บทที่ 1370 ผู้นำคนใหม่

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

สุดท้ายวูหยงตัดสินใจทำตามแผนการของฟางหยวน

 

นี่เป็นโอกาสที่ดี!

 

มันเป็นโอกาสสำหรับตระกูลวู

 

ก่อนหน้านี้สถานการณ์ของตระกูลวูค่อนข้างลำบาก วูหยงไม่ต้องการเผชิญหน้ากับมันอีก

 

และเขายังเข้าใจว่าตราบเท่าที่ผู้อมตะระดับแปดยังไม่ตาย ตระกูลวูก็มีรากฐานที่เพียงพอและจะไม่ล้มลงง่ายๆ

 

เขาให้ฟางหยวนยืมวิญญาณอมตะ!

 

ฟางหยวนจะได้รับวิญญาณอมตะขีดจำกัดชื่อเสียง

 

สำหรับวิญญาณอมตะสายโลหิต?

 

ตระกูลวูไม่สามารถตัดสินใจโดยไม่พิจารณาให้รอบคอบ

 

หากพวกเขารู้สึกถึงความไม่สมเหตุสมผล พวกเขาจะโต้กลับและปฏิเสธ

 

ความระมัดระวังเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกองกำลังใหญ่ทั้งหมด

 

วิญญาณอมตะทุกดวงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพวกมัน กระทั่งวิญญาณอมตะระดับหกก็ถือเป็นรากฐานที่สำคัญของกองกำลังต่างๆ

 

วิญญาณอมตะไม่สามารถถูกยืมโดยง่าย

 

ฟางหยวนต้องหาเหตุผลมากมายในระยะเวลาสั้นๆ นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย

 

แต่ในที่สุดเขายังสามารถยืมวิญญาณอมตะหกดวง!

 

“วิญญาณอมตะหกดวงเพียงพอแล้ว หากยืมมากกว่านี้ พลังงานอมตะของเจ้าอาจไม่เพียงพอ” วูหยงปฏิเสธคำขอของฟางหยวนอย่างสุภาพ

 

การให้คนเพียงผู้เดียวยืมวิญญาณอมตะหกดวงเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก

 

ไม่ใช่ว่าตระกูลวูสงสัยในตัวตนของวูอี้ไห่ แต่หากเกิดสิ่งใดขึ้นกับเขา วิญญาณอมตะเหล่านี้จะหายไป มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ต่อรากฐานของตระกูลวู

 

อย่าใส่ไข่ทั้งหมดลงในตะกร้าใบเดียว นี่เป็นตรรกะที่ทุกคนยอมรับ

 

ฟางหยวนถอนหายใจ “พี่ใหญ่ คำเตือนของท่านเป็นเรื่องจริง ข้าเหลือพลังงานอมตะไม่มาก พี่ใหญ่ ข้าขอยืมหินวิญญาณอมตะเพื่อเติมเต็มพลังงานอมตะของข้าด้วย!”

 

เขาตัดสินใจรับผลประโยชน์เพิ่มเติม

 

วูหยงตกลงโดยไม่ลังเล หากปราศจากพลังงานอมตะ วิญญาณอมตะเหล่านั้นก็ไร้ความหมาย หลังจากให้ยืมวิญญาณอมตะจำนวนมาก พวกเขาต้องแน่ใจว่าพวกมันจะถูกใช้งานอย่างมีประโยชน์

 

ฟางหยวนได้รับหินวิญญาณอมตะหนึ่งแสนก้อน

 

ตระกูลวูแสดงให้เห็นถึงรากฐานอันยิ่งใหญ่ของพวกเขาอีกครั้ง

 

“ใช้พวกมันอย่างประหยัด”

 

“เจ้าต้องใช้หินวิญญาณอมตะและวิญญาณอมตะเหล่านี้อย่างระมัดระวัง!”

 

วูหยงเตือนฟางหยวน

 

วิญญาณอมตะและหินวิญญาณอมตะถูกส่งผ่านสวรรค์สีเหลืองและทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง

 

เมื่อฟางหยวนได้รับพวกมัน เขาก็เปลี่ยนหินวิญญาณอมตะให้เป็นพลังงานอมตะของตนอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันเขาก็โยนวิญญาณอมตะทั้งหกดวงลงไปในแม่น้ำหวนคืน

 

หลังการต่อสู้ครั้งนี้ตัวตนของวูอี้ไห่จะถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน

 

คำกล่าวเพียงไม่กี่คำของวังสวรรค์เพียงพอที่จะดึงดูดความสงสัย ฟางหยวนสามารถผ่านด่านการตรวจสอบที่เข้มข้น เพียงการค้นวิญญาณหรือตรวจมิติช่องว่าง ตัวตนของเขาก็จะถูกเปิดเผยอย่างชัดเจน

 

ดังนั้นก่อนหลบหนี เขาต้องทำกำไรให้ได้มากที่สุด

 

‘น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถยืมคฤหาสน์วิญญาณอมตะ’ ฟางหยวนรู้สึกเสียดาย แม้เขาจะหลอกและกอบโกยผลประโยชน์จากตระกูลวูถึงระดับนี้ แต่เขายังไม่พอใจ!

 

สำหรับกองกำลังใหญ่ คฤหาสน์วิญญาณอมตะมีความสำคัญกับพวกเขามากกว่าวิญญาณอมตะ

 

พวกเขาไม่สามารถให้ฟางหยวนยืมไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น!

 

เว้นเพียงฟางหยวนจะกลายเป็นตัวตนเช่นวูหยงที่มีอำนาจสูงสุดในตระกูลวู

 

เช่นเดียวกับที่ไห่เจิ้งยืมคฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬจากผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของตระกูลไห่

 

หากฟางหยวนเอ่ยปากยืมคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ความคิดแรกของวูหยงจะเป็น ‘น้องชายของข้าต้องการยืมคฤหาสน์วิญญาณอมตะ หลังการต่อสู้ครั้งนี้หากเขาไม่ส่งคืนและหันไปร่วมมือกับตระกูลเฉียวเพื่อต่อต้านข้า ข้าจะทำอย่างไร?’

 

นอกจากนี้คฤหาสน์วิญญาณอมตะก็ไม่สามารถส่งผ่านสวรรค์สีเหลือง

 

หากต้องแยกร่างมัน การสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะขึ้นมาใหม่จะเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างที่สุด

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะถือเป็นจุดสูงสุดของค่ายกลวิญญาณ หากล้มเหลว ผู้อมตะต้องเผชิญหน้ากับฟันเฟืองและจบลงอย่างน่าสมเพช

 

มีความเสี่ยงมากเกินไป ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่สามารถยืนคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

 

นอกจากวูอี้ไห่จะเป็นน้องชายของวูหยง เขายังสร้างผลงานมากมายให้กับตระกูลมาก่อนหน้านี้ นั่นทำให้การยืมวิญญาณอมตะและหินวิญญาณอมตะประสบความสำเร็จ

 

ฟางหยวนเฝ้ามองการต่อสู้ระหว่างนิกายเงาและวังสวรรค์ขณะเดียวกันก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากทุกทิศทาง

 

แม้เขาจะพยายามอย่างหนักแต่สถานการณ์ไม่เป็นไปตามความปรารถนาของเขา ราชันมังกรของวังสวรรค์ทรงพลังเกินกว่าที่จะจินตนาการถึง

 

นิกายเงาแพ้ วังสวรรค์ชนะ สิ่งนี้เป็นเรื่องที่แน่นอน

 

กระทั่งร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณก็ยังถูกจับกุม หากนิกายเงายังมีวิธีอื่น พวกเขาคงใช้มันไปแล้ว

 

กล่าวถึงรากฐานของนิกายเงา มันลึกมาก น่าเสียดายที่พวกเขาพบการสูญเสียที่รุนแรงเกินไปเมื่อพวกเขาพยายามหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะบนภูเขาอี้เทียน

 

มันเป็นการสูญเสียที่ไม่สามารถกู้คืน

 

‘แต่ข้าสามารถจับกายาแห่งความฝันและได้รับคริสตัลสวรรค์มากมาย ขณะนี้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกำลังเติบโตขึ้น ข้ายังได้รับวิญญาณอมตะหกดวงและหินวิญญาณอมตะอีกหนึ่งแสนก้อนจากตระกูลวู นี่ถือเป็นกำไรมหาศาลจริงๆ!’

 

ฟางหยวนเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ค่อนข้างดี

 

จนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้ต่อสู้ เขาไม่ได้ทุ่มเทสิ่งใด แต่เขากลับสามารถทำกำไรก้อนใหญ่

 

‘น่าเสียดายที่วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดไม่สามารถเรียกคืน ข้าไม่สามารถนำมันออกมาในเวลานี้ หากค่ายกลวิญญาณแตกสลาย ข้าต้องเผชิญหน้ากับเทพธิดาจื่อเว่ยโดยตรง’

 

‘ยังมีอีกปัญหา นั่นคือข้อตกลงพันธมิตรของตระกูลวู นอกจากนี้ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของข้าก็ยังอยู่ในตระกูลวู’

 

ปัญหานี้ทำให้ฟางหยวนรู้สึกปวดหัว

 

เหตุผลที่เขาสามารถหลอกยืมวิญญาณอมตะจากตระกูลวูโดยปราศจากปัญหาเพราะความสัมพันธ์ที่ฟางหยวนพยายามสร้างขึ้นอย่างยากลำบาก

 

นักหมากรุกที่เก่งกาจต้องวางแผนล่วงหน้าอย่างแยบยล

 

แม้ตอนนี้ฟางหยวนจะติดอยู่ในสนามรบแต่เขาต้องวางแผนสำหรับอนาคต

 

“สมาชิกฝ่ายปีศาจช่างร้ายกาจและโลภมากนัก กระทั่งก่อนตาย เจ้าก็ยังหลอกลวงผู้อื่น โอ้ ฟางหยวน อาชญากรรมของเจ้าร้ายแรงเกินไป เจ้าจะตายวันนี้อย่างไม่ต้องสงสัย! ไม่มีความหวังที่จะหลบหนี!” เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงของเทพธิดาจื่อเว่ยดังขึ้น

 

เทพธิดาจื่อเว่ยรู้เรื่องที่ฟางหยวนยืมวิญญาณอมตะและหินวิญญาณอมตะจากตระกูลวู

 

หลังจากทั้งหมดสวรรค์สีเหลืองเป็นตลาดเปิด

 

ฟางหยวนเย้ยหยัน “นี่เป็นเพราะวังสวรรค์ไม่เปิดเผยตัวตนของข้าก่อนหน้านี้ ดูเหมือนเจ้าจะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด แท้จริงแล้วแม้เจ้าจะทำ แล้วอย่างไร? ตระกูลวูจะเชื่อเจ้างั้นหรือ? ผู้อมตะภาคใต้จะเชื่อพวกเจ้างั้นหรือ? พวกเขาจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาได้พิสูจน์ด้วยตนเองเท่านั้น ฝ่ายธรรมะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าเรื่องใด พวกเขาก็ต้องคิดถึงแผนการทางการเมืองของตนเองเสมอ”

 

เทพธิดาจื่อเว่ยเงียบ

 

นางเข้าใจจิตใจที่แน่วแน่และมั่นคงของฟางหยวน ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะไม่พยายามตอบโต้อย่างไร้ประโยชน์

 

การรุกรานค่ายกลวิญญาณของนางเร็วขึ้น

 

การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนแปลงไป

 

ด้วยความเร็วนี้ แม้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกำลังเติบโตขึ้น มันก็ยังสายเกินไป

 

ตอนนี้เขามีวิญญาณอมตะขีดจำกัดชื่อเสียง

 

แผนการของเขาคือใช้มันควบคุมอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด

 

แต่ฟางหยวนยังไม่มีความมั่นใจในเรื่องนี้มากนัก

 

เนื่องจากอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิด มันมีพลังการต่อสู้ระดับแปด ขณะที่วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับเจ็ด สิ่งเดียวที่ทำให้ฟางหยวนมีความหวังคือชื่อเสียงที่ทรงพลังของเขา

 

หากมันไม่ประสบความสำเร็จ เขาจะปล่อยอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดออกไปสร้างความโกลาหลและฉวยโอกาสหลบหนี

 

ตอนนี้สนามรบแบ่งออกเป็นสี่ส่วน

 

สนามรบแรกคือการต่อสู้ระหว่างราชันภูเขาม่วงและราชันมังกร พวกเขากำลังต่อสู้อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงา แต่มีโอกาสสูงมากที่ราชันมังกรจะได้รับชัยชนะ

 

สนามรบที่สองคือหอคอยดวงตาสวรรค์และจ้าวเย่ฮุ้ย ทั้งสองไม่สามารถเอาชนะกันและกัน แม้จ้าวเย่ฮุ้ยจะสามารถฟื้นตัว แต่ร่างกายของมันยังเต็มไปด้วยบาดแผล ขณะที่หอคอยดวงตาสวรรค์อยู่ในสภาพที่น่าสมเพช

 

สนามรบที่สามคือการต่อสู้ระหว่างกลุ่มผู้อมตะภาคใต้และกองทัพอสูรวิญญาณ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักในสนามรบนี้

 

สนามรบที่สี่คือการต่อสู้ระหว่างเทพธิดาจื่อเว่ยและฟางหยวน สนามรบนี้ลึกลับที่สุด กระทั่งผู้อมตะภาคใต้ก็ยังไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น

 

ในความคิดเห็นของฟางหยวน มันมีข้อสรุปที่แน่นอน วังสวรรค์จะเป็นผู้ชนะ ในสถานการณ์นี้เขาทำได้เพียงหลบหนี

 

แต่ฟางหยวนเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ แม้เขากำลังจะแพ้ แต่เขายังสามารถกอบโกยผลประโยชน์มหาศาล

 

‘ตอนนี้ถึงเวลาหาทางหลบหนีแล้ว’

 

ฟางหยวนทำงานหนักเพื่อเป้าหมายนี้ แต่ในเวลานี้เขากลับได้ยินเสียงของราชันภูเขาม่วง “ฟางหยวน พวกเรายังสามารถร่วมมือกันต่อไปหรือไม่?”

 

ฟางหยวนรู้สึกสนใจมาก “แน่นอน”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ดีมาก ข้ามองเจ้าไม่ผิดจริงๆ”

 

“ข้าจะมอบทุกสิ่งให้เจ้าไม่ว่าจะเป็นวิญญาณอมตะของข้า ท่าไม้ตายอมตะของข้า หรือประสบการณ์มากมายของข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องรับผิบชอบหรือทำงานใดๆเพื่อแลกเปลี่ยนกับพวกมัน!”

 

“อิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน กระต่ายขาว เมี่ยวหยิน และผมที่หก พวกเขาทั้งหมดจะเป็นลูกน้องของเจ้า!”

 

“จากนี้ไปเจ้าจะเป็นผู้นำของนิกายเงา!”