Sign in Buddha’s palm 258 (1) รีบไป

 

“มีขอบเขตตํานานยุทธเข้าไปสัมผัสค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ภาย ในพื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลังงั้นหรือ?”

 

ดวงตาของซูฉินกลายเป็นลึกซึ้ง เขาเบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะผนวกรวมกับวิชาปราณฉีฟ้ากําหนดในพริบตา รังสีพลังนี่นับพันถูกเปิดเผยต่อหน้าเขา

 

แม้ว่าซูฉินจะออกจากวัดเส้าหลินมากว่าสามสิบปีแล้ว แต่ค่ายกลฟ้าดินที่ปกคลุมเขตหวงห้ามภูเขาด้านหลังก็ยังคงเปิดใช้งานอยู่ตลอด ค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่นี้จัดตั้งด้วยมือของเขาเอง แม้จะอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกล แต่ก็รับข้อมูลถึงกันได้

 

“เป็นพลังฉีของตํานานยุทธขั้นสูงสุด?”

 

ซูฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย มองผ่านดวงตาแห่งสัจจะไปยังวัดเส้าหลินเป็นระยะทางนับหมื่นลี้ เขาเห็นพลังฉีที่พวยพุ่งไปถึงท้องฟ้ากินพื้นที่นับร้อย

 

สําหรับซูฉิน พลังปราณฉีของสิ่งมีชีวิตมีอยู่มากมาย ตราบใดที่มันเป็นสิ่งมีชีวิตย่อมมีปราณฉี ซึ่งทุกสิ่งนั้นสามารถมองเห็นได้ด้วยดวงตาแห่งสัจจะ แต่ปราณฉีของตํานานยุทธมันยังด้อยกว่านี้มาก เขาอาจจะรับรู้มันได้จางๆ เมื่อพวกนั้นเดินทางมายังแผ่นดินใหญ่ บางครั้งพลังฉีของตํานานยุทธก็หายไปในพริบตาเลยก็มี

 

ส่วนตํานานยุทธขั้นสูงสุด มันมีเอกลักษณ์มาก ปราณฉีของตํานานยุทธขั้นสูงสุดในวัดเส้าหลินนั้นเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์

 

“ตํานานยุทธขั้นสูงสุดจะไปวัดเส้าหลินเพื่อการใด?”

 

ซูฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยดวงตาแห่งสัจจะสามารถสังเกตได้เพียง พลังเท่านั้น ไม่สามารถมองเห็นทุกสิ่งได้

 

“หืม?”

 

ขณะที่ซูฉินกําลังจะไปที่วัดเส้าหลิน ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงบางอย่าง เงยหน้าขึ้นมองไปยังวังหลวง ก้าวขาหนึ่งก้าว หายตัวไปจากพระราชวังสูงตระหง่าน

 

พระราชวังตะวันออก

 

ร่างของซูฉินโผล่ขึ้นเงียบๆ นอกตําหนักขุนฝั่งขวา

 

มองเห็นจักรพรรดิถังเดินมาด้วยความกังวลใจ

 

“พี่สาม”

 

“เกิดเรื่องใหญ่ที่ไม่ค่อยสู้ดีขึ้นแล้ว” เมื่อจักรพรรดิถังเห็นซูฉินปรากฏกายขึ้นมา เขาก็เดินตรงเข้าไปหาทันทีและกล่าวคําออกมาไม่มีอ้อมค้อม “มีคนจากวิหารหมื่นพุทธไปยังวัดเส้าหลินแล้วตอนนี้”

 

“วิหารหมื่นพุทธ?”

 

“วัดเส้าหลิน?”

 

ซูฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย

 

เขายังสงสัยอยู่เลยว่าตํานานยุทธขั้นสูงสุดคนใดที่ไปยังวัดเส้าหลิน และจักรพรรดิถังก็ได้มาแจ้งให้เขารู้ว่านั่นคือคนจากวิหารหมื่นพุทธ

 

“ข้าเข้าใจแล้ว”

 

ซูฉินกล่าวคําเบาๆ

 

ในความเป็นจริง แม้ว่าจักรพรรดิถังจะไม่ได้นําความมาบอก ซูฉินก็พอจะเดาได้ว่าควรจะเป็นบรรพชนนิกายใหญ่ในต่างแดนสักแห่ง เพราะไม่ได้มีตํานานยุทธในทวีปนี้ นับประสาอะไรกับตํานานยุทธขั้นสูงสุด

 

มีเพียงยุทธภพต่างแดนที่สืบทอดมรดกมาจากช่วงสุดท้ายของยุคกระแสปราณฉีเฟื่องฟูเท่านั้นที่จะมีตํานานยุทธขั้นสูงสุดเหลือรอดมาจนถึงทุกวันนี้

 

“ผู้อาวุโส”

 

“ต้องการให้ข้าดําเนินการเรื่องนี้หรือไม่?”

 

นักพรตเฒ่าสํานักเอกะวิถีที่อยู่ด้านข้างกล่าวออกมาอย่างระมัดระวัง

 

นักพรตเฒ่าไม่ทราบความสัมพันธ์ระหว่างซูฉินกับวัดเส้าหลิน แต่เนื่องจากจักรพรรดิถังกังวลใจถึงขนาดรีบมาแจ้งซูฉินทันที นักพรตเฒ่าจึงต้องการจะอาสารับใช้ซูฉิน

 

“ไม่เป็นไร”

 

ซฉินสายศีรษะเล็กน้อย “ผู้ที่ไปยังวัดเส้าหลินเป็นตํานานยุทธขั้นสูงสุด เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”

 

นักพรตเฒ่าเป็นผู้อาวุโสในสํานักเอกะวิถี แต่ความแข็งแกร่งของเขาอยู่เพียงระดับนภาชั้นที่สี่ อาจจะไม่มีปัญหาในการจัดการเรื่องทั่วๆไป แต่หากต้องไปพบกับตํานานยุทธขั้นสูงสุด…”

 

“ตํานานยุทธขั้นสูงสุด…” นักพรตเฒ่าตกตะลึง

 

ประกายความคิดวาบผ่านสมอง นักพรตเฒ่าหน้าซีดทันที อดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้นว่า “บรรพชนลําดับที่เก้าของวิหารหมื่นพุทธตื่นขึ้น แล้วหรือ?”

 

“บรรพชนลําดับที่เก้า?” จักรพรรดิถังผงะไปชั่วขณะหนึ่ง

 

นักพรตเฒ่าระงับความตกใจ แล้วเล่าเรื่องราวของบรรพชนทั้งเก้าออกไป

 

สีหน้าของจักรพรรดิถังก็เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินเรื่องนี้

 

หากเป็นอรหันต์ธรรมดา แน่นอน จักรพรรดิถังย่อมเชื่อว่าซูฉินจะสามารถปราบปรามได้อย่างง่ายดาย แต่บรรพชนเก้าจากวิหารหมื่นพุทธ แม้จะอ่อนแอที่สุดแต่ก็แข็งแกร่งกว่าบรรพบุรุษชีหยวน

 

“ผู้อาวุโส ถ้าบรรพชนลําดับที่เก้าของวิหารหมื่นพุทธเคลื่อนไหวจริงๆ วัดเส้าหลินคงตกอยู่ในอันตรายแล้ว” ใบหน้าของนักพรตเฒ่าเปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง

 

เมืองฉางอันไปยังวัดเส้าหลินแม้ไม่ห่างไกลเท่าไปยังเทือกเขาคุนหลุน แต่ก็มีระยะทางเกือบหมื่นลี้ทีเดียว

 

แม้ซูฉินจะเป็นถึงตํานานยุทธขั้นสูงสุด หากเป็นระยะทางดังกล่าวก็ยังต้องเสียเวลาไปสักครึ่งก้านธูปน้อยๆ

 

และหากบรรพชนเก้าแห่งวิหารหมื่นพุทธคิดจะลงมือ มีเจตนาร้ายจริงๆ เวลาเพียงครึ่งก้านธูปก็เพียงพอจะบดขยี้วัดเส้าหลินได้เป็นร้อยๆครั้ง

 

เมื่อถึงตอนนั้น แม้ว่าซูฉินจะไปถึงมันก็สายเกินไปแล้ว

 

“สบายใจได้”

 

ซูฉินส่ายหัวโดยไม่ได้กล่าวบอกอะไรมาก

 

เหตุผลที่ซูฉินไม่รีบเร่งไปยังวัดเส้าหลินในทันทีเพราะเขาคอยสังเกตอยู่เรื่อยๆ ว่ามีตํานานยุทธขั้นสูงสุดคนอื่นๆดักซุ่มเตรียมโจมตี อยู่ใกล้วัดเส้าหลินหรือไม่ผ่านดวงตาแห่งสัจจะ

 

ตามที่นักพรตเฒ่าบอกว่ามีอรหันต์ถึงเก้ารูปที่หลับใหลอยู่ในวิหารหมื่นพุทธ

 

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าบรรพชนทั้งเก้านิ้วางกับดักเพื่อล่อซูฉินออกไป?

 

แม้ว่าซูฉินจะก้าวเข้าสู่นภาชั้นที่เก้าแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ไปถึงขอบ เขตเซียนเทพปฐพีไม่เช่นนั้นคงจะดําเนินการสิ่งต่างๆได้โดยไม่ต้องกลัว

 

อย่างไรก็ตาม วิหารหมื่นพุทธเป็นพุทธศาสนสถานที่สืบทอดมาจากช่วงสุดท้ายของยุคกระแสปราณฉีเฟื่องฟูเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ไม่อาจหยั่งรู้ตื้นลึกหนาบางได้ ดังนั้นซูฉินต้องระวังตนโดยธรรมชา

 

หลังจากนั้นไม่นาน

 

ซูฉินดูเหมือนจะแน่ใจอะไรบางอย่างแล้ว เขาเหลือบมองไปที่จักรพรรดิถังและนักพรตเฒ่า จากนั้นจึงพูดออกมาเบาๆว่า “ข้าจะออกไปสักระยะหนึ่ง อาจจะครึ่งวันหรืออาจจะหลายวันจึงจะกลับมา”

 

เสียงเพิ่งจะพูดจบ

 

ร่างของซูฉินก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาจักรพรรดิถังและนักพรตเฒ่า

 

“พี่สาม พี่สามเขาไปที่วัดเส้าหลินอย่างนั้นหรือ?” จักรพรรดิถัง อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

 

“เกรงว่าจักเป็นเช่นนั้น” นักพรตเฒ่ากล่าวออกโดยยังคงรักษาใบหน้าที่เคร่งขรึมเอาไว้

 

แม้ว่าซูฉินจะสามารถสังหารบรรพบุรุษชีหยวนจากนิกายเฮยหยวนได้ แต่บรรพชนเก้าจากวิหารหมื่นพุทธนั้นไม่สามารถนําไปเทียบกับบรรพบุรุษชีหยวน

 

“หวังว่าวิหารหมื่นพุทธจะไม่ฉีกเนื้อเฉือนหนังของตนออกมาจนหมด” นักพรตเฒ่าถอนหายใจครุ่นคิดอยู่ในใจเงียบๆ

 

วัดเส้าหลิน

 

ด้านหน้าพื้นหวงห้ามภูเขาด้านหลัง

 

เมฆหมอกอันไร้ที่สิ้นสุดรวมตัวกันเป็นมังกรหมอกยืดยาวนับไม่ถ้วน หมุนวนรอบบรรพชนเก้า แรงกดดันอันน่าสยดสยองปกคลุมไปทั่ว

 

ภายใต้แรงกดดันนี้ ตํานานยุทธธรรมดานั้นอย่าว่าแต่บุกเข้าไป ต้องถามว่าจะล่าถอยกลับไปได้อย่างครบสามสิบสองหรือไม่

 

แต่บรรพชนเก้านั้นไม่ใช่ตํานานยุทธธรรมดา

 

เขาเป็นบรรพชนเก้าของวิหารหมื่นพุทธ และเป็นอรหันต์ที่ควบแน่นอาณาเขตได้แล้ว เกรียงไกรในโลกยุทธภพต่างแดน

 

ด้วยความแข็งแกร่งของบรรพชนเก้า ค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ตรงหน้าจะทําให้เขาชะงักงันได้อย่างไร?

 

“เปิดทาง!”

 

ใบหน้าของบรรพชนเก้าดูสงบนิ่ง ก้าวเท้าต่อไปด้านหน้า

 

ทันใดนั้น เมื่อบรรพชนเก้าได้ก้าวเท้าออกไป พื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลังทั้งหมดก็แผดเสียงคําราม มีเสียงฉีกขาดออกมาจากภูเขาทั้งห้าที่ล้อมรอบอยู่ราวกับพวกมันไม่อาจทานทนกับแรงกดดันอันมหาศาลได้ไหว

 

“ไม่ดีแล้ว!”

 

ท่าทีของเจ้าอาวาสขี่ยเหวินเปลี่ยนไปอย่างมาก

 

ค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ที่แต่เดิมมีพลังบดขยี้ทุกสิ่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าบรรพชนเก้ากลับบอบบางราวกระดาษ พังทลายลงอย่างง่ายดาย

 

ไม่ว่าเจ้าอาวาสอุ่ยเหวินจะมีความรู้สึกช้าเพียงใด ก็ยังเห็นได้ชัดว่าค่ายกลฟ้าดินกําลังจะแตกสลาย

 

“เจ้าอาวาส เราควรทําอย่างไรดี?” เฉียนขู่ที่อยู่ด้านข้างดูกังวล

 

ไม่นานหลังจากกลับจากเขาคุนหลุน เฉียนขู่ก็ได้เข้าสู่ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุด

 

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้เมื่อเผชิญหน้ากับบรรพชนเก้าที่สามารถทะลวงผ่านค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย สิ่งที่เรียกว่ายอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดกลับเป็นเพียงเรื่องตลก

 

ในสายตาของเฉียนข่ ทุกอิริยาบถของบรรพชนเก้าล้วนสอดประสานไปกับพลังฟ้าดินซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่ง

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะรู้ว่าตนเองห่างชั้นกับคู่ต่อสู้อย่างบรรพชนเก้าเพียงใด แต่เฉียนขู่ก็ไม่ได้มีความตั้งใจจะถอยหนี

 

พื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลังไม่ใช่เพียงสถานที่สําคัญของวัดเส้าหลิน แต่ยังเป็นที่บิดด่านฝึกตนของซูฉินจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะให้คนนอกบุกรุกเข้ามา?

 

เมื่อเฉียนขู่พร้อมที่จะป้องกันไม่ให้บรรพชนเก้าทําลายค่ายกลต่อ

 

ดาบไม้ที่คอของเขาก็เปล่งแสงออกมา ไอพลังพรั่งพรูแผ่กระจาย

 

ดาบไม้ด้ามน้อยลอยคว้างอยู่กลางอากาศ หลุดออกจากการครอบครองของเฉียนไป เจตจํานงแห่งดาบสั่นสะเทือนออกมาเบาๆ

 

“นี่?”

 

เฉียนขู่กะพริบตา ไม่สามารถตอบสนองไปได้ระยะหนึ่ง

 

ในสายตาของเขา ดาบไม้ด้ามนี้จะถูกกระตุ้นก็ต่อเมื่อเขาตกอยู่ในอันตรายที่ถึงแก่ชีวิตเท่านั้นมิใช่หรือ? ทําไมจู่ๆมันถึงมีปฏิกิริยาในตอนนี้ได้?