ตอนที่ 322 ข้ามีคนรักแล้ว / ตอนที่ 323 ไม่จำเป็น

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 322 ข้ามีคนรักแล้ว

 

 

 

 

วังตะวันออก

 

 

ฟู่เฉินหรงอยู่ในชุดขุนนางสีเหลืองอมน้ำตาล ปักลายงูเหลือมสี่กรงเล็บ นั่งในตำแหน่งเจ้าบ้าน

 

 

ถัดลงมามีหญิงสาวโฉมงามนั่งอยู่ เสื้อสีม่วงขับให้นางยิ่งดูสูงศักดิ์ ความอ่อนหวานของนางต่างจากหญิงสาวทั่วไป หว่างคิ้วแฝงด้วยความห้าวหาญ

 

 

นางคือเฟิงชิงสุ่ยผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือทั่วแคว้นเจียง แทบไม่มีใครในแคว้นเจียงไม่รู้จัก ผู้ชายที่อยากแต่งงานกับนางต่างเดินย่ำเข้าออกจวนแม่ทัพสยบปฐพีจนธรณีประตูชำรุด

 

 

แต่ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ทรงอนุญาตให้เฟิงชิงสุ่ยเลือกสามีได้อย่างอิสระ นางซึ่งอายุยี่สิบเต็มจึงยังไม่ออกเรือน แม้อายุไม่น้อยแล้ว ลูกหลานตระกูลใหญ่มากมายในเมืองหลวงก็ยังอยากแต่งงานกับนาง

 

 

เวลานี้ฮ่องเต้ทรงหมั้นหมายเฟิงชิงสุ่ยให้ฟู่เฉินหรง ไม่มีใครกล้าพูดอะไร เพียงแต่รู้สึกว่าเหมาะสมกันดี

 

 

ฟู่เฉินหรงถือถ้วยชาไว้ในมือ ราชโองการหมั้นหมายมาถึงอย่างกะทันหัน ทั้งๆ ที่เขาทูลปฏิเสธกับฮ่องเต้แล้ว คาดไม่ถึงว่าพระองค์จะทรงใช้วิธีนี้มาทำให้เขายอมรับการหมั้นหมาย

 

 

พระราชทานการหมั้นหมายแล้วจะเป็นอย่างไร เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่แต่งงานกับเฟิงชิงสุ่ย ว่าไปแล้วเขายังมีการหมั้นหมายที่แคว้นเว่ยอีก

 

 

“ไม่ทราบว่าองค์รัชทายาทเรียกหม่อมฉันมา มีเรื่องอะไรหรือ”

 

 

กู้เฉินหรงดื่มชา แล้ววางถ้วยชาลงบนโต๊ะ “ข้าได้ยินชื่อเสียงคุณหนูเฟิงมานานแล้ว รู้ว่าคุณหนูเฟิงเป็นยอดหญิง เสียดายที่ข้ามีคนรักแล้ว ไม่อาจแต่งงานกับคุณหนูเฟิง ต้องขออภัยคุณหนูเฟิงด้วย”

 

 

ในเมื่อไม่อาจทูลซุ่นตี้อย่างชัดเจน เขาจึงขอพูดกับเฟิงชิงสุ่ยให้ชัดเจนเอง เฟิงชิงสุ่ยต่างจากคุณหนูตระกูลใหญ่ทั่วไป เขาไม่อยากให้นางเข้าใจเขาผิด จึงอยากให้นางเข้าใจความคิดของเขา อย่าให้เกิดความรู้สึกที่ไม่เป็นผลดีต่อเขา

 

 

เวลานี้เขาต้องการซูจิ่วซือเท่านั้น ไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับหญิงอื่น ไม่เช่นนั้นซูจิ่วซือคงไม่พอใจ

 

 

เขาทุ่มเทมากมายกว่าซูจิ่วซือจะรับรัก ถ้าเขาจัดการเรื่องเฟิงชิงสุ่ยไม่ดี เขารู้ว่าซูจิ่วซือต้องจากไปแน่ นางไม่ใช่คนที่ยอมทนเพื่อเลี่ยงปัญหา เขาเองก็ไม่อยากทำให้นางเสียใจ

 

 

เฟิงชิงสุ่ยเชื่อมั่นในตัวเอง และนางสามารถช่วยฟู่เฉินหรงได้ นางจึงประหลาดใจที่ฟู่เฉินหรงปฏิเสธนาง

 

 

นางหลงรักฟู่เฉินหรง ยังมั่นใจว่าสามารถทำให้เขารักนางได้ คิดไม่ถึงว่าพอพบกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกก็ถูกเขาปฏิเสธ เดิมทีนางคิดว่าที่ฟู่เฉินหรงเชิญนางมายังวังตะวันออกเพราะเขาชอบนาง แต่กลับคาดผิด

 

 

ฟู่เฉินหรงปฏิเสธนางเพื่อหญิงคนหนึ่ง แสดงว่าเขาเป็นคนที่ยึดมั่นในความรักและคุณธรรม และยังแสดงว่าสายตานางใช้ได้ ดูคนไม่ผิด

 

 

ถ้าพลาดผู้ชายอย่างนี้ น่าเสียดายจริงๆ ยากที่จะเจอผู้ชายที่ทำให้นางหวั่นไหว จึงไม่อาจปล่อยไปง่ายๆ

 

 

สีหน้าเฟิงชิงสุ่ยเกร็งเล็กน้อย แล้วกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว นางพยักหน้าให้ฟู่เฉินหรง “หม่อมฉันเห็นองค์รัชทายาทครั้งแรกก็ประทับใจ ยินดีแต่งงานเป็นชายาของพระองค์

 

 

แต่หม่อมฉันก็ทราบดีว่าความรักนั้นไม่อาจฝืนใจ พระองค์ยึดมั่นในความรักและคุณธรรม หม่อมฉันชื่นชมองค์รัชทายาท การหมั้นหมายครั้งนี้เป็นราชโองการของฝ่าบาท หม่อมฉันจะไม่บีบให้องค์รัชทายาทรับหม่อมฉันเป็นชายา

 

 

หม่อมฉันมีความคิดหนึ่ง ไม่ทราบว่าองค์รัชทายาทอยากฟังหรือไม่”

 

 

“ยินดีฟังอย่างละเอียด”

 

 

“องค์รัชทายาทโปรดให้เวลาหม่อมฉันสามเดือน ถ้าพ้นสามเดือนนี้แล้วพระองค์ยังไม่อยากแต่งงานกับหม่อมฉัน หม่อมฉันจะเข้าเฝ้าฝ่าบาท ขอให้ทรงถอนราชโองการ ถึงตอนนั้นหม่อมฉันยังคงจะเกลี้ยกล่อมให้บิดายืนอยู่กับฝ่ายองค์รัชทายาท พระองค์เห็นอย่างไรเพคะ”

 

 

 

 

——

 

 

ตอนที่ 323 ไม่จำเป็น

 

 

 

 

เฟิงชิงสุ่ยจะใช้การถอยเป็นการรุก นางเป็นฝ่ายถอย ฟู่เฉินหรงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ ยามนี้เขาต้องการการสนับสนุนจากแม่ทัพสยบปฐพี

 

 

ถ้าการหมั้นหมายยังอยู่ ย่อมแสดงว่าแม่ทัพสยบปฐพีอยู่ข้างฟู่เฉินหรง

 

 

นี่เป็นเรื่องที่เป็นผลดีต่อเขา ไม่มีผลเสีย

 

 

ขณะนี้ฟู่เฉินหรงตกอยู่ในสภาพที่ภายในมีทุกข์ภายนอกมีภัย ถ้าแม่ทัพสยบปฐพี ยืนอยู่ข้างเขา ย่อมช่วยให้เขายืนได้อย่างมั่นคง นับว่าข้อเสนอของเฟิงชิงสุ่ยน่าสนใจมาก

 

 

“คุณหนูเฟิง ข้าแน่ใจว่าข้าไม่แต่งงานกับเจ้า อย่าว่าแต่สามเดือนเลย ต่อให้สามสิบปี ก็ไม่เปลี่ยนใจ

 

 

ถ้าคุณหนูเฟิงมีความคิดเช่นนี้ ขอให้เลิกคิดเถอะ ข้ายินดีร่วมมือกับคุณหนูเฟิง แต่ไม่คิดจะเอาความรักมาเสี่ยง ความรักของข้ามีให้คนคนเดียวเท่านั้น”

 

 

เฟิงชิงสุ่ยนึกไม่ถึงว่าฟู่เฉินหรงยังคงปฏิเสธ ในใจนางรู้สึกผิดหวัง แต่ยังไม่ยอมแพ้ “องค์รัชทายาทไม่กล้าแม้แต่จะให้เวลาข้าสามเดือนหรือ”

 

 

“ไม่จำเป็น ไม่มีความหมาย”

 

 

“ถ้าองค์รัชทายาทสามารถยกเลิกการหมั้นหมายครั้งนี้ กระหม่อมยินดีรอ ไม่บังอาจมีข้อสงสัยใดๆ แต่หม่อมฉันยังคงยืนยันว่าจะรอสามเดือนแล้วค่อยไปทูลฝ่าบาท หม่อมฉันจะไม่ทูลฝ่าบาทก่อนเวลาเด็ดขาด”

 

 

มุมปากเฟิงชิงสุ่ยมีรอยยิ้มผุดขึ้นเป็นครั้งคราว นี่คือความตั้งใจของนาง นางจะไม่เป็นฝ่ายยกเลิกงานแต่งงานเอง และเชื่อว่าเวลานี้ฟู่เฉินหรงไม่มีความสามารถที่จะยกเลิกการหมั้นหมายนี้ มีเรื่องมากมายรอให้เขาจัดการ ฝ่าบาทเองย่อมไม่ทรงเห็นด้วย

 

 

ฟู่เฉินหรงคาดไม่ถึงว่าเฟิงชิงสุ่ยจะยืนยันการตัดสินใจของนางเช่นนี้ ช่างเถอะ อย่างไรเขาก็พูดชัดเจนมากแล้ว ส่วนเฟิงชิงสุ่ยจะทำอย่างไร เขาไม่อาจยุ่งเกี่ยวได้

 

 

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็แล้วแต่คุณหนูเฟิงเถอะ” ที่ควรพูดก็พูดหมดแล้ว ฟู่เฉินหรงเตรียมออกคำสั่งให้ส่งแขก “เรื่องที่ข้าจะพูดก็พูดไปหมดแล้ว ถ้าคุณหนูเฟิงไม่มีเรื่องอื่น เชิญกลับเถอะ! ข้ามีงานราชการต้องจัดการ”

 

 

เฟิงชิงสุ่ยลุกขึ้น แล้วย่อตัวคารวะฟู่เฉินหรง “หม่อมฉันขอลา”

 

 

นางพูดจบก็ผละออกไปพร้อมกับชิวซูสาวใช้คนสนิท ฟู่เฉินหรงรู้สึกปวดหัว เรื่องนี้มีการประกาศไปทั่วแคว้นแล้ว ย่อมแพร่สะพัดไปถึงแคว้นเว่ยด้วย

 

 

ไม่รู้ว่าซูจิ่วซือจะเข้าใจเขาผิดหรือไม่ เขาคิดทบทวน จึงตัดสินใจเขียนจดหมายถึงซูจิ่วซือ

 

 

เขาอยู่ที่นี่ยังปลีกตัวไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคงกลับแคว้นเว่ยเพื่ออธิบายให้ซูจิ่วซือฟังอย่างกระจ่าง ที่ผ่านมาซูจิ่วซือเคยถูกทำร้ายจิตใจ จึงไม่ไว้ใจผู้ชาย เขากลัวว่าซูจิ่วซือจะไม่พอใจ

 

 

“องค์รัชทายาท เวลานี้วิธีที่ดีที่สุดคือการหมั้นหมายคุณหนูเฟิงเป็น พระองค์ควรพิจารณาให้ดี”

 

 

ปิงอวิ๋นได้ยินการสนทนาเมื่อครู่ จึงเข้ามาเตือน

 

 

ฟู่เฉินหรงขมวดคิ้ว “ข้ายังต้องพิจารณาอีกหรือ นี่เป็นทางลัดก็จริง แต่บังเอิญข้าไม่ชอบทางลัด ปิงอวิ๋น เจ้ารู้ดีว่าข้าคิดอย่างไร วันหลังขืนบังอาจพูดแบบนี้อีก ข้าไม่เอาเจ้ามาอยู่ใกล้ชิด”

 

 

“ผู้น้อยปากพล่อย หวังว่าองค์รัชทายาทจะให้อภัย แต่ผู้น้อยเป็นห่วงพระองค์ ผู้น้อยคิดว่าพระองค์ให้คุณหนูซูเป็นชายารองก็ได้ ทำเช่นนี้นางคงไม่น้อยใจ”

 

 

ปิงอวิ๋นก้มหน้ายอมรับผิด

 

 

“จะไม่น้อยใจหรือ จะให้จิ่วเอ๋อเป็นชายารองได้อย่างไร วันหลังอย่าพูดเรื่องนี้อีก”

 

 

ฟู่เฉินหรงพูดจบก็ไปที่ห้องหนังสือ เขียนจดหมายถึงซูจิ่วซือ

 

 

ปิงอวิ๋นรู้สึกเป็นห่วงฟู่เฉินหรง เขาเพิ่งมาถึงเมืองหลวงตูเฉิง การปฏิเสธโอกาสดีที่มาหาถึงบ้าน เป็นเรื่องที่ไม่ฉลาด แต่นางรู้นิสัยฟู่เฉินหรงดี จึงไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่หวังว่าพอถึงเวลาซูจิ่วซือจะคำนึงถึงสถานการณ์บ้านเมือง