บทที่ 291 รังเกียจมาก

รักหวานอมเปรี้ยว

ความสุขใจบนใบหน้าส้มเปรี้ยวก็กลายเป็นไม่พอใจทันที แววตาจ้องผู้ที่มาอย่างดุเดือด “เธอมาทำไม?”

“ฉัน……ฉันมาหาเธอ เอาซุปไก่มาให้” ชวนชมยิ้มเอาใจเธอ จากนั้นก็เข้ามาในห้องผู้ป่วย

ส้มเปรี้ยวเห็นว่าเป็นเช่นนั้น ก็เหมือนได้รับการกระตุ้นทันที ตบผ้าห่มบนตัวด้วยอารมณ์สะเทือนใจ “เธอเข้ามาทำไม? ออกไป! ฉันไม่ให้เธอเข้ามา ร่างเธอมีแต่เชื้อโรค ทำให้อากาศฉันสกปรก ออกไป!”

ได้ยินคำพูดนี้ ชวนชมก็ตัวแข็งอยู่ที่เดิม รู้สึกทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา “ร่างกายฉันไม่มีเชื้อโรคนะ ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว น้อง……”

“หุบปาก ใครเป็นน้องเธอ!” ส้มเปรี้ยวทำหน้าบิดเบี้ยว ขัดเธอเสียงดัง “ชวนชมเธอจำไว้นะ ฉันไม่อนุญาตให้เธอเรียกฉันว่าน้อง เธอก็ไม่ใช่พี่ฉันเหมือนกัน เข้าใจไหม?”

“ฉัน……ฉัน……” ชวนชมก้มศีรษะอย่างเจ็บปวด สะอื้นขึ้นมาเบาๆ

ในเวลานี้ คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็เข้ามา เห็นลูกสาวคนโตร้องไห้ และลูกสาวคนเล็กทำหน้าไม่พอใจ ก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ชวนชม ลูกบอกแม่สิ มันเกิดอะไรขึ้น?” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เช็ดน้ำตาให้ แล้วถามอย่างสงสาร

ชวนชมซุกในอกคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ “แม่ ฉันไม่ควรกลับมาใช่ไหม?”

“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ?” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ตกใจก่อนอันดับแรก จากนั้นก็รีบพูดขึ้น “นี่ครอบครัวลูก ลูกไม่ควรกลับมา แล้วใครควรกลับ?”

“แต่……แต่ทำไมน้องเกลียดฉันขนาดนี้ เธอไม่ให้ฉันเรียกเธอว่าน้อง แถมบอกว่าฉันไม่ใช่พี่เธอด้วย”

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ตกตะลึง “ส้มเปรี้ยวพูดแบบนี้จริงเหรอ?”

“อืม” ชวนชมพยักหน้า

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์หรี่ตาเล็กน้อย มองส้มเปรี้ยวด้วยแววตาซับซ้อน

ส้มเปรี้ยวเบือนหน้าอย่างร้อนตัว ในใจเกลียดชวนชมแทบตาย

นังบ้านนอกนี่ ไม่คิดว่าจะกล้าฟ้องเธอ!

เดิมทีเธอนึกว่าชวนชมใช้ชีวิตในสถานที่ห่างความเจริญมาตลอด ถูกเลี้ยงกลายเป็นคนมีนิสัยอ่อนน้อมขี้ขลาด ไม่คิดว่าเธอจะดูถูกไปแล้ว ความอ่อนน้อมนั้นชวนชมเสแสร้งมันออกมา เป็นวิธีที่ขอความเห็นใจและขอความโปรดปรานโดยเฉพาะ

“ไม่เป็นไรชวนชม ลูกเพิ่งกลับมา ส้มเปรี้ยวอาจจะยังปรับตัวไม่ค่อยได้ เดี๋ยวแม่คุยกับเธอให้” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ลูบหลังชวนชมเบาๆ แล้วปลอบเสียงอ่อนโยน “ชวนชมลูกไปรอแม่ข้างนอกก่อน แม่จะคุยกับน้องลูกแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวพาลูกออกไปซื้อของ”

“ค่ะ” ชวนชมยิ้มทั้งน้ำตา จากนั้นก็ออกมาจากอ้อมกอดเธอ เอากระติกเก็บความร้อนในมือส่งให้เธอ พยักหน้าแล้วเดินออกไป

ภายในห้องผู้ป่วยเหลือแค่คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์กับส้มเปรี้ยวสองคนแล้ว

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เอากระติกเก็บความร้อนวางไว้หัวเตียง มองส้มเปรี้ยวอย่างไม่ค่อยพอใจ “ส้มเปรี้ยว ลูกเป็นอะไร ทำไมพูดกับพี่สาวแบบนี้ล่ะ ตอนแรกที่พี่เขายังไม่กลับมา ลูกก็เฝ้าคอยอยากให้เธอกลับมาไม่ใช่เหรอ? บอกว่าอยากมีพี่สาวคอยรักเอ็นดู คอยปกป้องลูก แล้วตอนนี้ลูกทำอะไร?”

ใครเฝ้าคอยให้ชวนชมกลับมา?

นั่นก็แค่คำพูดโกหกที่เธอตั้งใจพูดตอนแรกแค่นั้น

ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าชวนชมจะกลับมาจริงๆ

ในใจคิดแบบนี้ แต่ปากพูดแบบนี้ไม่ได้

ส้มเปรี้ยวกำมือที่วางไว้ในผ้าห่มแน่น บนใบหน้าตาแดงก่ำด้วยความน้อยใจ “แม่ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำแบบนี้กับเธอนะ ฉันแค่ยอมรับที่พี่ฉันเป็นแบบนี้ไม่ได้ เธอทั้งผอมทั้งเตี้ย หน้าตาก็ดูไม่ได้ ทั้งร่างก็ดูจนและอวดดี เหมือนพี่สาวฉันตรงไหน? แม่ พวกคุณไม่ได้จำผิดใช่ไหม?”

“จะจำผิดได้ยังไง ลูกดูตาของชวนชมสิเหมือนแม่เลยไม่ใช่เหรอ?” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ชี้ดวงตาตัวเอง “อีกอย่าง พ่อของลูกตรวจดีเอ็นเอกับชวนชมแล้วด้วย ผลออกมาเป็นพ่อลูกกัน เธอไม่ใช่ชวนชมแล้วจะเป็นใคร?”

ส้มเปรี้ยวกัดปาก “ก็เพราะเป็นแบบนี้ ฉันยิ่งรับไม่ได้ เธอทำอะไรไม่เป็นเลย เมื่อวานกลับมาก็ทำตัวเปิ่นๆ เดินด้วยกันกับเธอ ฉันรู้สึกเสียหน้า คนอื่นก็จะหัวเราะเยาะตระกูลภักดีพิศุทธิ์เราว่ามีลูกสาวที่ไม่เหมาะสมแบบนี้”

“เฮ้อ……” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ถอนหายใจ “แม่เข้าใจความหมายลูก ลูกไม่ชอบที่พี่สาวจะทำให้ลูกเสียหน้าถูกไหม?”

ดวงตาส้มเปรี้ยวหลบหลีก ไม่ตอบ ถือว่ายอมรับโดยปริยาย

นี่แค่เป็นเหตุผลหนึ่ง

เหตุผลที่แท้จริง คือเธอยอมรับไม่ได้ที่นังบ้านนอกคนนี้ ไม่เพียงแต่คุกคามตำแหน่งตระกูลภักดีพิศุทธิ์ของเธอ แต่ยังคิดจะแย่งทรัพย์สินตระกูลภักดีพิศุทธิ์และความรักทะนุถนอมจากพ่อแม่เธออีก

เธอต้องหาทางไล่ชวนชมออกไป!

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ไม่รู้ว่าในใจส้มเปรี้ยวคิดอะไร เธอลูบศีรษะส้มเปรี้ยว แล้วพูดอย่างรักใคร่ “ส้มเปรี้ยว แม่เข้าใจลูก แต่ลูกก็ต้องเข้าใจพี่สาวด้วย พี่สาวของลูกเติบโตมาในชนบทตั้งแต่เล็กๆ ไม่ได้เรียนรู้ทักษะต่างๆ เหมือนลูก เธอไม่รู้จักวิธีการใช้ชีวิตในสังคมชั้นสูง จะทำตัวเปิ่นก็ไม่ได้แย่อะไร ลูกต้องให้อภัยเธอ”

พูดถึงตรงนี้ คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็ยิ้มขึ้นมา “ตอนนี้ฉันกับพ่อสมัครคลาสอบรมมารยาทให้พี่สาวลูกไปเยอะมาก รวมถึงคลาสอบรมที่น่าสนใจนิดหน่อย เช่นพวกเปียโน เต้นรำอะไรแบบนี้ เชื่อว่าอีกไม่นานพี่สาวของลูกจะกลายเป็นคนที่โดดเด่น ถึงตอนนั้นลูกจะไม่รู้สึกว่าพี่สาวลูกทำให้ลูกและตระกูลภักดีพิศุทธิ์เสียหน้าแล้ว”

“งั้น……งั้นเหรอคะ? ดีจังเลย!” ส้มเปรี้ยวบีบมุมปาก ฝืนยิ้มตอบกลับ

แต่ภายในใจเธอ เต็มไปด้วยความเกลียดชังอันบิดเบี้ยว

ชวนชมเพิ่งกลับมา พวกเขาก็แทบรอไม่ไหวที่จะปลูกฝังบ่มเพาะชวนชม

ทำไมล่ะ อยากให้ชวนชมมาแทนที่เธอเร็วๆ งั้นสิ?

ดูเหมือนเธอต้องรีบไล่ชวนชมออกไปให้เร็วที่สุด ถ้าไล่ไม่ไปจริงๆ งั้นก็ต้อง……

ส้มเปรี้ยวหรี่ตา ในดวงตามีความอาฆาตเคลื่อนผ่านไป

สรุปแล้ว เธอไม่มีวันยอมให้ใครมาคุกคามชีวิตของเธอเด็ดขาด มายมิ้นท์ไม่ได้ ชวนชมก็ไม่ได้ ถึงแม้ชวนชมจะเป็นพี่สาวเธอก็ตาม!

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ไม่เห็นความผิดปกติของส้มเปรี้ยว เปิดกระติกเก็บความร้อนเทซุปไก่ให้เธอชามหนึ่ง “มา นี่ซุปที่พี่ต้มให้ลูกโดยเฉพาะเลยนะ ลองชิมสิ?”

ส้มเปรี้ยวได้กลิ่นหอมของซุปไก่ เดิมทีก็สนใจมาก แต่เมื่อได้ยินว่าเป็นซุปที่ชวนชมต้ม ก็ไม่อยากอาหารทันที

แต่ใบหน้าเธอไม่ได้แสดงมันออกมา ยังคงยิ้มรับซุปไก่เหมือนเคย “ซุปที่พี่ทำเหรอ แม่ ฝากขอบคุณพี่ให้ฉันด้วยนะคะ”

เห็นลูกสาวไม่ปฏิเสธลูกสาวคนโต หลังจากผ่านการสั่งสอนของตนแล้ว คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็ดีใจยิ้มไม่หุบ “ได้ๆๆ เดี๋ยวแม่บอกชวนชมให้ ชวนชมต้องดีใจมากแน่”

ในใจส้มเปรี้ยวหัวเราะเยาะ ใช้ช้อนคนซุปไก่ “แม่ แม่จะไปซื้อของกับพี่ไม่ใช่เหรอ? รีบไปสิ อย่าให้พี่รอนาน”

“จริงด้วย งั้นแม่ไปก่อนนะ มีอะไรก็โทรหาแม่” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์มองดูนาฬิกาข้อมือแล้วพูดขึ้น

ส้มเปรี้ยวตอบอืม

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์หยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไป

ขณะที่ประตูห้องผู้ป่วยปิดลง สีหน้าส้มเปรี้ยวก็เย็นชาอย่างสิ้นเชิง จากนั้นก็หันตัวเทซุปทั้งหมดลงในกระถางดอกไม้หัวเตียง

เห็นซุปไก่ผสมเข้าด้วยกันกับดินแล้ว เธอก็พึมพำอย่างดูถูก “ซุปที่นังบ้านนอกมันต้ม ใครจะไปรู้ว่ามันสะอาดไม่สะอาด!”

ปึง!

เมื่อส้มเปรี้ยววางชามเปล่าอย่างแรงที่หัวเตียง โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา

เธอเห็นหัวหน้าแอคหลุมที่ตัวเองซื้อโทรมา ก็รับสายทันที

ไม่รอให้เธอเอ่ยปาก เสียงรีบร้อนของหัวหน้าแอคหลุมก็ดังขึ้น “คุณส้มเปรี้ยว แย่แล้ว ข่าวมายมิ้นท์โดนใครบางคนระงับมัน ตอนนี้หลักๆ ค้นหาในเน็ตไม่ได้แล้ว”

“ว่าไงนะ?” ส้มเปรี้ยวยืดหลังตรงทันที สีหน้าแย่ขึ้นมา “เธอระงับเองเหรอ?