ตอนที่ 458: การลอบสังหารยามดึก

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 458: การลอบสังหารยามดึก

ในขณะนั้นทหารคุ้มกันก็วิ่งเข้ามารายงานว่า “รายงานนายน้อยสี่เจียงหยางเซียงเทียน มีผู้ชายคนหนึ่งชื่อหมิงตงขอเข้าพบ”

เมื่อได้ยินชื่อของหมิงตง เจี้ยนเฉินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่รอยยิ้มอันร่าเริงจะปรากฏขึ้นบนใบหน้า และเขาก็ออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นเจี้ยนเฉินเดินออกจากพระราชวัง ชายที่สวมเสื้อคลุมสีขาวซึ่งกำลังยืนอยู่ข้างนอกก็เผยรอยยิ้มกว้าง นี่คือหมิงตงที่เจี้ยนเฉินไม่ได้เห็นมาครึ่งปีแล้ว

หมิงตงเผยให้เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขขณะที่เขาเดินไปหาเจี้ยนเฉินและตบไหล่ของเขา “เฮ้ ! เจี้ยนเฉิน เจ้ากลับมาแล้วจริง ๆ ! ข้าคิดว่าเจ้าจะกลับมาช้ากว่านี้”

เจี้ยนเฉินมองหมิงตง – หมิงตงมีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนจากเมื่อครึ่งปีที่แล้วถึงตอนนี้ เขาไม่ใช่คนที่ใจร้อนเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป

“ไปคุยกันข้างในกันเถอะ ! ” เจี้ยนเฉินหัวเราะขณะที่เขานำหมิงตงเข้ามาในพระราชวัง นี่คือตำหนักที่ราชาจัดสรรให้กับเจี้ยนเฉิน,ดังนั้นจึงมีทหารชุดเกราะดำประมาณ 50 คนอยู่ข้างนอก

ทั้งสองนั่งลงบนเก้าอี้ นางกำนัลนำขนมและชุดน้ำชาเข้ามาและจากไป

“ข้ากำลังวางแผนจะไปตามหาเจ้า แต่ใครจะคิดว่าเจ้าซ่อนตัวอยู่ในพระราชวัง ? ” เจี้ยนเฉินดีใจมาก หมิงตงและเขาเป็นเหมือนพี่น้องที่ดีต่อกัน ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้ง พวกเขาจึงมีความสุขมาก

“ย้อนกลับไปเมื่อสงครามเพิ่งจะจบ ข้ายอมรับคำเชิญของราชา ความเมตตาของเขาเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธ ข้าจึงอยู่ในพระราชวังเป็นเวลาหลายวันเพื่อลองใช้ชีวิตที่นี่ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ใช้ชีวิตแบบนี้ ข้าจึงตัดสินใจที่จะอยู่ต่อไปอีกสักพัก” หมิงตงหัวเราะ

“แล้วเจ้าอิ่มเอมกับชีวิตแสนสุขหรือยัง ? ” เจี้ยนเฉินหัวเราะ

หมิงตงหยิบขนมใส่ปากและเริ่มเคี้ยวก่อนที่พูดอย่างคลุมเครือว่า “ข้าวางแผนไว้ว่าจะพักนานกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ตอนนี้เจ้ากลับมาแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหน ข้าก็จะขอติดตามไปด้วยทุกหนทุกแห่ง

ทันใดนั้นหมิงตงก็มองเจี้ยนเฉิน “อ่า เจี้ยนเฉิน ข้าควรจะเรียกเจ้าว่าเจียงหยางเซียงเทียนหรือเจี้ยนเฉิน ? “

“เรียกข้าว่าเจี้ยนเฉินก็ได้ ข้าชอบชื่อนั้นมากกว่า ชื่อ ‘เจียงหยางเซียงเทียน’ เป็นชื่อที่คนในตระกูลใช้เรียกเท่านั้น คนข้างนอกต่างเรียกข้าว่าเจี้ยนเฉิน” เจี้ยนเฉินพูดโดยไม่ลังเล

หมิงตงพยักหน้าก่อนที่จะมีสีหน้าจริงจัง “งานที่เจ้ามอบหมายให้ข้าทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว. ข้ามอบทักษะขโมยชะตาสวรรค์ให้กับพ่อของเจ้าแล้ว ข้ารู้สถานการณ์ของเจ้าเช่นกัน เมื่อถึงเวลา อย่าลืมเรียกหาข้าเพื่อช่วยจัดการกับสำนักหัวหยุน”

เจี้ยนเฉินหัวเราะ “ไม่จำเป็นเลย ข้าได้จัดการกับสำนักหัวหยุนแล้ว”

หมิงตงตกใจครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะถามด้วยความสับสนว่า “จัดการแล้วหรือ ? มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ? อย่าบอกข้านะว่าเจ้าให้อภัยสำนักหัวหยุนง่าย ๆ “

เจี้ยนเฉินและหมิงตงยังคงคุยกันตลอดทั้งคืน เจี้ยนเฉินไม่ได้ปิดบังอะไรจากหมิงตงเลย เจี้ยนเฉินเล่าให้เขาฟังทุกเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่ทั้งสองแยกทางกันนอกเหนือจากเรื่องของลูกเสือขาว ไม่ใช่เพราะเขาไม่เชื่อใจหมิงตง แต่เป็นเพราะยิ่งคนรู้น้อยมันก็ดีกว่า นอกจากนี้ถ้าเขาบอกหมิงตง มันก็มีโอกาสสูงที่หมิงตงจะรู้สึกกดดันมากกว่านี้

หมิงตงถอนหายใจหลังจากที่ฟังเจี้ยนเฉินเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หมิงตงถึงกับขนลุกซู่เมื่อเจี้ยนเฉินพูดถึงการต่อสู้กับเซียนสวรรค์ทั้งแปดคน

“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าหลาย ๆ อย่างเช่นนั้นจะเกิดขึ้นได้ ตระกูลเจียเต๋อและตระกูลชิไม่ควรถูกปล่อยให้ลอยนวล รอจนกว่าเราแข็งแกร่งพอ เราจะให้ทั้งสองตระกูลต้องชดใช้ แต่เจี้ยนเฉิน หายนะครั้งนี้ก็นำกำไรมาให้เจ้าเช่นกัน แม้ว่าเจ้าจะเจอความโชคร้าย แต่ความแข็งแกร่งของเจ้าก็เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ ตอนนี้เจ้ายังเป็นเซียนสวรรค์และเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรฉินหวง ข้าแทบจะไม่อยากเชื่อเลย ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้าก็พึ่งจะอายุ 21 ปีเท่านั้น”

เมื่อถึงตอนดึกหมิงตงก็ออกจากที่พักของเจี้ยนเฉิน เขามีห้องของตัวเองในฐานะแขกผู้มีเกียรติของอาณาจักรเกอซุน

หลังจากที่หมิงตงออกไป เจี้ยนเฉินก็เดินเข้าไปในห้องของเขาและนั่งลงบนเตียงเพื่อทำสมาธิ ในเวลานี้ ลูกเสือที่ก่อนหน้านี้นอนหลับอยู่บนเตียงเพราะอิ่มหมีพีมันจากสมบัติสวรรค์ก็ตื่นขึ้นมา

ลูกเสือสดชื่น มันลุกขึ้นยืนแล้วกระพริบตาอันสดใสให้กับเจี้ยนเฉิน จากนั้นมันก็กระโดดขึ้นไปบนไหล่ของเจี้ยนเฉินและใช้ขนอันหนาหนุ่มของมันถูหน้าของเจี้ยนเฉินในขณะที่มันเปล่งเสียงร้องอย่างมีความสุข

ลูกเสือสามารถควบคุมขนาดของร่างกายของตัวมันเองได้ ในขณะนี้ร่างกายของมันมีขนาดประมาณหนึ่งในสามเมตร มันเทียบเท่ากับขนาดของแมวตัวเล็ก ทำให้มันดูน่ารักดี

เจี้ยนเฉินมองเห็นความแข็งแกร่งของลูกเสือ เขายิ้มกว้างและอุ้มลูกเสือขึ้นมา ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาลูกเสือกลายเป็นสัตว์อสูรระดับ 3 อัตราการเติบโตนี้น่ากลัวอย่างยิ่ง และหากแนวโน้มยังเป็นเช่นนี้ต่อไป และเขามีสมบัติสวรรค์เพียงพอ อีกไม่เกิน 1 ปี ลูกเสือก็จะกลายเป็นสัตว์อสูรระดับ 5

” ไม่น่าแปลกใจที่ the Heavenly Tiger God เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกพบเห็นเฉพาะในอดีตที่ผ่านมา. อัตราการเติบโตนี้เร็วเกินไป ” เจี้ยนเฉินถอนหายใจด้วยความชื่นชม.

เจียนเฉินดึงเอาสมบัติสวรรค์พันปีออกมาจากแหวนมิติของเขา เขาพูดว่า “ขยันฝึกฝนและปรับปรุงความแข็งแกร่งของเจ้าต่อไป ด้วยวิธีนี้เจ้าจะสามารถป้องกันตัวเองได้”

ลูกเสือขาวหลงใหลสมบัติสวรรค์อย่างไม่อาจปฏิเสธได้. เมื่อมันเห็นสมบัติสวรรค์พันปีในมือของเจี้ยนเฉิน ดวงตาของลูกเสือก็เริ่มเปล่งประกายก่อนที่มันจะกระโจนเข้าใส่ เมื่อมันกินเข้าไปจนอิ่ม แววตาของมันก็อิ่มเอม มันขดตัวบนเตียงของเจี้ยนเฉินก่อนที่จะหลับไปเพื่อย่อยสิ่งที่กิน

สีหน้าของเจี้ยนเฉินกังวลมากเมื่อมองดูลูกเสือที่กำลังหลับอยู่ “เมื่อเวลาผ่านไปมันจะต้องการทรัพยากรจำนวนมากขึ้นและเวลาที่ต้องใช้ในการดูดซับก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ข้าไม่รู้ว่าสมบัติสวรรค์ที่มีจะใช้ได้นานแค่ไหน ข้าจะต้องคิดถึงวิธีแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด

หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็หลับตาลงอย่างช้า ๆ ในขณะที่เขานำแกนอสูรระดับ 5 ออกมา 2 ชิ้น เมื่อไม่มีเซียนผู้คุมกฏ เจี้ยนเฉินจึงสามารถพึ่งพาพลังงานภายในแกนอสูรเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังบรรพกาล

เจี้ยนเฉินรู้ว่าพลังบรรพกาลนั้นแข็งแกร่งมาก และถึงแม้ว่ามันจะไม่มีประโยชน์ในขณะนี้ แต่ก็จะมีประโยชน์ในอนาคตซึ่งเขาจะสามารถใช้งานมันได้หลังจากสร้างรากฐานของมันไว้ รากฐานนี้คือร่างกายของเขา หากเขาสามารถทำให้ร่างกายแข็งแกร่ง เขาก็จะสามารถต้านทานพลังบรรพกาลที่ไหลผ่านมันได้ ตอนนี้เขาจึงต้องการพลังบรรพกาลจำนวนมากเพื่อทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่ง

เมื่อเขาสามารถใช้ประโยชน์จากพลังบรรพกาลได้ เขาก็มั่นใจว่าพลังของเขาจะเพิ่มคุณภาพอย่างก้าวกระโดดอีกครั้ง

หลังจากครึ่งคืนเมื่อทั้งพระราชวังสงบเงียบ กองทหารชุดเกราะดำก็ยังคงลาดตระเวน พวกเขาเดินไปรอบ ๆ พระราชวัง เคลื่อนไปทุกทิศทุกทางเพื่อดูแลความเรียบร้อย

ทันใดนั้นร่างหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในเงามืดก็กระพริบไปข้างหน้ามุ่งหน้าไปยังตำหนักของเจี้ยนเฉินอย่างไร้เสียง ความมืดของยามค่ำคืนปกปิดร่างกายของเขา ราวกับว่าเขากลายเป็นหนึ่งเดียวกับความมืด แม้ว่าจะมีคนเข้ามาใกล้กับเขา พวกเขาก็ไม่รู้สึกว่าเขาอยู่ที่นั่น

ร่างลึกลับหลบทหารเกราะดำที่คุ้มกันพระราชวังได้อย่างคล่องแคล่ว เขาแอบเข้าไปข้างใน ด้านในตำหนักมืดสนิทไม่มีแสงสว่าง

ความมืดรอบ ๆ ไม่มีผลใด ๆ ต่อเขา มันทำให้เขาเห็นทุกอย่างชัดเจน เขามองไปรอบ ๆ ตัวจากนั้นเขาก็เข้าไปในห้องของเจี้ยนเฉินอย่างเงียบ ๆ ซึ่งเขาเห็นเจี้ยนเฉินนั่งสมาธิอยู่บนเตียง

เขาเข้าไปใกล้กับเจี้ยนเฉินมากขึ้นจนกระทั่งเขาอยู่ในระยะ 10 เมตร เขาหยิบขวดหยกออกมาแล้วคลายออกเบา ๆ ทำให้ควันจาง ๆ ลอยไปทางเจี้ยนเฉิน

เขารอให้ควันเข้าไปจนทั่วห้อง หลังจากนั้นเขาจึงหยิบกริชดำขึ้นมา ด้วยแสงไฟสีดำกริชในมือของเขาพุ่งเข้าหาคอของเจี้ยนเฉินทันที

ทันใดนั้นแสงสีฟ้าและสีม่วงก็ส่องประกายในห้องก่อนที่จะได้ยินเสียงที่กระทบของโลหะจะดังขึ้น ร่างในเงามืดที่กำลังจะพุ่งไปข้างหน้าหยุดชะงัก เขาเซถอยหลังไปหลายก้าว เสียงฝีเท้าที่ชัดเจนและแตกต่างดังขึ้นในแต่ละก้าว

“ช่างเป็นเรื่องแปลก ข้าไม่คิดเลยว่าจะเจอใครที่มีพลังเซียนธาตุมืด” เสียงเบา ๆ ดังขึ้นในห้องมืด ราวกับว่าความมืดไม่ได้ส่งผลต่อการมองเห็นของเจี้ยนเฉิน เขาลืมตาขึ้นจากสภาวะสมาธิ

“เจ้า..เจ้าไม่เป็นอะไรเลยรึ ? จะเป็นไปได้อย่างไร ? ” ผู้โจมตีที่ซ่อนตัวร้องออกมาด้วยความตกใจ

เจี้ยนเฉินหัวเราะ “พิษของเจ้าอ่อนแอเกินไปและไม่มีผลกระทบต่อข้า”

ร่างมืดรู้ว่าการลอบสังหารของเขาล้มเหลวและเขาก็ถูกจับได้ นี่คือการต่อสู้ที่เขาคงไม่ชนะ โดยไม่ลังเลร่างนั้นพุ่งออกไปในแสงสีเข้ม เขาพุ่งไปข้างนอกโดยไม่มีเสียง

ผู้บ่มเพาะธาตุมืดมีฉายาว่าเจ้าแห่งราตรี เวลากลางคืนเป็นอาณาจักรของพวกเขา พวกเขาสามารถซ่อนรัศมีของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบในความมืดราวกับว่าพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกับกลางคืน ทำให้การตรวจจับพวกเขาเป็นเรื่องที่ยากมาก

“เจ้าคิดว่าการวิ่งหนีจะเป็นเรื่องง่ายรึ ? ” เจี้ยนเฉินหัวเราะขณะที่เขากำมือขึ้นไปบนอากาศ ทำให้ห้องที่เคยมืดมิดส่องแสงสว่าง ในทันใดนั้นกระบี่สีแดงเพลิงก็ปรากฏขึ้นในห้อง ห้องสว่างขึ้นจากแสงไฟสีแดงที่ทำให้ทหารด้านนอกตกใจ

“วูช ! ” เขาโบกมือ กระบี่ไฟยิงออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วเหมือนเช่นลูกศรและในที่สุดมันก็ดิ่งตรงไปยังร่างมืด

ปัง ! เสียงระเบิดอย่างรุนแรงดังขึ้นเมื่อแสงจากไฟลุกลามไปทั่วท้องฟ้า ทำให้ทั้งพระราชวังแตกตื่น ผู้โจมตีถูกไฟลุกโชน เขาส่งเสียงกรีดร้อง มันจึงเผยให้เห็นตำแหน่งของเขา เสื้อผ้าของเขาถูกจุดไฟและเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าเขาจะสามารถหนีไฟไปได้

“นักฆ่า ! “

“มีนักฆ่า ! “

พระราชวังที่เงียบสงบก่อนหน้านี้กลับมีชีวิตชีวาอย่างรวดเร็วเมื่อทหารชุดเกราะดำจำนวนมากวิ่งพร้อมกับคบเพลิง. มีร่างมากมายพุ่งผ่านหลังคาขณะที่ร่างหนึ่งที่มีทักษะสูงพุ่งเข้าหาเปลวไฟอย่างรวดเร็ว.

เมื่อเห็นตำแหน่งของเขาถูกเปิดเผย ผู้โจมตีไม่ต้องการอยู่ที่นี่อีกต่อไป เขาพยายามหลบเข้าไปในเงามืดเพื่อหลบหนีแม้จะมีบาดแผล

ในขณะนั้นแสงไฟสีฟ้าและสีม่วงสามารถพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่สูงมากทำให้ชายคนนั้นหนีไม่ไปพ้น