ตอนที่ 228 อันตรายถึงชีวิต

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

“ไม่ต้อง ไม่ต้อง…” ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยจบประโยคก็ถูกเขาจับมือเธอเอาไว้ จากนั้นเดินจูงมือเธอเดินออกไปจากตรงนั้น 

 

 

เธอรู้สึกตะขิดตะขวงใจมาก เดินจูงมือต่อหน้าธารกำนัลแบบนี้ไม่ค่อยดีมั้ง แบบนี้คนอื่นก็เข้าใจผิดว่าเธอกับเขาเป็นคู่รักกันนะสิ 

 

 

เธอใช้แรงดิ้นรน พยายามแกะมือเขาออก แต่ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เขาจับมือเธอแน่นยิ่งขึ้น ไม่มีวี่แววว่าจะปล่อยมือเธอแม้แต่น้อย 

 

 

เธอดึงมือออกอย่างแรง รู้สึกกระอักกระอ่วนใจมาก  

 

 

เขาหันไปมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง เอ่ยขึ้นช้าๆ “ขอโทษที่จูงมือคุณทั้งๆ ที่คุณยังไม่อนุญาต” 

 

 

“ไม่… ไม่เป็นไรค่ะ” ก็จูงไปแล้วนี่ เธอยังจะพูดอะไรได้อีกล่ะ เธอได้แต่พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่อยากจะเช็ดมือให้สะอาดเอาไว้แล้วฝืนยิ้มเต็มที่ 

 

 

เขายิ้มบางๆ นัยน์ตาสีเขียวเข้มเป็นประกายวิบวับใต้แสงไฟ “เดี๋ยวผมพาคุณไปดูดาวที่ที่หนึ่ง วิวที่นั่นสวยกว่าที่นี่เป็นไหนๆ” 

 

 

“ไม่… ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันง่วงแล้ว อยากจะกลับไปพักผ่อนแล้วล่ะค่ะ” เธอเอ่ยตะกุกตะกักเพราะเขาทำให้เธอตกใจไม่น้อย  

 

 

เขามองเธอชั่วครู่ จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้น “คุณกลัวผมมากใช่ไหม?” 

 

 

“เปล่านี่คะ ทำไมฉันต้องกลัวคุณด้วย” เธอยิ้มฝืดเฝื่อน 

 

 

“ทำไมผมถึงรู้สึกว่าคุณต่อต้านผมมากเลยล่ะ?” จู่ๆ เขาก็เดินเข้าใกล้เธอ 

 

 

“คุณรู้สึกไปเองต่างหาก” เธอรีบปฏิเสธ 

 

 

ดวงตาของเขาเผยแววดีใจทันที “ถ้างั้นก็ดี ความจริงผมกำลังจะบอกคุณอยู่พอดี ผมอยากจีบคุณ ถ้าเกิดคุณต่อต้านผม กลัวผม มันคงไม่ดีกับผมแน่” 

 

 

“อะ… อะไรนะคะ?” เธอตะลึงนิ่งอึ้ง รู้สึกเหมือนเสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงดังอยู่เหนือศีรษะตัวเอง “คุณ… คุณล้อฉันเล่นใช่ไหมคะ?” 

 

 

“ไม่ได้เหรอครับ? ผมจำได้ว่าคุณยังไม่แต่งงาน ปัจจุบันเป็นโสด เรื่องที่ผมอยากจะจีบคุณมันไม่น่าเชื่อมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” 

 

 

“ใช่… เอ๊ย ไม่ใช่ คือ… ฉันหมายความว่า ฉันยังไม่พร้อมเปิดใจให้กับความรักครั้งใหม่… เพราะฉะนั้น…” ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันเกินไปจนทำให้เธอพูดผิดๆ ถูกๆ ตอนนี้เธอเหงื่อแตกพลั่กจนเหงื่อจะไหลลงหน้าผากอยู่แล้ว 

 

 

“เท่าที่คุณรู้จักผม ผมก็นึกว่าคุณจะเห็นว่าผมสามารถเป็นแฟนที่ดีมากของคุณได้เสียอีก แต่ไม่คิดเลยว่า…” 

 

 

สีหน้าของเขาเหมือนคนได้รับบาดเจ็บ เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้ 

 

 

เธอเห็นสีหน้าของเขาแล้วรู้สึกผิดไม่น้อย ใช่ เขาดีกับเธอมาก แต่เธอไม่เคยคิดกับเขาในเชิงชู้สาวเลยสักครั้ง ที่สำคัญ เธอคิดว่าตัวเองไม่เคยทำอะไรที่เป็นการแสดงออกไปในทางนั้นนี่นา แล้วทำไมอยู่ดีๆ เขาถึงพูดแบบนี้ล่ะ? 

 

 

“ฉันขอโทษ ฉันคิดว่าต้องมีเรื่องอะไรที่ทำให้เข้าใจผิดแน่ๆ” เธอสูดหายใจลึกๆ “ตอนนี้ฉันยังไม่อยากมีแฟน ฉันเห็นคุณเป็นเพียงแค่เจ้านายเท่านั้น โดยส่วนตัวฉันเห็นคุณเป็นเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่งก็เท่านั้น ถ้าเกิดฉันเคยทำอะไรที่ทำให้คุณเข้าใจผิด ฉันก็ต้องขอโทษคุณด้วย” 

 

 

ดูเหมือนคริสจะได้รับบาดเจ็บหนักมากขึ้น “ทำไมล่ะ เฉียว คุณกับผู้ชายคนนั้นเลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมถึงไม่ยอมรับรักผมล่ะ เชื่อผมนะ ผมจะดีกับคุณ และทำให้คุณมีความสุขมากกว่าเขาหลายเท่า” 

 

 

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ…” เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเวลาคริสรุกขึ้นมาจะรับมือยากขนาดนี้ ตอนนี้เธอปวดเศียรเวียนเกล้าเหลือเกิน “เป็นเพราะฉันเอง ความรักที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อฉันมาก ฉันก็เลยยังไม่สามารถเปิดใจให้กับความรักครั้งใหม่ ฉันขอโทษ…” 

 

 

“ผมคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดในการลืมรักครั้งเก่าก็คือต้องรีบมีรักครั้งใหม่ คุณเชื่อผมนะ ผมยินดีให้คุณใช้ผมเติมเต็มหัวใจว่างเปล่าที่ได้รับบาดเจ็บของคุณ”  

 

 

น้ำเสียงเซ็กซี่ของเขาทำให้น้ำคำที่เปล่งออกมาฟังไพเราะจับใจ ไม่ว่าหญิงสาวคนไหนก็ไม่อาจต้านทานเสน่ห์จากดวงตาสีเขียวมรกตหวานหยาดเยิ้มของเขาได้ 

 

 

แต่น่าเสียดาย หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในยามนี้คือเฉียวซือมู่ผู้มีหัวใจเย็นชา คำพูดของเขาจึงไม่อาจก่อเกิดผลลัพธ์ใดๆ หากแต่ทำให้เธอรู้สึกลำบากใจมากยิ่งขึ้น 

 

 

เธอเห็นสีหน้าลึกซึ้งของเขาแล้วแทบจะรับมือไม่ไหวอีกต่อไป ได้แต่บ่ายเบี่ยงไปก่อน “ขอโทษค่ะ ตอนนี้สมองฉันสับสนมาก ให้เวลาฉันคิดดูก่อนได้ไหมคะ?” 

 

 

“ก็ได้ครับ” ท่าทางเขาผิดหวังมาก แต่เขาก็โล่งอกไม่น้อย ขอคิดดูก่อนก็ยังดีกว่าคำปฏิเสธตรงๆ เขาค่อยๆ ก้าวเท้าถอยหลังหนึ่งก้าวเพราะไม่อยากทำให้เธอรู้สึกกดดันมากเกินไป “ขอบคุณที่คุณรับไว้พิจารณา” 

 

 

“อย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะ…” เธอกุมขมับ เขาพูดแบบนี้มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าที่เธอบอกว่าขอคิดดูก่อนนั้น ความจริงเธอแค่ต้องการถ่วงเวลาเท่านั้น ไม่ได้มีความคิดที่จะรับรักเขาสักหน่อย 

 

 

เธอได้แต่ถอนหายใจเบาๆ แล้วโบกมือไปมา “ช่างมันเถอะ ตอนนี้ฉันกลับบ้านได้หรือยังคะ? สมองเธอสับสนไปหมด เธอแสดงให้เขาเห็นว่าเธอตกใจมาก และต้องการกลับไปพักผ่อนเพื่อสงบจิตสงบใจ 

 

 

“ครับ” เขารู้ว่าคำสารภาพรักของเขาทำให้เธอสับสนจนทำตัวไม่ถูก จึงไม่คิดจะบีบคั้นเธออีก เขาพยักหน้าอย่างว่าง่าย และไม่พูดเรื่องที่จะพาเธอไปชมวิวที่อื่นอีก เขาพาเธอออกจากโรงแรมหรูระดับห้าดาวที่จัดงานเลี้ยงค็อกเทลทันที 

 

 

คริสเอ่ยกับเธอ “คุณรออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวผมไปขับรถมารับคุณ” 

 

 

เธอพยักหน้าเล็กน้อย รู้สึกโล่งอกที่ไม่ต้องอยู่กับเขา ถึงจะแค่แป๊บเดียวก็เถอะ คริสเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อมาก แถมมีเสน่ห์เปี่ยมล้น หลังจากที่เธอมีโอกาสทำความรู้จักกับเขามาระยะหนึ่ง ทำให้เธอรู้ว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายเอาแต่ใจและไม่เผด็จการ เขาให้เกียรติเธอมาก แถมยังเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดาอีกต่างหาก เขาเป็นชายหนุ่มที่สาวๆ ใฝ่ฝันถึง แต่เธอกลับไม่ชอบเขา 

 

 

ที่เธอบอกว่าไม่ชอบเขานั้นเป็นเพราะเธอไม่อยากได้เขามาเป็นแฟน ไม่ใช่เพราะเธอเกลียดเขา เธอรู้สึกว่าเป็นเพื่อนกันก็ดีอยู่แล้ว ถ้าให้เป็นแฟนล่ะก็… ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เวลาที่เธอคิดถึงเรื่องนี้ทีไร เป็นต้องขนลุกขนพองทุกครั้ง มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก 

 

 

น่าแปลก ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ? อย่าว่าแต่คริสเลย แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ 

 

 

ในขณะที่เธอกำลังคิดไม่ตกอยู่นั้น พลันเสียงเครื่องยนต์ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ดูเหมือนคริสจะขับรถมาถึงแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปยังทิศทางที่ไฟหน้ารถสาดส่อง ทันใดนั้น เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ 

 

 

ไฟหน้ารถสาดแสงสว่างเจิดจ้าจนรอบกายเธอขาวโพลน เธอหรี่ตาแคบ ยกมือขึ้นบังแสงไฟที่แยงตา ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ 

 

 

นี่มันอะไรกัน? 

 

 

จริงสิ รถคันนี้ขับมาจากถนนใหญ่ ไม่ได้มาจากลานจอดรถ ถ้าเป็นรถของคริสก็ต้องขับมาจากอีกฝั่งถึงจะถูกสิ  

 

 

ชั่วขณะที่ความคิดนี้แวบเข้ามาในสมอง จู่ๆ รถคันนั้นก็เร่งความเร็ว จากนั้นพุ่งทะยานเข้าหาเธอ