก็เดินออกไปถ่มออกมา เขาเอาสิ่งที่ถ่มออกมาวางไว้ก่อน จากนั้นเขาก็ออกไปล่าหนู แต่อย่างไรก็ตาม ฝูงหนูได้อพยพออกไปหมดแล้วหลังจากเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ

วันที่ 10

เมื่อไม่มีอาหารหลงเหลืออีกต่อไปแล้ว ซงซินก็ยอมรับชะตามกรรมของเธอ เธอมองไปยังหลินหลี่ที่กำลังอ่อนแอ แต่ก็ยังมองโลกในแง่ดีตามแบบฉบับของหลินหลี่ จนเธออดยิ้มออกมาไม่ได้ เขาเป็นเหมือนกับชื่อของเขา ‘มีความสุข’ หลินหลี่ลุกขึ้นยืน “เรายังคงมีน้ำอยู่อีกเล็กน้อย ผมจะออกไปหาอาหารและน้ำดูอีกสักหน่อยแล้วกัน…”

เป็นเวลานานหลังจากนั้น หลินหลี่ก็เดินกลับมา “เราโชคดีมากจริงๆ ผมพบหนู! นอกจากนี้ยังมีน้ำสกปรกอีกด้วย มันมีกลิ่นเหม็นอยู่เล็กน้อย แต่มันน่าจะพอให้เราอยู่รอด! ทีมกู้ภัยจะต้องมาอย่างแน่นอน!”

หลินหลี่เริ่มก่อกองไฟ กลิ่นของการปรุงเนื้อหนูฟุ้งกระจายออกมา ซงซินไม่สามารถอดทนต่อกลิ่นนี้ได้ เธอกินไปนิดหน่อยแล้วหลินหลี่ก็เอาส่วนที่เหลือมาแกล้งทำเป็นว่ากินก่อนที่จะวางมันทิ้งไป จากนั้นเขาก็ส่งน้ำที่เหนียวและมีกลิ่นคาวให้เธอดื่ม เขาแกล้งทำเป็นดื่มหลังจากที่เธอดื่มลงไปแล้ว แต่จริงๆแล้วเขาไม่ได้ดื่มอะไรเลย