เมื่อถังซีกลับถึงบ้านก็พบเซียวหงอี้กับเซียวเจี่ยนรอเธออยู่ เซียวเจี่ยนลุกขึ้นจากโซฟาเดินเข้ามาหาเธอ เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามา “พี่ได้ยินว่าเธอหายตัวไปหลังจากแสดงเสร็จ แล้วเธอก็ไม่รับโทรศัพท์พี่ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
ขณะกล่าวเซียวเจี่ยนมองถังซีขึ้นๆ ลงๆ ด้วยความห่วงใย และรู้สึกโล่งอกที่เห็นว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
ถังซีหยิบโทรศัพท์ออกมาดูก็พบว่ามีสายที่ไม่ได้รับจำนวนมากจากเซียวเจี่ยน และมีบางสายจากเซียวจิ่งด้วย “ฉันปิดเสียงโทรศัพท์น่ะ เลยไม่ได้ยินสายของพี่ ขอโทษนะคะ”
“เธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ดึกแล้วล่ะ ไปนอนเถอะ”
ถังซีส่ายศีรษะ แล้วมองไปที่ห้องหลินหรู กล่าวว่า “ฉันจะไปฝังเข็มให้คุณแม่ก่อน แล้วถึงจะไปนอนค่ะ”
เซียวหงอี้กล่าวว่า “แม่ของลูกหลับอยู่ ลูกฝังเข็มให้เธอเช้าวันพรุ่งนี้ก็ได้ ดึกมากแล้ว ไปนอนดีกว่า”
ถังซีดูเวลาแล้วพยักหน้า เดินขึ้นไปชั้นบน เมื่อได้ยินเซียวหงอี้ร้องเรียกจากทางด้านหลังเธอก็หันมามองกลับไป “คะ”
เซียวหงอี้ถามว่า “ลูกไปเรียนเปียโนมาตั้งแต่เมื่อไร”
“พี่ส่าสอนหนูค่ะ” ถังซียิ้มแล้วหันหลังขึ้นไปชั้นบน ทว่าในขณะหันหลังกลับรอยยิ้มบนใบหน้าเธอหายไป เป็นอย่างที่เธอคาดไว้ หลายคนสงสัยในตัวเธอ
เป็นเรื่องเข้าใจได้ เธอมีพฤติกรรมหลายอย่างน่าสงสัยเกินไป…
เซียวเจี่ยนมองตามหลังถังซี เม้มริมฝีปากแล้วหันไปหาเซียวหงอี้ ถามว่า “คุณพ่อครับ ทำไมถึงถามโหรวโหรวอย่างนั้นล่ะครับ เธอสามารถเรียนรู้ทักษะอะไรก็ได้มากมาย นั่นไม่ใช่เรื่องของเรา” เมื่อกล่าวจบ เขาก็หันหลังเดินขึ้นไปชั้นบน แต่เมื่อขึ้นบันไดไปได้เพียงสองขั้น จู่ๆ เขาก็หันกลับมามองเซียวหงอี้ และกล่าวอย่างเคร่งเครียด “คุณพ่อจำไม่ได้หรือครับว่าโหรวโหรวเป็นลูกสาวของคุณอาทั้งสอง ดังนั้นไม่ว่าเธอจะมีทักษะมากแค่ไหนก็ตาม ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะเธอคือคุณหนูตระกูลเซียว ไม่ใช่เด็กบ้านนอกอย่างที่ใครๆ เรียก”
ถังซีเข้ามาในห้องและปิดประตู เธอแนบหูแอบฟังที่ประตู เมื่อได้ยินการสนทนาของคนทั้งสอง ประกายความโศกเศร้าก็สั่นไหวอยู่ในดวงตา เธอหลับตาลง และถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
เธอคือถังซี แต่ต้องอยู่กับตัวตนของเซียวโหรว เธอเบื่อที่จะมีชีวิตเช่นนี้ แต่ไม่สามารถร้องทุกข์กับใครได้ เพราะไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนเธอก็ต้องทน ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เธอจะมีชีวิตอยู่ได้
ถังซีตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นก็เป็นเวลาแปดโมงครึ่งแล้ว เธอล้างหน้าแล้วออกไปทำโยคะที่ระเบียง ทันทีที่เห็นอาหกแอบด้อมๆ มองๆ อยู่บนถนน ถังซีรู้สึกขำแต่ก็รู้สึกอ่อนใจในเวลาเดียวกัน หลังจากเล่นโยคะเสร็จถังซีก็ลงไปชั้นล่าง และเห็นหลินหรูนั่งรถเข็นทานอาหารเช้าอยู่ในห้องนั่งเล่น
หลินหรูหันหลังมามองเมื่อได้ยินเสียงจากข้างบน เมื่อเธอเห็นถังซีลงบันไดมา ก็โบกมือให้ด้วยรอยยิ้ม ถังซียิ้มตอบและเดินเข้าไปหา ย่อตัวนั่งลงตรงหน้ามารดา และกล่าวเบาๆ ว่า “คืนนี้แม่นอนหลับสบายไหมคะ”
หลินหรูยิ้มและพยักหน้า “แล้ว…ลูก..ล่ะจ๊ะ… โหรวโหรว นอน…หลับ…สบายดีไหม”
แม้จะขาดเป็นช่วงๆ แต่เธอก็พูดได้แล้ว ถังซีคิดว่ามารดาจะพูดได้เป็นประโยคยาวๆ หากได้รับการฝังเข็มต่อไปอีกสองสามวัน
ถังซีพยักหน้า “สบายค่ะ หนูหลับสบายมากเมื่อคืนนี้ คงเพราะหนูเหนื่อยมากเมื่อวาน หนูไม่ฝันตลอดทั้งคืนเลยค่ะ”
“ดีแล้ว… โหรวโหรว…ไปทาน…อาหารเช้า…สิจ๊ะ” หลินหรูเอื้อมมือมาสัมผัสผมถังซี และชี้ไปที่โต๊ะอาหาร
ถังซียิ้มพลางพยักหน้า ก่อนลุกขึ้นเดินไปที่ห้องทานอาหาร เธอทักทายคุณปู่เซียวและนั่งลงทานอาหารเช้า
หลังจากฝังเข็มให้หลินหรูแล้ว ถังซีก็หาข้ออ้างออกไปข้างนอก อาหกจ้องอยู่ที่ประตูอยู่แล้ว เมื่อเห็น ถังซีออกมาในที่สุด เขาก็รีบลนลานเข้ามาหาเธอ “นายหญิงถัง… เอ่อ…เซียว… เอ่อ… นายหญิงน้อย ให้ผมพาตรงไปที่บริษัทเลยใช่ไหมครับ”
“เรียกฉันว่าคุณหนูก็พอ” ถังซีดึงประตูรถเปิดออก แล้วมองอาหกขณะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฟังดูแปลกๆ เวลาคุณเรียกฉันว่านายหญิง ที่สำคัญฉันอายุแค่ยี่สิบสามเท่านั้นเองนะ”
อาหกอึ้ง “…” คำพูดคุณหนูถือเป็นคำสั่งเด็ดขาดที่สุดอยู่แล้วครับ
บริษัทนี้… เฉียวเหลียงกล่าวไว้ว่าเป็นบริษัทของถังซี เมื่อเธอมาถึงประตูห้องทำงาน ก็ได้ยินเสียงคนพูดอยู่ข้างใน ฟังจากน้ำเสียงก็รู้ว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี ถังซียืนอยู่ข้างนอก รอให้คนข้างในคุยกันให้เสร็จ
“คุณจะบังคับผมแบบนี้เหรอ ผมไม่ปรากฏตัวให้ใครเห็นก็เพราะผมไม่ต้องการเข้าสังคม คุณยังจะออกหมายจับและสั่งให้ทหารรับจ้างของคุณตามล่าผมไปทั่วโลกอีก แล้วสุดท้ายกลับปรากฏออกมาว่าคุณต้องการให้ผมมาเป็นผู้บริหารของบริษัทเล็กๆ บริษัทนี้เท่านั้นหรือ เฉียวเหลียง คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไง”
เฉียวเหลียงกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ “คุณบอกไม่ใช่หรือว่าคุณจะทดแทนบุญคุณผม”
“บัดซบ! ผมยกบริษัทให้คุณสองแห่งเลยก็ได้! คุณอยากได้โรงงานเครื่องประดับของผมสองแห่งในอิตาลีไม่ใช่เหรอ ผมยกให้คุณทั้งสองแห่งเลย ตกลงไหม”
ดูเหมือนเฉียวเหลียงจะหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะทุ้มต่ำของเขาฟังดูมีเสน่ห์เหลือเกินสำหรับถังซี “ผมไม่ต้องการโรงงานพวกนั้นในตอนนี้”
“ใครเป็นเจ้าของบริษัทนี้ คุณไม่ได้ต้องการฟอกเงินใช่ไหม” น้ำเสียงชายคนนั้นฟังดูหัวเสียอย่างมาก
ถังซีเลิกคิ้ว ฟอก…เงิน เหรอ
“เฮ้ ฉู่หลิง อย่าพูดอย่างนั้นสิ หลงเซี่ยวของเราไม่เคยรับเงินผิดกฎหมาย เราไม่จำเป็นต้องฟอกเงิน จริงไหม” น้ำเสียงชายหนุ่มคนนี้ฟังดูสุภาพอ่อนโยน แต่ถังซีแน่ใจได้เลยว่าชายผู้นี้ต้องเป็นเสือซ่อนเล็บแน่ๆ … เดี๋ยวก่อนนะ… หลงเซี่ยวเหรอ หลงเซี่ยวกรุปใช่ไหม
กลุ่มองค์กรอันดับหนึ่งของโลก!
ถังซีส่งสายตาเป็นคำถามจ้องเขม็งไปที่อาหก ซึ่งค่อยๆ แย้มรอยยิ้มออกช้าๆ แล้วรีบผลักประตูเปิดออก ก่อนจะหันหลังวิ่งหนีไป…
ชายหนุ่มสามคนในห้องทำงานนิ่งเงียบ “…”
ถังซียืนอยู่ที่ประตู “…ฮ่าๆ … สวัสดี…” เธอมองไปที่ชายหนุ่มทั้งสาม สุดท้ายไปหยุดที่ใบหน้าฉู่หลิง เธอจ้องมองเขา จากนั้นก็เบิกตาโต อ้าปากค้าง “โอ นี่คุณ…”
ฉู่หลิงหรี่ตาลง “คุณนั่นเอง!”
ถังซีกะพริบตาปริบๆ ผู้ชายคนนี้โชคดีจริงๆ … เขาดูเหมือนกำลังจะตายอยู่ในห้องน้ำในครั้งนั้น ท่ามกลางความประหลาดใจของเธอ เขารอดชีวิตมาได้… แน่นอน เหตุผลอาจเป็นเพราะทักษะทางการแพทย์ของเธอดีมาก…
ถังซีเลิกคิ้ว แล้วยักไหล่ให้ฉู่หลิง เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว “พวกคุณรู้จักกันมาก่อนเหรอ”
ลู่หลีก็มองคนทั้งสองด้วยความสนใจเช่นกัน นี่ควรจะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน แต่จากปฏิกิริยาของคนทั้งสอง อาจมีบางสิ่งที่น่าสนใจระหว่างพวกเขา
“ฮ่าๆ …” ถังซีหัวเราะกลบเกลื่อน “เราเคยพบกันโดยบังเอิญครั้งหนึ่ง”
“คุณแน่ใจหรือว่าธรรมดาๆ แค่นั้น” ฉู่หลิงหรี่ตามองถังซีอย่างเย็นชา “คุณเป็นผู้หญิงคนแรกที่กล้าขู่ผม!”
ถังซีคำรามเบาๆ ในลำคอ จ้องมองฉู่หลิงเขม็ง และวิ่งไปหาเฉียวเหลียงเพื่อหาที่กำบัง ขณะหันหน้าไปเผชิญกับฉู่หลิง “คุณก็เป็นคนแรกที่กล้าขู่ฉันเหมือนกัน แม้ว่าฉันจะช่วยชีวิตคุณไว้ก็ตาม!”
เฉียวเหลียงเลิกคิ้วมองถังซี “เกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณสองคน”
ถังซีมองหน้าฉู่หลิงพลางอุทานในใจ ทำไมโลกถึงได้แคบอย่างนี้นะ จากนั้นเธอก็เล่าให้เฉียวเหลียงฟังว่าเธอช่วยชีวิตฉู่หลิงในห้องน้ำในครั้งนั้นอย่างไร เฉียวเหลียงมองถังซีด้วยความประหลาดใจ ลู่หลีก็ประหลาดใจเช่นกัน “คุณมีความรู้ทางการแพทย์ด้วยเหรอ”