ถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง แต่ใครจะรู้ว่าตัวเขาจะต้องแบกรับกับชะตากรรมที่แสนจะหนักหน่วงเช่นนี้

ความรู้สึกหายใจไม่ออกทำให้มู่เฉียนซีแทบจะเป็นลม จิ่วเยี่ยจึงได้ปล่อยมู่เฉียนซี แสงสีเลือดในดวงตาที่เย็นยะเยือกคู่นั้นยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ซี ออกไป!” จิ่วเยี่ยก้มหน้ามองมู่เฉียนซีพลางกล่าว

“ข้าเป็นหมอประจำตัวเจ้า ในขณะที่ผู้ป่วยกำลังอาการหนักเช่นนี้ จะให้หมอหนีไปมันไม่ถูก!” มู่เฉียนซีขมวดคิ้วพลางกล่าว

“ข้าจะทำร้ายเจ้า จนกระทั่งฉีกเนื้อเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ!” น้ำเสียงที่เย็นชานั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายทารุณ

“นี่เจ้ายังไม่ลงมือทำอะไรอีกรึ ?” มู่เฉียนซีไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย

นิรันดร์กล่าวอย่างกลัดกลุ้มใจว่า “เจ้าทำใจเสียเถอะ ลงมือตอนนี้ยังทัน ข้าจะช่วยเจ้าทำทุกอย่างเพื่อกำจัดชายอันตรายผู้นี้”

“บอกวิธีมาเถอะ!”

“ข้าจะพูดเรื่องสุดท้าย หลังจากฟังจบ เจ้าจะตัดสินใจเลือกอย่างไรข้าก็จะไม่ห้ามเจ้า ก็ใครใช้ให้เจ้ามาเป็นผู้เป็นพันธสัญญากับข้าล่ะ” ตอนนี้นิรันดร์ก็เคร่งขรึมขึ้นมาแล้ว

“ถึงแม้ว่าในที่สุดเขาจะรอดตายอยู่บนกระดูกของคนทั้งโลก แต่อีกด้านหนึ่งของคำสาปเจ้าก็อย่าได้ลืมไป ตอนนี้เขายังควบคุมได้ แต่เมื่อไหร่ที่เขาควบคุมไม่ได้ แม้แต่สาวงามนับหมื่นในวังหลังก็มิอาจมีชีวิตรอด”

มู่เฉียนซีสะดุ้งไปเล็กน้อย จากนั้นนางก็ยิ้มและกล่าวว่า “นิรันดร์ เจ้าเป็นถึงหม้อเทพนิรันดร์ ส่วนข้าก็เป็นถึงนักปรุงยาที่มีพรสวรรค์อันเลิศล้ำที่เจ้ายอมรับ เป็นไปไม่ได้เลยรึที่จะจัดการกับคำสาปเล็ก ๆ นี่ ?”

“ข้าเชื่อในตัวเอง เชื่อในคำชี้แนะของเจ้า และข้าก็เชื่อในพลังการควบคุมของจิ่วเยี่ยด้วย เพราะฉะนั้นเจ้าหยุดพูดจาไร้สาระจะได้หรือไม่”

นิรันดร์ยิ้มพลางกล่าวว่า “สมกับที่เป็นพันธสัญญาของข้ายิ่งนัก อันตรายเช่นนี้ก็กล้าที่จะเผชิญ”

“รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองเล่นอยู่กับไฟแล้วไฟจะเผาตน แต่ก็ยังอวดดีบ้าระห่ำต่อไป เช่นนั้น ข้าผู้เป็นหม้อเทพนิรันดร์ หนึ่งในเก้าของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ หม้อวิญญาณนิรันดร์ก็ไม่ใช่ผู้ที่เกรงกลัวต่อความท้าทาย ข้าจะเดิมพันครั้งนี้ด้วย!” น้ำเสียงของนิรันดร์แฝงไปด้วยความตื่นเต้น

ในตอนนี้เอง เสียงที่กลัดกลุ้มใจเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “นังผู้หญิงโง่ เจ้าตัดสินใจเช่นนี้โดยที่ไม่ถามผู้เป็นพันธสัญญาอย่างข้าสักคำ”

“ศาลาน้อย ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งกี่คราแล้วว่าพูดจากับหญิงงามให้อ่อนโยนหน่อย”

อาถิงตวาดใส่อย่างเย็นชา “ใครจะเจ้าเล่ห์เหมือนเจ้าล่ะ”

มู่เฉียนซีกล่าวถาม “ในเมื่ออาถิงปริปากออกมาแล้ว งั้นเจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรล่ะ ?”

อาถิงกล่าว “หวงจิ่วเยี่ยจะตายไม่ได้ และจะเป็นอะไรไปไม่ได้ด้วย เรื่องนี้ข้ามอบให้เป็นหน้าที่พวกเจ้าแล้ว ถึงแม้ว่าข้าอยากจะให้เขาตายไปจริง ๆ ก็ตาม!”

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “อืม! ข้าเข้าใจแล้ว!

นิรันดร์กล่าวว่า “ต่อไปก็จะเป็นนทีแห่งวิญญาณชนิดหนึ่ง เจ้าต้องจดจำเอาไว้ให้ดี น้ำอมฤตยังมีอยู่หรือไม่!”

“มี!”

นิรันดร์บอกสูตรนทีแห่งวิญญาณให้กับมู่เฉียนซี สมุนไพรวิญญาณเหล่านี้มู่เฉียนซียังมีอยู่ มู่เฉียนซีหันมองจิ่วเยี่ย ก่อนจะกล่าวถามว่า “จิ่วเยี่ย เจ้ายังควบคุมได้อีกนานแค่ไหน อีกอึดใจเดียวข้าก็จะปรุงยายับยั้งให้เจ้าได้แล้ว”

จิ่วเยี่ยมองมู่เฉียนซี ทว่า เขาไม่ได้เปล่งเสียงตอบอะไรนาง แต่กลับกอดนางเอาไว้แน่น

มู่เฉียนซีกล่าว “จิ่วเยี่ย ปล่อยข้า ข้าจะปรุงยา!”

อืม……

ในตอนนี้ได้เข้าสู่กรงเล็บปีศาจของจิ่วเยี่ยแล้ว คิดจะไปปรุงยานั้นล้วนแต่เป็นเรื่องเพ้อฝัน

ทว่า สุดท้ายแล้วจิ่วเยี่ยก็เรียกสติกลับมาได้ เขาปล่อยมือจากมู่เฉียนซี และกล่าวว่า “ออกไป!”

มู่เฉียนซีเดินออกมาจากบ่อน้ำนั่น และนางก็มิได้คิดจะหาห้องปรุงยาที่เงียบสงบแต่อย่างใด จากการที่นางโดนทดสอบมาเป็นพิเศษแล้ว พลังจิตของนางก็แข็งแกร่งขึ้น ในสนามรบนางก็สามารถปรุงยาออกมาสำเร็จได้ ครั้งนี้นางก็ต้องทำได้เช่นกัน

ทว่า มู่เฉียนซีกลับมองข้ามจุดจุดหนึ่งไป อยู่ต่อหน้าจิ่วเยี่ยเช่นนี้ เกรงว่าจะอันตรายกว่าสนามรบที่วุ่นวายนั้นมากนัก

ครั้นแล้วมู่เฉียนซีก็เริ่มทำการปรุงยาในจุดที่อยู่ไม่ไกลจิ่วเยี่ยมากนัก แรกเริ่มนั้นจิ่วเยี่ยยังสามารถควบคุมควบคุมเอาไว้ได้ แต่ในขณะที่มู่เฉียนซีเพิ่งจะเริ่มปรุงยา จิ่วเยี่ยก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังนาง

จูบอันเย็นยะเยือกตกลงบนหลังของนาง ร่างของมู่เฉียนซีสั่นสะท้าน ประเดี๋ยวเดียวนั้นเองหม้อยาก็เละเป็นโคลน

มู่เฉียนซีพบว่าจิ่วเยี่ยมีจิตสังหารต่อนางมากกว่าใคร!

นิรันดร์ยิ้มพลางกล่าวว่า “ที่รัก ทักษะของเจ้ายังอ่อนด้อย! โดนยั่วเย้าเล็กน้อยแค่นี้ก็หลอมยาล้มเหลวเสียแล้ว นึกถึงข้าในเมื่อก่อน ข้าสามารถทำเรื่องอย่างว่าและหลอมยาไปพร้อมกันได้ด้วยนะ”

สีหน้าของมู่เฉียนซีดำคล้ำด้วยความโกรธ ภาพนั้นเขาทนมองไม่ได้จริง ๆ นึกไม่ถึงว่านิรันดร์จะกล่าวอย่างภาคภูมิใจเช่นนี้

นิรันดร์กล่าวว่า “อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร รอให้ข้าจุติร่างกลายเป็นมนุษย์ได้เมื่อไหร่ ข้าจะฝึกฝนให้เจ้าเอง”

“ไสหัวไปให้พ้น!” มู่เฉียนซีโกรธเกรี้ยวผู้ทำพันธสัญญานี้มาก

มู่เฉียนซีจัดการกับสถานการณ์ที่พังพินาศนี้และกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “จิ่วเยี่ย ตอนนี้ข้าต้องการปรุงยา รอให้นทีแห่งวิญญาณปรุงสำเร็จเมื่อไหร่เจ้าก็จะไม่เป็นไรแล้ว ตอนนี้เจ้าปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่” ตอนนี้จิ่วเยี่ยคว้ามู่เฉียนซีมากอด มันช่างยุ่งเหยิงยิ่งนัก!

ตอนนี้พลังจิตอันทรงพลังและความสามารถในการต่อต้านการรบกวน ล้วนแต่ติดลบภายใต้การรุกรานของจิ่วเยี่ย หากปรุงยาภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ล้วนแต่เป็นการสิ้นเปลืองสมุนไพรวิญญาณเปล่า!

อีกอย่างน้ำอมฤตก็เหลือไม่มากแล้ว นางมิอาจใช้ฟุ่มเฟือยได้ เมื่อครู่ประเมินค่ากำลังสู้รบของจิ่วเยี่ยต่ำเกินไป จึงทำให้สูญเสียยาไปชุดหนึ่ง

“จิ่วเยี่ย……”

ตอนนี้จิ่วเยี่ยไม่ปล่อยมือแล้ว ดูเหมือนว่ายังมีสติเหลืออยู่เพียงน้อยนิด เหงื่อเย็นผุดพรายขึ้นทั่วหน้าผากของมู่เฉียนซี ไม่ว่านางจะขัดขืนเช่นไรก็มิอาจต้านทานได้

“จิ่วเยี่ย……”

อืม!

“เจ้า……”

“เหอะ เหอะ เหอะ! นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าจิ่วเยี่ยกำลังทำเรื่องส่วนตัวอยู่! เช่นนั้นข้าไม่รบกวนแล้ว”

ดวงตาของจิ่วเยี่ยยิ่งทวีความอันตรายมากขึ้น มู่เฉียนซีรีบตะโกนขึ้นว่า “จื่อโยว รีบมาเอาตัวนายเจ้าออกไปก่อน ข้าจะปรุงยา รอให้ข้าปรุงยาเสร็จจิ่วเยี่ยก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว”

“เอ่อ……อันที่จริงแล้วนี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของเยี่ยเลยนะ! ก็แค่ ต้องรบกวนสาวน้อยผู้งดงามสักหน่อยเท่านั้นเอง”

จื่อโยวทำท่าทางเหมือนกำลังดูการแสดง มู่เฉียนซีกัดฟันกรอดและกล่าวว่า “จื่อโยว หากเจ้ายังไม่ลงมือรับรองข้าจะเตรียมของขวัญชุดใหญ่ให้เจ้าแน่ เจ้ารอวันที่เจ้าจะต้องเป็นขันทีไปตลอดชีวิตได้เลย!”

สำหรับจื่อโยวผู้ที่ชื่นชอบชีวิตสำมะเลเทเมามาโดยตลอด การข่มขู่เช่นนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด จื่อโยวได้ยินเช่นนี้ก็อดที่จะตัวสั่นไม่ได้

ถึงแม้ว่าสาวน้อยผู้งดงามผู้นี้ไร้ซึ่งวิธีที่จะวางยาเขาด้วยตัวนาง แต่หากนางปริปากบอกให้เยี่ยลงมือแล้วล่ะก็ เขาต้องซวยแน่ ๆ

ล่วงเกินใครก็ได้แต่มิอาจล่วงเกินสาวน้อยผู้งดงามผู้นี้! จื่อโยวกล่าว “โถ่ แม่สาวคนสวย เมื่อครู่ข้าก็เพียงแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้น! คำพูดของเจ้าข้ารึจะกล้าขัด! ทั้งหมดนี้ก็ล้วนแต่ทำเพื่อเยี่ย”

ตูม! จื่อโยวลงมือแล้ว

ยั่วยุเยี่ยในสถานการณ์เช่นนี้ จื่อโยวสามารถจินตนาการได้เลยว่าเขาจักต้องน่าเวทนาเพียงใด แต่ร่อแร่ก็ยังดีกว่าชาตินี้ร่างกายไม่ครบประการ อย่างไรเสียมันก็คุ้มค่ากว่า

แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของจิ่วเยี่ย ร่างสีดำกะพริบและโจมตีจื่อโยวอย่างไร้ความปรานี

มู่เฉียนซีถอนหายใจด้วยความโล่ง ในที่สุดก็เป็นอิสระสักที นางพรวดออกมาจากลานด้านหลังและหาห้องปรุงยาเจอ จากนั้นก็เริ่มทำการปรุงยา

มู่เฉียนซีปรุงยาอย่างรวดเร็วที่สุดเพื่อแข่งกับเวลา และในที่สุด ในขณะที่นทีแห่งวิญญาณปรุงออกมาได้สำเร็จ ทันใดนั้น……

ปัง!

ประตูด้านหน้าถูกเปิดออก กลิ่นคาวเลือดโชยเข้ามา เงาร่างสีดำนั้นบีบบังคับให้มู่เฉียนซีร่นตัวถอยไปประชิดมุมห้อง