“เขาไม่แข็งแกร่งเกินไปหน่อยหรือ!? …” ผู้ชมทั้งหมดถอนหายใจ การผสมผสานกันระหว่างพลังโจมตีที่มากมหาศาลของผู้ใช้อาวุธหนักกับความเร็วของแอสซาซิน

BlackForestMoon โบกมือให้ BlackPhoenix ขึ้นไปประลองต่อ แต่การต่อสู้ครั้งนี้จบลงเพียงแค่ 1 การโจมตีเท่านั้น! คนสุดท้ายคือ Akai ในขณะที่เขาก้าวเข้าสู่เวทีประลอง เขาก็รีบลงจากเวทีและเลือกที่จะยอมแพ้ นี่ทำให้หลินหลี่พึงพอใจอย่างมาก “ฮ่าฮ่า! ผมช่างแข็งแกร่งอะไรเช่นนี้! ฮ่าฮ่า!”

รอบต่อไปคือการประลองประเภททีม เย่ฉางพูดขึ้นมาว่า เขาเป็นเอซของทีมอยู่แล้ว ดังนั้นจึงอยากให้คนอื่นๆควรจะมีโอกาสได้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์บ้าง เขาจึงมองไปที่ DyedLily และผู้หญิงคนอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดก็ต่างจ้องมองเขา ‘เชี่ย! นายนั่นแหละเป็นคนใหม่ที่นี่!’

“ฉันก็ไม่แข่งนะ เพราะฉันกำลังยุ่งอยู่กับการแชท…” SpyingBlade ยังประกาศว่า เขาจะไม่ลงแข่งด้วยเช่นกัน

ThornyRose ถอนหายใจ ‘พวกผู้ชายเหล่านี้ยากที่จะควบคุมจริงๆ พวกเขาทั้งหมดก็แค่อยากโชว์ออฟ’ เธอปล่อยให้จางเจิ้งเฉียงเป็นคนที่ 6 ส่วนตัวหลักก็คือ ตัวเธอเอง, FrozenBlood, ElegantFragrance, หลินหลี่ และเย่เทียน

ในขณะที่พวกเธอเข้าสู่เวที หลินหลี่ก็เริ่มโชว์ออฟ เขาพุ่งเข้าใส่ทีมศัตรูและตะโกนว่า “ตาย!!”

“หลินหลี่อย่าเพิ่ง!” ThornyRose ตะโกนเรียก เธอเฝ้าดูขณะที่หลินหลี่เปิดใช้งาน Limit Break Ultimate พุ่งเข้าใส่ศัตรูด้วยความเร็วเต็มรูปแบบ ทิ้งเงาเลือนลางของเขาไว้เบื้องหลัง เธอเริ่มมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่าง เย่เทียนกระพริบตา “ไม่มีอะไรที่เราสามารถทำได้แล้ว เมื่อหลินหลี่เข้าโหมดหัวร้อนแบบนี้ ไม่มีใครนอกจากพ่อที่จะสามารถหยุดเขาได้ …”

BlackForestMoon ซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินและยิ้มเยาะ เขาส่งสัญญาณมือและเผชิญหน้ากับ หลินหลี่ที่พุ่งเข้ามา เขาเปิดใช้ Limit Break Ultimate ของเขา [Arcane Seal – Banishing Cross – Divide]! หลินหลี่ถูกขังอยู่ในอากาศด้วยรูปดาวห้าแฉก ใต้เท้าของเขาเป็นไม้กางเขน ส่งผลให้เอฟเฟคจาก [Nude – Walking Catastrophe] ของหลินหลี่หายไป ทันใดนั้น คนที่อยู่รอบข้างทั้งสี่คน ก็รีบกระโจนออกไปฆ่าหลินหลี่ในทันที ThornyRose ขมวดคิ้ว ถึงแม้นักรบดาบยักษ์จะมีทั้งพลังการโจมตีและความเร็วที่สูงแค่ไหน และมีพลังชีวิตที่มากมายเท่าไหร่ก็ตาม แต่พลังป้องกันทางกายภาพและเวทมนตร์ของเขาแทบไม่มีเลย มันเป็นไปไม่ได้เลย ที่นักรบดาบยักษ์จะรอดชีวิตจากการถูกตรึงแบบนั้นได้ แถมยังอยู่ในท่ามกลางฝูงศัตรูอีกด้วย ถ้าเป็นเมื่อก่อน ถึงแม้ว่านักรบดาบยักษ์จะมีความเร็วที่ช้า แต่ด้วยการที่สวมเกราะหนัก ทำให้เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่ตัวที่สามารถแท้งค์ได้แม้จะไม่มีโล่ก็ตาม อีกอย่างก็คือหลินหลี่ประมาทเกินไป จึงเปิดใช้งานท่าไม้ตายของนักรบดาบยักษ์แร็งค์ SS ไม่ทัน มันเป็นสกิลที่สร้างโล่ป้องกันคอยดูดซับดาเมจได้ การต่อสู้ครั้งนี้คงจะยากลำบาก จนกว่าพวกเธอจะสามารถนำจางเจิ้งเฉียงเข้าสู่สนามรบได้ ความรู้สึกฮึกเหิมจากการประลองรอบแรกสลายหายไปทันที เธออยากจะเขกหัวหลินหลี่ซักทีจริงๆ เขาทำให้อารมของเธอพลิกไปมาระหว่างความสุขและความโกรธ เขาเป็นตัวละครแร็งค์ SS คนแรกของสโมสร Thorns and Roses เชียวนะ เขาทำให้สโมสรรู้สึกมีเกียรติมาก แต่การตายอย่างโง่ๆของเขาในครั้งนี้ ก็ทำให้ทุกคนพูดอะไรไม่ออก

“เขา…เขา สมกับเป็นปีศาจหลี่ผู้บ้าคลั่งจริงๆ ฉันไม่เข้าใจเขาเลย …” พี่ใหญ่เฉาหลั่งเหงื่อเย็นออกมา เมื่อมองนักรบดาบยักษ์ที่ค่อยๆถูกฆ่าตายด้วยความเศร้าโศก

“……” ผู้ชมทั้งหมดพูดอะไรไม่ออก

“ชั่วช้าเกินไปแล้ว! พวกเขากล้าที่จะลอบแอบโจมตีปีศาจหลี่ผู้บ้าคลั่งได้ยังไงกัน! ช่างไร้ยางอายกันจริงๆ!” กลุ่มแฟนคลับของสามพี่น้องเริ่มสาปแช่ง

“เฮ้ พวกนาย นี่ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น มันเป็นแค่ …”

“พี่น้องลากเขาออกไป! เขาเป็นสุนัขของทีม Heavenly Oath!”

ในตอนจบ แม้จะมีการตีโต้จาก ThornyRose แต่เธอก็ไม่สามารถต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามได้ด้วย 4 vs 5 และฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าตัวเธอเองเลย พวกเธอถูก BlackForestMoon ควบคุมเกมไว้ได้ทั้งหมด จนพวกเธอไม่สามารถเรียกจางเจิ้งเฉียงลงมาช่วยได้พลิกเกมได้ และแล้วพวกเธอก็ตายลงไปทีล่ะคนๆ

“พวกคุณนี่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ พวกคุณนี่นะ พอไม่มีผมแล้วทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ เฮ้อ!…” หลินหลี่กอดอกและถอนหายใจด้วยความผิดหวัง นี่เป็นสิ่งแรกที่ ThornyRose และคนอื่นได้ยินเมื่อพวกเธอกลับมาที่ห้องพัก

“มันก็ช่วยไม่ได้นะ ในเมื่อเอซของพวกเธอไม่ได้ลงแข่งด้วย…” เย่ฉางยักไหล่

“คุณพ่อ หนูทำได้ดีที่สุดแล้ว ทุกอย่างมันเป็นความผิดของ …” เย่เทียนกำลังจะพูดว่าเป็นความผิดของหลินหลี่ แต่เมื่อเธอเห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายของเขา เธอก็ชี้ไปที่ ElegantFragrance อย่างรวดเร็ว “มันเป็นความผิดพลาดของพวกเธอ”

“เชี่ย! นรกเถอะ! เธอ เธอ …” ThornyRose มองไปที่กลุ่มเย่ฉางและ SpyingBlade เธอไม่สามารถหาคำพูดที่สมเหตุสมผลได้ หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอมองไปที่หลินหลี่และเย่เทียน

“ถ้าคุณจะข่มขู่ผม ผมจะบอกพี่สาวใหญ่นะ(แม่ของโรส) เธอบอกกับผมว่า ไม่ว่าเราจะถูกหรือผิดก็ตาม ตราบเท่าที่คุณข่มขู่ผมและเย่เทียน เราก็สามารถบอกเธอได้ …” หลินหลี่พูดพร้อมทำหน้าโศกเศร้า ส่วนเย่เทียนค่อยๆเดินถอยออกมา

ThornyRose ต้องการทุบพวกเขาด้วยรถ เธอได้แต่โห่ร้องในใจ ‘ฉันอยากจะบ้าตาย! นี่ฉันเป็นหัวหน้าสโมสรแบบไหนนี่!? เขากล้าเอาแม่ฉันมาข่มขู่ฉันนี่นะ! แต่แย่ที่สุดคือ ฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลย!’ เธอบังคับตัวเองให้ฝืนยิ้มออกมา “หลินหลี่ ต่อไปก็อย่าลืมฟังคำสั่งด้วยล่ะ…”

“อืม ผมเป็นคนที่เชื่อฟังคำสั่งมากที่สุดอยู่แล้ว” หลินหลี่พยักหน้าอย่างไร้เดียงสา ElegantFragrance มองไปที่ความชั่วร้ายที่อยู่ภายในหลินหลี่และหน้าแดง

ในอีกสถานที่หนึ่ง ซงซินกำลังเฝ้าดูการแข่งขันอยู่หน้าภาพโฮโลแกรม เธอยิ้มเมื่อเห็นว่าหลินหลี่กลายเป็นคนดัง เมื่อเห็นว่าเขามีความสุขมาก ก็ทำให้หัวใจเธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ‘อ่า มันนานมากแล้วตั้งแต่ที่ฉันได้เจอเขา นับตั้งแต่ที่ฉันได้เป็นศัตรูกับตระกูลซุน ฉันก็ยุ่งมากมาโดยตลอด ฉันต้องเดินทางไปทั่วโลกเพื่อทำธุรกิจตลอดทั้งปี แม้แต่ตระกูลของฉันก็ไม่ได้อยู่เคียงข้างฉัน พวกเขาหยุดให้เงินแก่ฉัน แต่นั่นไม่เพียงพอที่จะหยุดฉันได้ เมื่อเทียบกับเงินแล้ว หลินหลี่นั้นสำคัญกว่ามาก เขาใช้ชีวิตน้อยๆของเขาเพื่อสนับสนุนฉัน ดังนั้นฉันยังต้องการที่จะชดใช้ให้เขา สำหรับเวลาที่ถูกขังอยู่ใต้ดินเป็นเวลาหนึ่งเดือน’

ซงซินเอนหลังพิงหมอนบนเครื่องบินส่วนตัวของเธอ และเริ่มรำลึกถึงช่วงเวลาที่เปลี่ยนชีวิตของเธอตลอดไป

ซงซินเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลซง เธอเป็นหญิงสาวผู้มีชื่อเสียงในจีน เธอมีบุคลิกที่เด็ดเดี่ยวและไม่ชอบที่จะพึ่งพาคนอื่นๆ แต่เพื่อผลประโยชน์ของตระกูลซง เธอก็ยังตกลงที่จะหมั้นหมายกับซุนเฉาลูกชายของตระกูลซุน ครั้งแรกที่เธอได้พบเขา เธอพบว่าเขาเป็นคนง่ายๆ, ขี้อายและอ่อนโยน ซึ่งแตกต่างจากคุณชายจากตระกูลที่ร่ำรวยคนอื่นๆ พวกเขาคบกันเพียงไม่กี่เดือน ก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานกัน แต่หนึ่งเดือนก่อนงานแต่งงานนั้น พวกเขาไปเที่ยวที่เมืองซินหยุน ในช่วงเวลานั้นสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ซงซินให้การสนับสนุนอยู่ มีการจัดงานการกุศลขึ้น เธอกับซุนเฉาจึงไปเป็นประธานเปิดงาน นั่นคือครั้งแรกที่ซงซินได้พบกับหลินหลี่ เขาเป็นเด็กที่ถูกรังแกบ่อยๆ แต่เขาก็ไม่เคยตอบโต้กลับและไม่เคยร้องไห้เลยสักครั้ง

เมื่อซงซินนึกถึงตอนนี้ น้ำตาก็เจือนองในดวงตาของเธอ เธอเฝ้ามองขณะที่หลินหลี่คลานขึ้นมาหลังจากที่ถูกรังแก เขาเดินเข้ามาหาเธอ ก่อนที่จะยื่นภาพวาดดินสอสีที่วาดได้แย่ยิ่งกว่าเด็กประถมวาดเสียอีกให้แก่เธอ เขายิ้มอย่างไร้เดียงสามาก ถึงแม้จะมีใบหน้าปกคลุมไปด้วยสิ่งสกปรกก็ตาม และเขาพูดกับเธอว่า “ขอบคุณสำหรับสิ่งที่คุณได้ทำเพื่อทุกคน คุณเป็นฮีโร่ของผมเลย …”

ซงซินรับภาพจากเขาแล้วพยักหน้าขอบคุณ เธอตัดสินใจที่จะส่งเงินสนับสนุนเพิ่มขึ้นเพื่อสำหรับเด็กคนนี้ เธอมองไปยังเด็กที่ดูเหมือนจะมีจิตใจที่อ่อนแอมาก “ขอบคุณนะ เธอมีชื่อว่าอะไร?”

“ผมชื่อหลินหลี่ หลินหมายถึงป่า ส่วนหลี่คือความสุข …” หลินหลี่ยิ้มด้วยใบหน้าสกปรก

ซงซินรู้สึกเหมือนกำลังคุยกับเด็กนักเรียนชั้นประถม และไม่สามารถหุบยิ้มได้ เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าให้หลินหลี่ จากนั้นเธอก็เดินขึ้นไปชั้นบน