บทที่ 603 เชิญคุณผู้ชายยกชาข้างใน

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 603 เชิญคุณผู้ชายยกชาข้างใน

เฉินเสี่ยวอี้ยังถือว่ามีศักดิ์ศรีและหลักธรรมเล็กน้อยไม่ได้ออกมือต่อผู้หญิงสองสามคนนั้น

มองเห็นหนุ่มเสื้อดำนั่นถือตะกร้าเดินมา เขาจับข้อมือของชายหนุ่มไว้อย่างรวดเร็วแล้ว

“ผมพูด ให้คุณไปแจ้งเถ้าแก่ของพวกคุณหน่อย คุณไม่ได้ยินเหรอ?”

บนมือใช้แรงก็เตรียมที่จะใช้แรงบังคับให้ชายหนุ่มรู้สึกกลัวสักหน่อย ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ตัวเองไม่ใช่คนที่หาเรื่องได้ง่าย

คิดจริง ๆ ว่าอย่างนี้แล้ว ชายหนุ่มเสื้อดำที่ดูเหมือนอ่อนแอจะต้องอ้อนวอนแน่นอน

ใครจะรู้ชายหนุ่มจู่ ๆ เปิดเผยรอยยิ้มที่แปลกประหลาดหนึ่งออกมา

ใช้ภาษาอาณาจักรมังกรที่เป็นทางการพูด“คุณชอบเล่นงูไหม?”

อ๊ะ?

หมายความว่าอะไร?

เฉินเสี่ยวอี้ยังไม่ได้มีปฏิกิริยามา ก็มองเห็นงูเขียวสีเขียวมรกตทั้งตัวตัวหนึ่งขนาดความหยาบและความละเอียดเท่ากับนิ้วก้อยเลื้อยคดเคี้ยวออกมาจากในแขนเสื้อของชายหนุ่มเสื้อดำ

แลบลิ้นออกมาหันเลื้อยมาทางบนมือของเขา

“อ๊าก!”

เขาตกใจมากร้องอย่างตกใจเสียงหนึ่ง ทั้งคนถอยหลังอย่างตื่นตระหนก ใต้เท้าสะดุดก้อนหินก้อนหนึ่งตึ้งเสียงหนึ่งล้มหงายหลังเท้าชี้ฟ้าแล้ว

ด้านหลังของเคาน์เตอร์ ผู้หญิงชุดกิโมโนที่สง่างามอบอุ่นสองสามคนนั้นต่างก็ปิดปากหัวเราะขึ้นมาแล้ว

ในพริบตาเฉินเสี่ยวอี้ละอายใจแล้วเขาคลานขึ้นมามองไปทางฉินเทียนอย่างลำบากใจแล้ว

ฉินเทียนยิ้มอย่างเย็นชาพูด“ทำไม นี่ก็เป็นพลังที่นายพูดมาเหรอ?”

“ถ้าหากนายอ่อนอย่างนี้ งั้นฉันยังคงบอกพ่อบุญธรรมของนายเปลี่ยนผู้ติดตามให้ฉันแล้วล่ะ”

“นายไม่เหมาะสม”

เฉินเสี่ยวอี้คือรำคาญจริง ๆ แล้ว ในดวงตายิงความโกรธออกมา

จ้องมองชายหนุ่มเสื้อดำอีกครั้ง กัดฟันพูด“นายทำร้ายฉันแล้ว ตอนนี้นายต้องได้รับผลตอบแทน!”

พูดอยู่ดึงมีดสั้นเล่มหนึ่งที่แอบซ่อนอยู่ข้างล่างของเสื้อผ้า ใบหน้าเคร่งขรึมก้าวใหญ่หันเดินไปทางเคาน์เตอร์

สองสามคนที่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ที่จริงก็เป็นลูกน้องของเหลิ่งหยุน ชายหนุ่มเสื้อดำก็คืองูเขียวหางไหม้

ก่อนหน้านี้ฉินเทียนไปไล่ฆ่าปรมาจารย์พิษที่เกาะมลายู ทำให้เหลิ่งหยุนพาลูกน้องของหล่อนไปช่วยเหลือ สองสามคนนี้ต่างก็เข้าร่วมการปฏิบัติการแล้ว

ตอนนี้ฉินเทียนพี่ใหญ่คนนี้คิดไม่ถึงจะมาในเขตพื้นที่ของพวกเขาแล้ว พวกเขาทั้งตกใจทั้งดีใจอยู่แล้ว

แต่มองเห็นท่าทางสีหน้าของฉินเทียนเหมือนอยากให้การสั่งสอนเล็กน้อยแก่ผู้ติดตามคนนี้ งูเขียวหางไหม้พวกเขาก็ต้องให้ความร่วมมืออยู่แล้ว

มองเห็นเฉินเสี่ยวอี้อับอายจนกลายเป็นโกรธกำมีดอยู่บุกมาแล้ว ในดวงตาของงูเขียวหางไหม้ก็กระพริบความโกรธที่ชั่วร้ายมา

“เด็กน้อย ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่นายจะมาหยิ่งผยอง!”

มือของเขาพอกดบนเคาน์เตอร์ กระโดดออกมาอย่างว่องไวหันขึ้นไปรับกับเฉินเสี่ยวอี้แล้ว

“ฉันจะฆ่าแก!”เฉินเสี่ยวอี้คำรามด้วยความโกรธเสียงหนึ่ง ตาแดงสะบัดมีดทิ่มไปทางงูเขียวหางไหม้

ตัวของงูเขียวหางไหม้พอกระพริบก็ออกมืออย่างรวดเร็ว เคาะเล็กน้อยบนข้อมือที่เฉินเสี่ยวอี้จับมีด

เฉินเสี่ยวอี้รู้สึกว่าพอข้อมือชา เสียงเคร้งหนึ่งมีดเหล็กตกลงพื้น

ไม่อนุญาตให้เขาออกมือครั้งที่สอง งูเขียวหางไหม้เหมือนลมที่พัดมา สองมือผลัดเปลี่ยนทำท่าทางเดียวกันกระทั่งหมัดและเท้าก็ตีเข้าด้วยกัน

ตีอย่างรุนแรงมาก เฉินเสี่ยวอี้ถูกตีจนหน้าตาบวมช้ำ เอนล้มลงบนพื้นมีใบหน้าที่สงสัยในเหตุผลของการเป็นคน

มองงูเขียวหางไหม้ที่ดุร้ายอยู่เขาก็เหมือนเป็นเด็กนักเรียนคนหนึ่งที่ถูกรังแกอย่างนั้น ในดวงตาคิดไม่ถึงหลั่งน้ำตาออกมาแล้ว

งูเขียวหางไหม้ยิ้มอย่างเย็นชาพูด“ไสหัวกลับไป เรียนให้ดี ๆ กับเจ้านายของนาย สรุปแล้วควรจะพูดจายังไง”

เฉินเสี่ยวอี้กลับมาถึงด้านข้างฉินเทียนแล้วด้วยท่าทางที่หดหู่ พูดอย่างอารมณ์เสีย“คุณมองเห็นแล้ว?”

“นี่ก็คือระดับสูงที่คุณต้องการเล่น?”

“ผมดูว่าคุณคืออยากที่จะเล่นให้ผมตายล่ะมั้ง!”

ฉินเทียนพูดด้วยใบหน้าที่สงสาร“เห็นชัดว่าฉันได้บอกนายแล้วควรจะพูดยังไง นายกลับไม่ฟัง”

“ฉันจะทำยังไงได้”

อ๊ะ?

เฉินเสี่ยวอี้เหมือนมองคนโง่คนหนึ่งอย่างนั้น พูดอย่างเหลือเชื่อ“คุณต้องการให้ผมบอกพวกเขาจริง ๆ ว่าเจ้าเทพมาแล้วให้เถ้าแก่ของพวกเขาออกมาต้อนรับ?”

ฉินเทียนพยักหน้า

เฉินเสี่ยวอี้พูดอย่างโมโห“ขอล่ะ!”

“กูพูดจาดี ๆ ยังถูกตีแล้ว ถ้าหากเอาตามคำพูดของคุณก็ไม่ใช่ต้องถูกจัดการจนตาย!”

“คุณบ้าแล้วหรือผมบ้าแล้ว?”

ฉินเทียนเท้าหนึ่งเอาเฉินเสี่ยวอี้ถีบออกไปเซล้มลง พูดอย่างเย็นชา“นายกล้าเรียกตัวเองว่ากูต่อหน้ากู!”

“วันหลังทำตัวให้อยู่ในกฏให้กูหน่อย!”

พูดอยู่จู่ ๆ ก็ยิ้มอีกแล้ว“ลองหน่อยสิ”

“นายไม่ลองหน่อยจะรู้ได้ยังไงว่าใช้ไม่ได้ ถ้าใช้ได้ล่ะ?”

สีหน้าของเฉินเสี่ยวอี้เขียวคล้ำ มองฉินเทียนที่แข็งแกร่งและไม่สั่นคลอนเหมือนมีความหมายของเจ้าเทพเล็กน้อยจริง ๆ

จู่ ๆ เขามีความกลัวฉินเทียนเล็กน้อยแล้ว

เขากัดฟันแล้วคลานขึ้นมาพูดตระโกนเสียงดังต่องูเขียวหางไหม้อีกทั้งผู้หญิงสองสามคนนั้นที่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์“เจ้าเทพมาแล้วยังไม่รีบเรียกเถ้าแก่ของพวกคุณออกมาต้อนรับ!”

“ช้าไปสักหน่อย เจ้าเทพเผาบ้านของพวกคุณแล้ว!”

หลังพูดจบก็เตรียมที่จะดึงขาวิ่งหนี

ในจินตนาการของเขา ฝ่ายตรงข้ามจะต้องโกรธมากลงมือทำร้ายคนอย่างโหดเหี้ยมแน่นอน

ใครจะรู้ฉากของความมหัศจรรย์หนึ่งเกิดขึ้นแล้ว

ฟังคำพูดของเขาแล้ว งูเขียวหางไหม้อีกทั้งผู้หญิงสองสามคนนั้นที่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ทั้งหมดต่างก็แสดงความเคารพต่อฉินเทียนอย่างเคารพนบน้อบมาก

“ยินดีต้อนรับคุณผู้ชาย”

“ขอให้คุณผู้ชายรอสักครู่”

จากนั้นสองสามคนมีสีหน้าท่าทางที่หวาดกลัว หันเดินไปด้านหลังอย่างรีบร้อนแล้ว

สถานการณ์อะไร?

พวกเขาคงจะไม่ไปเชิญเถ้าแก่ที่เย่อหยิ่งท่านนั้นจริง ๆ แล้วใช่ไหม?

เฉินเสี่ยวอี้มีใบหน้ามึนงง

ไม่นานประตูใหญ่ของลานบ้านก็เปิดออก ผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดกิโมโนอยู่แต่งตัวสวยงามประณีตเดินมาแล้ว ภายใต้การล้อมรอบของทุกคนเหมือนนางฟ้าที่ลงมาในโลกมนุษย์อย่างนั้น

เฉินเสี่ยวอี้เบิกตากว้างเหมือนฝันไปอย่างนั้น

นี่ก็สวยมากไปแล้วล่ะมั้ง!

นางฟ้าก้าวเบาเดินเร็วดวงตาสวยเปล่งประกายสีสันสดใส มาถึงด้านหน้าฉินเทียนโค้งคำนับเอาตามมารยาทดั้งเดิมของญี่ปุ่น

ริมฝีปากเล็กแดงเสียงเหมือนนกกระจิบ

“เชิญคุณผู้ชายยกชาข้างใน”

ฉินเทียนพยักหน้าแล้วหันเดินไปข้างในอย่างหยิ่งผยอง

นางฟ้าอยู่เป็นเพื่อนด้านข้างอย่างระมัดระวัง งูเขียวหางไหม้อีกทั้งผู้หญิงชุดกิโมโนอีกกลุ่มหนึ่งทั้งหมดล้อมรอบอยู่รอบ ๆ เหมือนต้อนรับจักรพรรดิกลับราชวังอย่างนั้น

เฉินเสี่ยวอี้อ้าปากอยู่มองภาพความฝันทั้งหมดนี้อยู่ เขาขยับฝีเท้าคิดได้ก็อยากตามไป

เงาคนกระพริบ งูเขียวหางไหม้ขวางที่หน้าด้านของเขา

“นายก็อยู่ที่นี่แล้วกัน”

เฉินเสี่ยวอี้นี่ถึงมีปฏิกิริยากลับมา มองฉินเทียนถูกล้อมรอบเดินเข้าในลานบ้าน ปิดประตูลานบ้านเหมือนทั้งหมดต่างก็ไม่เคยเกิดขึ้น

ทำไมเขารู้สึกเหมือนฝันเจอปีศาจจิ้งจอกกลุ่มหนึ่ง พาฉินเทียนหนุ่มหน้าใสมีการศึกษาคนนี้ไปแล้วล่ะ

ก่อนหน้านี้ลิ้มลองความร้ายกาจของงูเขียวหางไหม้ เขาไม่กล้าบุ่มบ่ามทำได้เพียงหวาดกลัวไม่สงบรอที่ด้านนอกประตู

เวลานี้สำหรับฉินเทียนเขาทั้งแปลกใจทั้งหวาดกลัว

ที่จริงเพราะอะไรฉินเทียนต้องทำออกมาอย่างนี้?ก็ไม่ใช่เขาว่าง ๆ จนเบื่อแต่เพื่อให้การสั่งสอนกับเฉินเสี่ยวอี้ลิงซนคนนี้เล็กน้อย

อยากที่จะปราบลิงตัวนี้ก็ต้องให้เขารู้ความร้ายกาจสักหน่อย

หลังปราบแล้ว ต่อมาฉินเทียนยังมีที่ที่ใช้เขาได้

พี่สาวเทพธิดา ก็คือเหลิ่งหยุนอยู่แล้ว

ในร้าน หล่อนเชิญฉินเทียนนั่งในตำแหน่งที่นั่ง หล่อนคุกเข่าข้างเดียวอยู่ด้านข้างรินชาให้ฉินเทียนด้วยตัวเอง

ท่าทางที่อ่อนโยนนุ่มนวลนั่นมองไปแล้วก็คือผู้หญิงญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่สุด กำลังปรนบัติสามีของตัวเองที่เลิกงานกลับมา

สมาชิกกลุ่มงูที่เหลือ ทั้งหมดก็ยืนรออยู่ด้านข้างด้วยความเคารพ

“คุณชิมหน่อย สามารถดื่มออกมาว่าเป็นชาอะไรได้ไหม?” มือที่ขาวสะอาดสวยงามของเหลิ่งหยุนเอาแก้วชาใบหนึ่งยกมาถึงด้านหน้าของฉินเทียน

เมื่อกี้ตอนที่ฉินเทียนมองเหลิ่งหยุนชงชา ใบชานั่นแบออกอย่างช้า ๆ ตามการไหลของน้ำ แต่ละใบจากบนจมลงล่างดูเหมือนกับสาวสวรรค์โปรยดอกไม้อารมณ์ดีมาก เขาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

ดื่มแล้วอึกหนึ่ง เพียงรู้สึกรสชาติหวานเย็นสดชื่น

“นี่คือ” ในใจของเขาสั่นอดไม่ได้ที่จะมองไปทางเหลิ่งหยุนอย่างแปลกใจแล้ว