DC บทที่ 373: ระบำกระบี่อันตรธาน

 

“เกิดอะไรขึ้นเหรอพี่ชาย มีอะไรผิดปกติกับเพลงกระบี่ของพี่สาวอวี้เอ๋อร์รึ” ซูหยิน*ตกตะลึงเมื่อซูหยางพลันยืนขึ้นและตะโกนออกมา

 

ผู้แปล: * ต้นฉบับใช้ Yu Qin ซึ่งเป็นตัวละครที่ไม่มีที่มาที่ไป ในขณะที่ในคำพูดใช้คำว่า พี่ชาย ซึ่งมีคนเดียวที่เรียกเขาอย่างนี้ในนี้ ดังนั้นจึงขอใช้ Su Yin แทน

 

แม้กระทั่งบรรดาศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็ยังงงงันเมื่อเห็นซูหยางทำท่าทางประหลาดใจถึงเช่นนั้น อะไรที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน

 

“เพลงกระบี่ของเธอ… มันเรียกว่า ระบำกระบี่อันตรธาน เป็นวิชากระบี่สำหรับการรบพุ่ง” ซูหยางพึมพัม

 

“ระบำกระบี่อันตรธานรึ มิเคยได้ยินมาก่อนเลย” ซูหยินกล่าว

 

เป็นเรื่องธรรมดาที่ซูหยินไม่รู้จักระบำกระบี่อันตรธานในเมื่อมันเป็นวิชาที่ไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากโลกนี้ ตามความเป็นจริงแล้วนอกจากซูหยางก็มีอีกเพียงแค่สองคนที่รู้จักวิชานี้ แต่ไม่มีใครในนั้นที่จะสามารถถ่ายทอดวิชานี้อีก ในเมื่อทั้งคู่นั้นสิ้นชีพไปนานแล้ว

 

“แม้ว่านี่จะไม่ใช่วิชาเดียวกันเสียทีเดียว แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันสร้างมาจากวิชานั้น เหมือนกับว่าเป็นฉบับปรับปรุง…” ซูหยางครุ่นคิดว่าหงอวี้เอ๋อร์ได้วิชารำกระบี่อันตรฐานมาได้อย่างไร

 

“มีอะไรพิเศษสำหรับวิชากระบี่นี้รึ ดูจากปฏิกิริยาของเจ้า ดูเหมือนว่ามันไม่ใช่อะไรที่ธรรมดา” โหลวหลานจีถามเขาด้วยท่าทางสนใจ เธอต้องการที่จะรู้ว่าเหตุใดจึงทำให้ซูหยางมีท่าทางเช่นนั้น

 

“มันเป็น…. มันเป็นวิชากระบี่ที่งดงามเสียจนกระทั่งจับใจข้า” ซูหยางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรู้สึกจริงจัง

 

ในเวลานั้นใกล้กับเวที ซื่อตงอธิบายสถานการณ์ให้กับเจ้าซี และซีซิงฟาง ซึ่งต่างพากันประหลาดใจหลังจากที่ได้ยินชื่อของเธอ

 

“หง…. ท่านเพิ่งพูดว่าหงอวี้เอ๋อร์งั้นรึ” ซีซิงฟางถาม “ตระกูลหงนั้นงั้นรึ”

 

“ถูกต้องแล้ว เธอเป็นลูกสาวของตระกูลหง “นั่น” “ ซื่อตงพยักหน้าอย่างเป็นกังวลหลังจากที่รู้สึกถึงความไม่พอใจมาจากซีซิงฟาง

 

เจ้าซีมองดูซีซิงฟางด้วยหางตาและแอบถอนหายใจ

 

“หงอวี้เอ๋อร์…. คู่หมั้นของซูหยางก่อนที่เขาจะเข้าร่วมนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย…” เขาคิดในใจ

 

ในเมื่อพวกเขาค้นคว้าชีวประวัติของซูหยาง มันเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขาที่จะรู้ถึงตัวตนของเธอ

 

“เช่นนั้นพวกเราควรจะทำอะไรกับอุบัติเหตุครั้งนี้ดี ท่านเจ้า” ซื่อตงถามเขาหลังจากนั้น “นิกายล้านอสรพิษต้องการคำอธิบาย”

 

“….”

 

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ เจ้าซีก็กล่าวขึ้นว่า “มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด แต่อุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้ ใช่ว่าเธอได้ฆ่าเขาเสียเมื่อไหร่ เขาจะไม่เป็นไร”

 

“เขาจะไม่เป็นไรงั้นรึ” ซื่อตงเลิกคิ้ว เขาไม่อาจจินตนาการได้ว่าผู้ชายจะไม่เป็นอะไรได้อย่างไรถ้าหากพวกเขาสูญเสียสัญลักษณ์ความเป็นชายที่ทำให้พวกเขาได้เป็นผู้ชาย

 

ต่อจากนั้นหลังจากซื่อตงอธิบายสถานการณ์ให้กับเจ้านิกายของนิกายล้านอสรพิษแล้ว พวกเขาก็ดำเนินการแข่งขันต่อ

 

“ข้าต้องขออภัยสำหรับความล่าช้า แต่การแข่งขันกลับมาเป็นปกติแล้วในตอนนี้” ซื่อตงประกาศต่อผู้ชม

 

“อย่าฆ่าเธอ แต่ข้าต้องการแขนหรือขาข้างหนึ่งจากเธอ” ฟูกวางกล่าวกับผู้เข้าร่วมการแข่งขันคนถัดไปด้วยหน้าตาโกรธแค้น

 

อย่ากังวลท่านผู้นำนิกาย ข้าจักแก้แค้นให้กับศิษย์ร่วมนิกายเอง”

 

ไม่นานหลังจากนั้น ชายร่างสูงที่มีแรงกดดันรุนแรงและหอกยาวก็มายืนต่อหน้าหงอวี้เอ๋อร์

 

“เจ้าทำดีมากกับศิษย์น้องของข้าเมื่อกี้นี้ นังเด็กชั่ว” เขาจ้องไปที่เธอ

 

“เจ้าก็ต้องการการดูแลแบบเดียวกันด้วยรึ” หงอวี้เอ๋อร์กล่าวด้วยเสียงเรียบเฉยเย็นชา

 

“เจ้าสามารถลองดูได้ แต่จงรู้ไว้ว่านั่นอาจจะทำให้เจ้าเสียแขนหรือไม่ก็ขา” ศิษย์คนนั้นกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

“การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว” ซื่อตงประกาศไม่นานหลังจากนั้น

 

“งูม่วงพิฆาต” ศิษย์คนนั้นแทงหอกออกในวินาทีที่การแข่งขันเริ่มต้นบังเกิดเป็นภาพของงูยักษ์สีม่วงพุ่งเข้าหาหงอวี้เอ๋อร์ด้วยความเร็วสูง

 

“น่าเบื่อจริง”

 

ประกายเย็นเยียบวาบอยู่ภายในดวงตาของหงอวี้เอ๋อร์ และกระบี่ข้างกายของเธอก็สั่นสะท้าน

 

“ระบำกระบี่อันตรธาน แรกระบำตัดผ่า”

 

วินาทีถัดไป งูยักษ์สีม่วงที่กำลังพุ่งเข้าหาเธอก็แยกออกเป็นสองส่วน

 

“เป็นไปไม่ได้” ดวงตาของศิษย์คนนั้นเบิกกว้างด้วยความตระหนกขณะที่เขามองวิชาระดับปฐพีของตนเองหายไป

 

แต่ทว่าหงอวี้เอ๋อร์ยังไม่ได้จบแค่นั้น

 

“ระบำกระบี่อันตรธาน ระบำท่าที่สองแลบแปลบปลาบ”

 

กระบี่ข้างกายของเธอหายไปในทันที และการโจมตีที่เกือบมองไม่เห็นก็พุ่งเข้าหาศิษย์คนนั้นด้วยความเร็วราวกับแสง

 

“อาาาา”

 

ศิษย์นิกายล้านอสรพิษคนนี้พลันล้มลงกับพื้นเหมือนกับศิษย์คนก่อนและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดในเมื่อแขนของเขาข้างหนึ่งกลิ้งอยู่ห่างจากตัวเขาไม่กี่เมตร

 

“นังชั่วนี้เป็นใครกัน” ฟูกวางกัดฟันขณะที่เขามองดูศิษย์ของตนเองบิดร่างไปมาด้วยความเจ็บปวดบนเวที

 

อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะครุ่นคิดมากเพียงใด เขาก็ไม่อาจจะนึกออกว่าทำไมหงอวี้เอ๋อร์จึงช่างโหดร้ายไร้ความปรานีต่อศิษย์ของพวกเขา เหมือนราวกับว่าเธอมีความแค้นกับพวกเขา

 

“ห-หมอ” ซื่อตงที่ยืนอยู่ตรงนั้นเหม่อมองอย่างเงียบๆไปชั่วขณะก่อนที่จะตะโกนหาหมออีกครั้ง

 

“บ้าแล้ว นางฟ้าคนนี้ช่างเป็นคนโหดร้าย” ผู้ชมต่างพากันตระหนกกับการโจมตีอย่างเด็ดขาดของหงอวี้เอ๋อร์

 

“ตราบเท่าที่เธอมิฆ่าเขา พวกเธอมิต้องจ่ายหินวิญญาณ ช่างเป็นความคิดที่หลักแหลม”

 

“แต่การกระทำของเธอแน่นอนว่าต้องล่วงเกินนิกายล้านอสรพิษ เธอกำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมเธอจึงทำเช่นนี้”

 

ในขณะที่ผู้ชมต่างพากันคาดเดา ซื่อตงก็รอให้เจ้าซีมีคำตอบกับสถานการณ์นี้อย่างเงียบๆ

 

“ท่านคิดว่าเธอทำเช่นนี้เพื่อซูหยางเพราะความบาดหมางของเขากับนิกายล้านอสรพิษหรือไม่” ซีซิงฟางพึมพัม

 

“นี่ย่อมเป็นปัญหาแน่ ถ้าเธอเป็น…”

 

เจ้าซีนวดขมับและพูดขึ้นว่า “สูญเสียแขนขาก็เหมือนกับสิ้นชีวิตสำหรับผู้ฝึกยุทธ ข้ามิอาจยอมให้เธอล่วงเกินนิกายล้านอสรพิษแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อเธอมีความเกี่ยวข้องกับซูหยาง”

 

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ เขาก็พูดต่อว่า “หนึ่งล้านก้อนหินวิญญาณ นั่นคือการลงโทษสำหรับการทำให้เกิดการบาดเจ็บจนถึงขั้นพิการ เริ่มตั้งแต่ตอนนี้”

 

ซื่อตงพยักหน้าและทำการประกาศกฏใหม่นี้ให้กับทุกคน

 

“ศ-ศิษย์หง เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ เจ้ามิโหดร้ายเกินไปหน่อยหรือสำหรับพวกเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะหยาบคายกับศิษย์ของพวกเราอยู่บ้างเล็กน้อย แต่การทำให้พวกเขาพิการนั้นค่อนข้าง…” เจ้าสำนักเมฆม่วงอดไม่ได้ที่จะกังวลต่อตัวเธอและสำนัก

 

“ต่อให้เจ้ามาจากตระกูลหง เราก็มิอาจจะพยายามไปล่วงเกินนิกายล้านอสรพิษได้”

 

“อย่ากังวลท่านเจ้าสำนัก ข้ารู้ว่าข้ากำลังทำอะไร” หงอวี้เอ๋อร์กล่าวกับเขาอย่างเยือกเย็นก่อนที่จะกลับไปยังเวทีสำหรับการแข่งขันครั้งต่อไป