ตอนที่ 356 เรื่องส่วนตัว

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 356

เรื่องส่วนตัว

“หมายความว่ายังไง ยังหาไม่เจอ”องค์จักรพรรดิกู่คำรามพลางโยนหนังสือรายงานที่ส่งมาจากเมืองข้างๆใส่หน้าองค์ชายกู่หานอย่างจัง

“ขออภัยขอรับ ข้าติดประกาศจนทั่วแล้วแต่ก็ยังหาตัวมันไม่เจอเลย”กู่หานตอบด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะพอใจ ตั้งแต่อาณาจักรไป๋บุกเข้ามาก็เดินทางมาเกินครึ่งแล้ว อีกไม่นานก็คงมาถึงเมืองหลวง แม้แต่พวกมันเองยังสัมผัสได้ถึงความหวาดระแวง แม้จะยังไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้ แต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้นเยอะเกินกว่าจะเอาคนๆเดียวมาแลก

“เป็นเพราะเจ้าแท้ๆ อาณาจักรเราถึงได้เสียหายขนาดนี้”องค์ชายใหญ่พูดพลางมองมาทางน้องชายด้วยท่าทีดูถูด ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มันยังไม่สนใจอยู่แท้ๆว่าน้องชายจะจับตัวใครมา

“ช่วยไม่ได้ คงต้องติดต่อไปหาท่านอาวุโส”จักรพรรดิถอนหายใจพลางเดินไปที่ชั้นวางของในห้องของตนเอง มันใช้กุญแจดอกหนึ่งเปิดเอาตราสีม่วงออกมาจากชั้นพร้อมส่งมันให้ทหารคนหนึ่ง

“เสด็จพ่อ เราต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือ”องค์หญิงคนหนึ่งของอาณาจักรกู่ถามด้วยท่าทีประหลาดใจ การขอแรงผู้อาวุโสแห่งอาณาจักรกู่นั้นไม่ได้ขอกันฟรีๆการยืมมือท่านแต่ละครั้งต้องใช้เงินมหาศาลรวมทั้งที่ดินในอาณาจักรอีกจำนวนหนึ่ง มันแพงชนิดที่ว่าแม้แต่จักรพรรดิยังไม่สามารถเรียกใช้ได้บ่อยๆเลยทีเดียว

“เจ้าไม่เห็นหรือยังไง อาณาจักรไป๋บุกมาประชั้นชิดแล้ว ในรายงานบอกว่ากองทัพของพวกมันใช้อสูรจำนวนมากเข้ามาร่วมรบ หากไม่ขอแรงท่านอาวุโสพวกเราอาจจะลำบากก็ได้”องค์ชายใหญ่ดุน้องสาวตนเองไปทีหนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ส่วนเจ้ากู่หาน ไปตามหาตัวเจ้าเด็กนั่นมาให้ได้ อย่างมากก็คืนเด็กคนนั้นไป”องค์จักรพรรดิสั่งพลางกำหมัดแน่น ตอนนี้มันอยากจะคืนชิงชิวก็ทำไม่ได้ เพราะชิงชิวไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว

.

.

“อากกก”เสียงร้องของเหล่าทหารที่รับมือกับอาณาจักรไป๋อยู่ที่แนวหน้าร้องระงมด้วยความเจ็บปวด ยามนี้พวกมันเหล่าทหารที่เคยภาคภูมิใจในกำลังของตนเองกลับกำลังลนลาน เหล่ายอดฝีมือของอาณาจักรมันโดนอสูรระดับสูงรุมเพียงครู่เดียวก็เสียท่า นี่มันไม่เหมือนสิ่งที่พวกมันเจอมาตลอดกับการรบก่อนหน้านี้ มันเหมือนพวกมันกำลังโดนส่งเข้าไปในเขตอสูรที่มีอสูรน่ากลัวจำนวนมากไม่มีผิด

“ตามข้ามา”อสูรกิ้งก่าสั่งพลางพุ่งตัวไปข้างหน้า ร่างของมันล่องหนหายตัวไปก่อนที่ดาบในมือมันจะเฉือนร่างของทหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ยามนี้เหล่าอสูรไม่ได้ใช้เพียงเขี้ยวเล็บของตนเองอีกแล้ว อสูรที่อาวุธของตนไม่ร้ายแรงอย่างอสูรกิ้งก่าก็เริ่มหันมาใช้ดาบแทน ด้วยความสามารถล่องหนของมันและการเคลื่อนไหวที่พิสดารทำให้มันสามารถสังหารเหล่ายอดฝีมือได้อย่างรวดเร็ว น่าเสียดายที่ยังไม่สามารถสร้างดาบที่ล่องหนไปกับตัวมันได้ไม่อย่างนั้นกองทหารของอสูรกิ้งก่าคงน่ากลัวกว่านี้แน่ๆ

“นี่นะเหรอกลุ่มมือสังหารของอาณาจักรกู่”คนของอสูรกิ้งก่าพูดพลางเผยตัวออกมาหลังจากสังหารคนของอาณาจักรกู่ไปเป็นจำนวนมากแล้ว

“พวกมันทำได้แค่ซ่อนพลังวิญญาณเอาไว้ ซึ่งมันไม่ได้ผลกับพวกเราเลย”อสูรปลาหมึกตนหนึ่งพูดพลางแทงสามง่ามลงบนตัวของมือลอบสังหารที่ถูกส่งมาพยายามล้วงเข้าไปแนวหลังของอาณาจักรไป๋ แต่เมื่อโดนมือลอบสังหารที่ไม่มีแม้แต่พลังวิญญาณและสามารถล่องหนหายตัวได้แล้วยังมีประสาทสัมผัสที่สามารถทราบตำแหน่งพวกมันได้ในทันทีอีกต่างหาก

“อืม กระตือรือร้นกันจริงๆนะ”ขุนพลเต่ายิ้มพลางเดินเข้าไปกลางกองทัพของอาณาจักรกู่ มันเดินเนิบๆราวกับเดินเล่นอยู่ริมน้ำ ในมือปราศจากอาวุธใด ไม่โจมตี เพียงแต่เดินไปข้างหน้าเท่านั้น

“โฮ่ๆ พวกเจ้านี่มีฝีมือกันจริงๆ”ขุนพลเต่าชื่นชมพลางมองเหล่าอาวุธของศัตรูที่พุ่งเข้ามาโจมตีร่างกายของตน เสียงเคร๊งๆดังออกมาแต่ไม่อาจเจาะเกราะของอสูรเต่าได้เลย

“อืม….คนสั่งการอยู่ตรงไหนนะ”อสูรเต่าพูดด้วยท่าทีเนิบๆเหมือนคนแก่ ก่อนจะเดินอาดๆเข้าไปหาชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนหลังม้า แม้จะเดินได้เชื่องช้าไปหน่อยแต่ก็ไม่มีใครหยุดมันได้เลย

“คุณปู่เต่า พี่ไป๋บอกว่าให้ท่านเดินเร็วกว่านี้หน่อยเจ้าค่ะ”หลินหลินเดินตามเข้ามาพลางรายงานสิ่งที่ไป๋จูเหวินฝากมา

“ไม่ต้องใจร้อนหรอกแม่หนู ยังไงข้าก็จะจับคนสั่งการของกองทัพนี้ให้อยู่แล้ว”อสูรเต่าหัวเราะพลางเดินต่อด้วยท่าทีเอื่อยๆ ทำเอาหลินหลินได้แต่มองด้วยท่าทีเหนื่อยใจ แต่คนที่เหนื่อยใจที่สุดคงเป็นพวกทหารรอบๆที่กำลังพยายามโจมตีทั้งคู่ ทั้งๆที่โดนยอดฝีมือที่ใช้อาวุธวิเศษที่น่ากลัวโจมตีอยู่แท้ๆ แต่ทั้งสองกลับยืนนิ่งราวกับการโจมตีไม่ได้ผลแต่อย่างไร

“แม่หนู ไม่สนใจมาเข้ากองทัพของข้าบ้างหรือ”อสูรเต่าถามพลางเดินไปจับตัวคนสั่งการเอาไว้ หากไม่ใช่เพราะหลินหลินยิงใยแมงมุมไปรักมันไว้กับพื้นไม่ให้หนีไปไหนกว่าอสูรเต่าจะเดินมาจับตัวคงใช้เวลาอีกพักใหญ่เลย

“ไม่เอาเจ้าค่ะ ข้าจะอยู่กับพี่ไป๋”หลินหลินตอบพลางส่ายหัวไปมา

“น่าเสียดายๆ”อสูรเต่าหัวเราะออกมาพลางมองผิวหนังของหลินหลินอย่างสนใจ หากเทียบกันจริงๆก็ยังไม่ทราบเลยว่าเกราะของใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน

“อย่าให้แพ้ทู่เยว่กับจื่อหนิงล่ะ”ทางด้านขุนพลมังกรเขาเดียวพูดพลางพาเหล่าอสูรของตนพุ่งทะยานไปข้างหน้า แม้ทัพของตนจะไม่ได้รวดเร็วเท่าทู่เยว่หรือบินได้เหมือนจื่อหนิง แต่กำลังทะลุทะลวงของอสูรมีเขาเหล่านี้กลับน่าหวาดหวั่นอย่างมาก

โครม!! ทันทีที่เข้าปะทะ อสูรตนหนึ่งก็กวาดเอาทหาร 3 ถึง 4 คนกระแทกติดๆกันมาด้วย เพียงเข้าปะทะก็ดันเอาทหารและยอดฝีมือจนร่นถอยไม่เป็นท่า แม้จะเคลื่อนพลช้ากว่าแต่เมื่อโจมตีแล้วกลับรุกคืบได้มากกว่ากองทัพของทู่เยว่และจื่อหนิงเสียอีก ทำเอาสองขุนพลสาวหันมามองหน้ากันแล้วรีบโจมตีเข้าไปให้ลึกกว่าเดิม

“ใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้ว แต่ก็ยังไม่มีอะไรน่ากังวลนะขอรับ”หนึ่งในขุนพลระดับบรรพกาลทั้ง 3 พูดพลางมองสนาบรบตรงหน้าด้วยท่าทีสงบ พวกมันไม่ได้ลงไปต่อสู้ด้วย แถมไม่ได้ส่งอสูรปักเป้าออกไปโจมตีอีกต่างหาก ที่ทำเช่นนี้เพราะอยากให้เหล่าอสูรได้แสดงฝีมือกันบ้างนั่นเอง

“ได้ข่าวว่าอาณาจักรกู่ยิ่งใหญ่พอๆกับอาณาจักรอู๋ ท่าทางจะละเมอเพ้อพกเสียแล้ว”ขุนพลอีกคนพูดพลางถอนหายใจออกมา

“ที่ว่ายิ่งใหญ่คงหมายถึงพื้นที่อาณาจักรกระมัง”ขุนพลอีกคนหัวเราะพลางมองกองทัพตรงหน้าด้วยท่าทีเสียดาย แม้จะมียอดฝีมือจำนวนมาก แต่ก็เป็นแค่ระดับยอดฝีมือ หากเทียบกันจริงๆคงมีกำลังไม่ต่างจากอาณาจักรชินเท่าไหร่ แต่กลับสามารถปกครองแผ่นดินกว้างใหญ่ได้ อาจจะเพราะอาณาจักรข้างเคียงอ่อนแอด้วยกระมัง

“อาจจะหมายถึงอาณาจักรอู๋ก่อนหน้านี้ก็ได้”ขุนพลคนแรกพูดพลางยิ้มออกมา แต่ก่อนอาณาจักรอู๋ก็ไม่มีคนระดับเจ้าสวรรค์เลยเช่นกัน มีเพียงยอดฝีมือจำนวนมากไม่ต่างจากอาณาจักรอื่นๆ แต่ยามนี้ในอาณาจักรอู๋กลับมีกำลังซ่อนเร้นที่น่ากลัวอยู่จำนวนหนึ่ง ขุมกำลังระดับเจ้าสวรรค์ 4 คน และมารที่น่ากลัวอีก 1 ตน รวมทั้งผู้คุ้มกันทางทะเลอย่างอสูรเต่ายักษ์ที่เป็นอสูรบรรพกาลระดับ 10 อีกต่างหาก เมื่อเทียบกันแล้วอาณาจักรกู่ที่ยกขึ้นมาเทียบเคียงออกจะอ่อนแอไปเสียหน่อย

“ท่าทางจะไม่ใช่แบบนั้นนะ”ไป๋จูเหวินพูดหลังจากสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่กำลังมุ่งตรงเข้ามากลางสนามรบ ท่าทางอาณาจักรกู่เองก็มีดีอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นคงองค์ชายกู่คงไม่ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้

ตูม!! ร่างๆหนึ่งร่อนลงมาจากฟ้าพร้อมหอกที่แทงลงมาบนพื้นจนแผ่นกินสั่นสะเทือน บนตัวของมันสวมชุดเกราะของอาณาจักรกู่ แถมยังแผ่พลังวิญญาณออกมาจนคนรอบข้างสัมผัสได้อีกต่างหาก

“นี่สินะผู้สร้างอำนาจให้แก่อาณาจักรกู่ ท่าทางคงจะถึงตาพวกเราแล้ว”ขุนพลอสูรทั้ง 3 ลุกขึ้นยืนพลางมองชายที่ลงมาโจมตีกองทัพของอาณาจักรไป๋อย่างองอาจด้วยท่าทียิ้มแย้ม เห็นได้ชัดเลยว่ามันมีฝีมือเหนือกว่าระดับยอดฝีมือเสียอีก แม้จะสัมผัสพลังวิญญาณไม่ได้แต่เหล่าขุนพลก็รู้ในทันทีว่ามันคือขุมกำลังระดับเจ้าสวรรค์ของอาณาจักรกู่นั่นเอง

“พวกลุงนั่งต่อไปเถอะ”อยู่ๆเสียงเล็กๆก็ดังมาจากด้านหลังของอสูรระดับบรรพกาลทั้ง 3

“คุณหนูไป๋ไป่ พวกเรานั่งกันจนจะเป็นเหน็บชาอยู่แล้วนะ”อสูรตนหนึ่งพูดพลางหัวเราะออกมา ในมือของมันถือง้าวสลักลายมังกรเตรียมพร้อมจะเข้าปะทะอยู่แล้วแท้ๆ

“แต้ขามีความแค้นกับอาณาจักรกู่”ไป๋ไป่ตอบพลางกางปีกสีขาวทั้ง 6 ออกมาจากร่างมนุษย์

“น่าเสียดายจริงๆ”ขุนพลทั้ง 3 เห็นท่าทางโมโหของไป๋ไป่ก็ได้แต่ถอยกลับมานั่งเหมือนเดิม เรื่องการจับตัวชิงชิวไปเกิดขึ้นภายใต้จมูกของไป๋ไป่ แถมนางกับชิงชิวยังเริ่มสนิทสนมกันแล้วเสียด้วย ทำเอาไป๋ไป่เคือกอาณาจักรกู่อย่างมาก ถึงขั้นแยกตัวจากไป๋หลินที่กำลังเฝ้าอาการของเหม่ยหลินอยู่ที่อาณาจักรไป๋มาเลยทีเดียว

“ไอ้พวกไม่รู้ที่ต่ำที่สูง”อาวุโสแห่งอาณาจักรกู่พูดพลางควงหอกในมือโจมตีเหล่าอสูรอย่างต่อเนื่อง แม้จะฆ่าไม่ตายทันทีแต่ก็ทำให้เหล่าอสูรต้องถอยออกมาได้เป็นครั้งแรก การปรากฏตัวของอาวุโสแห่งอาณาจักรกู่นับว่าเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่ตัดสินใจโยนลงมากลางกองทัพของอาณาจักรไป๋เลยทีเดียว

เปรี้ยง!! อยู่ๆเงาร่างสีขาวก็พุ่งเข้ามาโจมตีใส่อาวุโสแห่งอาณาจักรกู่ กำลังมหาศาลของไป๋ไป่ทำเอาอาวุโสแห่งอาณาจักรกู่ต้องถอยไปหลายก้าวทีเดียว

“ไอ้พวกโจรลักพาตัว”ไป๋ไป่ว่าพลางยืนมองอาวุโสแห่งอาณาจักรกู่ด้วยท่าทีไม่พอใจ ก่อนที่ชิงชิวจะโดนลักพาตัวเป็นช่วงที่ไป๋หลินขอให้นางฝึกวิชากับชิงชิวอยู่พอดี แม้ชิงชิวจะทำอะไรไป๋ไป่ไม่ได้แต่ก็พยายามหาทางสู้กับนางอย่างเต็มความสามารถ บอกตามตรงว่าตัวไป๋ไป่เองก็เริ่มจะสนุกกับความพยายามของชิงชิวแล้วแท้ๆ แต่ชิงชิวกลับโดนจับไปเสียร่วมเดือนไม่ได้กลับมา ทำเอาไป๋ไป่รู้สึกเหมือนโดนแย่งของเล่นไปไม่มีผิด เพราะฉะนั้นการลงมาโจมตีใส่อาวุโสท่านนี้ไม่ใช่แผนการหรือวิธีรับมือแต่อย่างไร นางเพียงกำลังเหวี่ยงใส่อาณาจักรกู่เท่านั้น

โครม!! ไป๋ไป่บังคับปีกของตนพุ่งเข้าโจมตีอาวุโสแห่งอาณาจักรกู่อย่างต่อเนื่อง ทำเอาเหล่ากองกำลังมนุษย์รวทั้งพวกพี่น้องตระกูลหลิวที่เดินทางมาด้วยได้แต่มองตาค้าง พวกมันทราบดีหรอกว่าไป๋ไป่อสูรประจำตัวขององค์หญิงไป๋หลินนั้นไม่ธรรมดา แต่ไม่คิดว่าจะยืนอัดคนระดับเหนือกว่าเทียนเซียนขั้นที่ 10 ได้อย่างสบายใจขนาดนี้ นางยังไม่ต้องคืนร่างเป็นมังกรเสียด้วยซ้ำ เพียงยืนกอดอกบังคับปีกทั้ง 6 ข้างของตนเองโจมตีเข้าไปเรื่อยๆก็ทำเอาอีกฝ่ายมึนงงไปหมดแล้ว

เคร๊ง!! หอกในมือของอาวุโสแตกกระจายหลังจากโดนปีกของไป๋ไป่ฟาดใส่ไม่ยั้ง หลังจากอาวุธที่ใช้ป้องกันตัวโดนทำลาย ปีกทั้ง 6 ข้างก็กระหน่ำโจมตีร่างกายของมันโดยตรง แม้จะดูเละเทะปานนี้แต่ก็ต้องยอมรับในความแข็งแกร่งของอาวุโสท่านนี้จริงๆ เพราะหากเป็นคนระดับยอดฝีมือก็โดนปีกของไป๋ไป่ตัดขาดได้ไม่ยาก การที่อีกฝ่ายยังยืนอยู่ได้โดยไม่ตายนับว่าร่างกายของมันแข็งแกร่งมากทีเดียว

“ฮ้าวว”เสียงหาวดังมาจากขุนพลอสูรระดับบรรพกาลตนหนึ่ง พวกมันนั่งเสียจนง่วงนอนแล้วยังไม่มีโอกาสลงมือเลย หวังว่าอาณาจักรกู่จะมีคนระดับเจ้าสวรรค์อีกสักคนสองคนนะ