แดนนิรมิตเทพ บทที่ 686
ฉีหมิงซานชี้เฉินโม่ด้วยสีหน้าเหยียดหยามและกล่าวเยาะเย้ยว่า “ฉีเยว่หยู อย่ามาหลอกพี่ เขาจะเป็นแค่คนบ้านนอกจากอำเภอเล็ก ๆ เท่านั้น จะมีเงินมากขนาดนั้นได้อย่างไร? ถึงแม้ว่าเธอไม่อยากคืนเงินให้พี่ ก็ไม่จำเป็นต้องหาข้ออ้างที่แย่ขนาดนั้น!”

ในที่สุดมู่หรงยานเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เธอเดินไปอยู่ข้างเฉินโม่และกล่าวยืนยันว่า “เป็นเงินของเฉินโม่จริง ๆ ฉันสามารถเป็นพยานได้!”

ฉีหมิงซานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาเชื่อคำพูดของมู่หรงยานเอ๋อร์อยู่บ้าง แต่เมื่อนึกถึงความสนิทสนมของมู่หรงยานเอ๋อร์กับเฉินโม่ตลอดทางที่ผ่านมาแล้ว ฉีหมิงซานก็กล่าวเย้ยหยันว่า “คุณหนูยานเอ๋อร์ ผมรู้ว่าคุณหลงคารมของไอ้คนไร้ประโยชน์คนนี้แล้ว ถ้าคุณบอกว่าเงินพวกนี้คุณเป็นคนให้เขาเอง ผมก็จะเชื่อ แต่ถ้าคุณบอกว่าเงินพวกนี้เป็นของเขาเอง ยังไงผมก็ไม่เชื่อ!”

“คนไร้ประโยชน์ที่ไม่กล้าเดิมพันแม้แต่เงินหนึ่งหมื่น คุณคิดว่าเขาจะมีเงินขนาดนั้นได้เหรอ?”

มู่หรงยานเอ๋อร์โต้กลับด้วยความโกรธว่า “ไม่ใช่ว่าเฉินโม่ไม่กล้าเดิมพัน แต่เป็นเพราะเขารังเกียจการพนัน สำหรับเขาแล้วการพนันที่พวกคุณชอบเล่น ไม่ต่างไปจากเด็กเล่นขายของหรอก แล้วคุณคิดว่าผู้ใหญ่จะไปแข่งกับเด็กว่าใครแข็งแกร่งกว่าเหรอ?”

“ฮ่า ๆ เกมการเดิมพันของพวกเราเรียกว่าเด็กเล่นขายของเหรอ? ไอ้คนไร้ประโยชน์ บอกมาสิว่าเกมเดิมพันอะไร ถึงจะสามารถทำให้นายสนใจได้” ฉีหมิงซานมองเฉินโม่ด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

“ในเมื่อนายบอกว่าเกมการเดิมพันของพวกเราเป็นแค่เด็กเล่นขายของ แล้วนายกล้าเดิมพันกับผมสักเกมไหม? เดิมพันไม่มากหรอก เดิมพันหนึ่งล้านก็พอ นายกล้าไหม?” ฉีหมิงซานเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความยั่วยุ

ฉีเยว่หยูที่อยู่ด้านข้าง รีบกล่าวขอโทษว่า “เฉินโม่ ขอโทษด้วย ฉันขอโทษแทนพี่ชายด้วย!”

เฉินโม่อยากจะตบหน้าคนโง่เขลาอย่างฉีหมิงซาน แต่เขาก็ไม่อยากจะทำให้ฉีเยว่หยูรู้สึกลำบากใจ ดังนั้นเขาจึงถอนหายใจเบา ๆ หันหลังและกล่าวว่า “พวกเรากลับกันเถอะ”

“ค่ะ!” มู่หรงยานเอ๋อร์และฉีเยว่หยูพยักหน้าพร้อมกัน เดินตามเฉินโม่และกำลังจะจากไป

เพียงแต่ ทันใดนั้นเสิ่นหยูปิงก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า “นึกไม่ถึงว่าคุณหนูของตระกูลมู่หรงแห่งเจียงหนาน จะชอบคนขี้ขลาดแบบนี้ น่าเสียดายจริง ๆ!”

มู่หรงยานเอ๋อร์หยุดฝีเท้า แล้วหันกลับมา ใบหน้าสวยงามของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ เธอมองเสิ่นหยูปิงและกล่าวว่า “คุณเรียกใครว่าคนขี้ขลาด?”

เสิ่นหยูปิงชี้เฉินโม่และกล่าวด้วยสีหน้าเหยียดหยามว่า “เขา!”

หวางเส้าหยู่ที่อยู่ด้านข้างกล่าวเยาะเย้ยตาม “ถูกรังแกขนาดนี้แล้ว แม้แต่เงินหนึ่งล้านก็ไม่กล้ารับเดิมพัน แล้วยังให้ผู้หญิงสองคนช่วยแก้ปัญหาแทนอีก ถ้าผู้ชายแบบนี้ไม่เรียกว่าคนขี้ขลาด แล้วใครจะเป็นคนขี้ขลาดล่ะ?”

มู่หรงยานเอ๋อร์รู้สึกโกรธมาก เพราะคนพวกนี้ไม่รู้สถานะของเฉินโม่ แต่เธอรู้อย่างชัดเจน และเธอไม่ต้องการให้เฉินโม่ถูกคนเหล่านี้ดูหมิ่น

“เฉินโม่ นายเดิมพันกับพวกเขาสักครั้ง เพื่อให้พวกเขาเห็นความสามารถของนาย!” มีความหวังอยู่ในสายตาของมู่หรงยานเอ๋อร์

เฉินโม่ส่ายศีรษะและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ผมไม่มีอารมณ์ พวกเราไปกันเถอะ!”

“ฮ่า ๆ เห็นหรือยัง นี่ไม่ใช่คนขี้ขลาดแล้วเป็นอะไรล่ะ?” หวางเส้าหยู่หัวเราะเยาะเสียงดัง

บรรดาคนที่เฝ้ามองด้วยความสนุก หัวเราะเยาะไม่หยุด และสายตาที่พวกเขามองเฉินโม่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

“สาวสวยสองคนนี้ติดตามคนขี้ขลาดแบบนี้ ช่างน่าเสียดายจริง ๆ!”

หลายคนถอนหายใจ

ทำให้มู่หรงยานเอ๋อร์รู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่มแทงหัวใจ

“เฉินโม่รังเกียจที่จะเดิมพันกับคุณ ฉันจะเดิมพันกับคุณเอง!” มู่หรงยานเอ๋อร์กล่าวด้วยความโกรธ

ดวงตาของเสิ่นหยูปิงเป็นประกาย สบตากับชายชราที่อยู่ด้านข้าง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลบางอย่าง

“ตกลง ฉันกำลังอยากจะขอคำชี้แนะจากคุณหนูของตระกูลมู่หรงอยู่พอดี!”