บทที่ 1371 ความตายของราชันภูเขาม่วง (1)

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

“ให้ข้าเป็นผู้นำนิกายเงา?” ฟางหยวนตะลึง

 

เหลือเชื่อ!

 

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าสถานการณ์จะพัฒนามาเป็นเช่นนี้

 

‘ข้าเป็นศัตรูกับนิกายเงา ข้ายังฉกชิงวิญญาณทารกอมตะมาจากพวกเขา’

 

‘เหตุใดราชันภูเขาม่วงถึงทำเช่นนี้?’

 

‘เขามีแผนการใด?’

 

ความคิดมากมายปะทุขึ้นในใจของฟางหยวน

 

“ราชันภูเขาม่วง นี่หมายความว่าอย่างไร?” ฟางหยวนถาม

 

ราชันภูเขาม่วงอธิบาย “ฮ่าฮ่าฮ่า ฟางหยวน อย่ากังวลว่านี่จะเป็นแผนการ ไม่มีสิ่งใด มันเป็นเพียงเพราะข้ากำลังจะตาย! ร่างหลักของข้าถูกจับ ราชันมังกรอยู่ที่นี่ เขาจะจัดการข้าและดูดซับผลประโยชยน์จากข้า”

 

“ยุคที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง ฟางหยวน!”

 

“วังสวรรค์ต้องการเป็นผู้นำของห้าภูมิภาคและปกครองมวลมนุษยชาติทั้งหมด”

 

“วังสวรรค์จะไม่ปล่อยเจ้าไปเพราะเจ้าไม่ใช่จ้าวเหยียนหลุน เจ้าคือปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์ เจ้ามีมิติช่องว่างจักรพรรดิตลอดถึงมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งโชค!”

 

“เจ้าไม่ใช่คนของโลกใบนี้ เจ้าเป็นผู้ท้าทายต่อโชคชะตา ที่มาของเจ้าไม่สามารถตรวจสอบ เจ้าเป็นความไม่แน่นอนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสวรรค์พิภพ”

 

“เจ้าเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของวังสวรรค์ หากเจ้าไม่กำจัดวังสวรรค์ พวกเขาก็จะกำจัดเจ้า!”

 

“นิกายเงาของข้าท้าทายสวรรค์ วังสวรรค์จึงเป็นอุปสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ของพวกเรา แต่กระทั่งเราจะพ่ายแพ้ ข้าก็ยินดีมอบทุกสิ่งของข้าให้เจ้ามากกว่าศัตรูของเรา ฮ่าฮ่าฮ่า”

 

ราชันภูเขาม่วงหัวเราะ

 

ฟางหยวนไตร่ตรอง ‘แม้จะตายก็ไม่ยอมให้ศัตรูมีช่วงเวลาที่ง่ายดาย สมเหตุสมผล อย่างไรก็ตามข้าต้องตรวจสอบบางอย่าง’

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาจึงถามราชันภูเขาม่วง “ท่านเคยกล่าวไว้ว่าร่างทารกอมตะมีข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ มันคือสิ่งใด?”

 

ราชันภูเขาม่วงหัวเราะคิกคัก “เจ้าไม่สังเกตเห็นข้อบกพร่องนี้งั้นหรือ? เดาไม่ยาก คำตอบคืออาหาร ร่างทารกอมตะไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์ แม้มันจะมีเลือดเนื้อ แต่แก่นแท้ของมันก็คือวิญญาณอมตะระดับเก้า ตั้งแต่มันเป็นวิญญาณอมตะระดับเก้า มันก็จำเป็นต้องกินอาหาร!”

 

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเจิดจ้า “ข้าเดาไม่ผิด สิ่งที่ข้าอยากถามก็คืออาหารของมันคือสิ่งใด?”

 

ราชันภูเขาม่วงหัวเราะเสียงดัง “เจ้าเดาไม่ได้จริงๆงั้นหรือ? เจ้าเพียงทดสอบความจริงใจของข้า แต่ข้าจะบอกเจ้า”

 

ราชันภูเขาม่วงบอกคำตอบแก่ฟางหยวนและทำให้เขาต้องสูดหายใจลึก

 

อาหารของร่างทารกอมตะคือสิ่งที่เขาคาดเดาไว้ก่อนหน้านี้

 

‘ในกรณีนี้ข้าก็มีปัญหาใหญ่จริงๆ’

 

‘แต่ราชันภูเขาม่วงบอกข้าอย่างตรงไปตรงมา เขาดูมีความจริงใจ…’

 

ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงา กองทัพอสูรวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าโจมตีราชันมังกรราวกับคลื่นยักษ์

 

แต่ราชันมังกรแข็งแกร่งมาก โดยไม่คำนึงถึงระดับการบ่มเพาะ อสูรวิญญาณทั้งหมดถูกกำจัดด้วยการสบัดกรงเล็บของราชันมังกร

 

ร่างของอสูรวิญญาณถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆอย่างไม่สามารถต่อต้าน

 

อสูรวิญญาณระดับสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลราวกับเต้าหู้อันอ่อนนุ่มที่ถูกทำลายอย่างไร้ปรานี

 

“ขยะ แม้จะส่งมามากเท่าใดก็ไร้ประโยชน์” ราชันมังกรลอยอยู่บนท้องฟ้าด้วยดวงตาที่ส่องประกายเย็นเยียบ

 

ในรัศมีหนึ่งพันก้าวปราศจากสิ่งมีชีวิต ซากศพอสูรวิญญาณจำนวนมากกองรวมกันอยู่รอบๆ

 

ราชันภูเขาม่วงซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางกองทัพอสูรวิญญาณ

 

แม้ราชันมังกรจะถูกปิดล้อมโดยกองทัพอสูรวิญญาณ แต่เขาไม่ได้รับอันตรายใดๆ

 

เขามองไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ที่นั่นมีประตูแห่งชีวิตและความตายตั้งอยู่ ประตูเปิดออกและปล่อยอสูรวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาราวกับน้ำพุธรรมชาติ

 

อสูรวิญญาณเหล่านี้ถูกควบคุมโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณในระดับหนึ่ง พวกมันภักดีต่อนิกายเงาอย่างไม่น่าเชื่อและไม่สนใจการเสียสละ พวกมันยังฟังคำสั่งของราชันภูเขาม่วงและโจมตีราชันมังกรแม้จะเป็นการต่อสู้ที่สิ้นหวังก็ตาม

 

‘ประตูแห่งชีวิตและความตาย…’ ราชันมังกรครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน

 

นี่ถือเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

 

มันเป็นหนึ่งในเป้าหมายของราชันมังกรในการเดินทางครั้งนี้

 

‘หลังจากได้รับประตูแห่งชีวิตและความตาย เมื่อวิญญาณชะตากรรมฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ รูปแบบชีวิตที่ตายจะต้องเข้าสู่ประตูแห่งชีวิตและความตายโดยปราศจากข้อยกเว้น’

 

‘เมื่อเวลานั้นมาถึง วังสวรรค์จะเป็นกฎของโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์!’

 

จากมุมมองของราชันมังกร หากเขาใช้ท่าไม้ตายอมตะดูดกลืนปราณทั้งสาม แดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงาจะพังทลายลงอย่างง่ายดาย

 

แต่เขาไม่ต้องการทำลายประตูแห่งชีวิตและความตาย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจใช้วิธีอื่น

 

“บึม!”

 

ราชันมังกรอาละวาดไปรอบๆ

 

‘เพียงร่างแยก เจ้าคิดว่าสามารถหลบซ่อนงั้นหรือ?’ ราชันมังกรกล่าวและตบมือ

 

“ครืน…”

 

ภูเขาโปร่งแสงขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากกระแสอาการกดทับลงมา

 

ราชันภูเขาม่วงกัดฟันแน่น เขาต้องแสดงตัวออกมาเพื่อต่อต้านมัน

 

ทั้งสองต่อสู้กัน ราชันภูเขาม่วงกระอักเลือกและถูกส่งลอยกลับหลังราวกับว่าวสายป่านขาด

 

‘เจ้าจะขัดขืนเพื่อสิ่งใด? เจ้ายังมีความหวังอยู่อีกงั้นหรือ?” ราชันมังกรก่นเสียงเย็น เขาโจมตีต่ออย่างไร้ปรานี

 

“ความหวัง ฮ่าฮ่าฮ่า” ราชันภูเขาม่วงรู้ว่าเขาไม่มีทางรอด นี่เป็นช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของเขา

 

แสนปีก่อน

 

เจ็ดชีวิตออกมาจากประตูแห่งชีวิตและความตาย

 

“ในที่สุดเราก็สามารถออกมา เราฟื้นคืนชีพแล้ว!”

 

“มีพวกเราเพียงเจ็ดคนเท่านั้น”

 

“โชคดีที่แม่น้ำหวนคืนไม่ได้อยู่ที่นั่น มิฉะนั้นพวกเราจะออกมาได้อย่างไร?”

 

“ตอนนี้เทพอมตะสวรรค์พิภพตายไปแล้ว ไปกันเถอะ พวกเราแบกรับความหวังของร่างหลักเอาไว้!”

 

ในปีนั้นนิกายเงาก่อตั้งขึ้น ร่างแยกรุ่นแรกรู้จักกันในชื่อของสีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า สีน้ำเงิน และสีม่วง

 

“ดังนั้นข้าก็คือสีม่วง” ราชันภูเขาม่วงมองผิวน้ำและเห็นภาพสะท้อนของตนเอง “มาเริ่มบ่มเพาะกันเถอะ เราต้องการความแข็งแกร่ง!”

 

…..

 

หลายปีต่อมา

 

“บึม!”

 

การระเบิดครั้งใหญ่ทำให้ค่ายกลวิญญาณแตกเป็นเสี่ยงๆ

 

“ดังคาด สีม่วง เจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ เราสามารถทำลายค่ายกลวิญญาณของเทพปีศาจไร้ขอบเขต” สีเหลืองหัวเราะเสียงดัง

 

สีเหลืองตบไหล่สีม่วง “สีม่วง ท่ามกลางพวกเรา เจ้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญา ตอนนี้ความสำเร็จของเจ้าอยู่ในระดับใด?”

 

“ปรมาจารย์เอก” สีม่วงตอบอย่างตรงไปตรงมา

 

สีเหลืองอ้าปากค้าง “สวรรค์ เจ้าเป็นปรมาจารย์เอกคนแรกในกลุ่มพวกเรา!”

 

สีม่วงมองสีเหลือง “มีสิ่งใดต้องประหลาดใจ อย่าลืมว่าเราเป็นร่างแยกของร่างหลัก เรามีประสบการณ์ส่วนหนึ่งของร่างหลัก”

 

สีเหลืองพยักหน้า “ถูกต้อง สิ่งที่น่ายินดีที่สุดคือมรดกไร้ขอบเขตนี้ เราผ่านบททดสอบสุดท้ายของเทพปีศาจไร้ขอบเขตแล้ว มรดกที่แท้จริงนี้เป็นของเรา”

 

“ถูกต้อง ด้วยวิธีนี้ความหวังของเราจะเพิ่มขึ้น” สีม่วงเผยรอยยิ้มบาง “หากมันเป็นไปได้ด้วยดี เราจะได้รับมรดกและทรัพยาการมากขึ้น เราจะแข็งแกร่งขึ้นและสามารถปูทางให้กับร่างหลัก”

 

…..

 

หลายปีผ่านไป

 

“เจตจำนงสวรรค์! ผู้ใดจะคิดว่ามันทรงพลังถึงเพียงนี้ กระทั่งสีฟ้ายังพ่ายแพ้ ตอนนี้เราควรทำอย่างไร?”

 

“ระดับการบ่มเพาะของเราสูงขึ้น กองกำลังของนิกายเงาแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่เจตจำนงสวรรค์เล็งเป้ามาที่พวกเรา หลังจากนี้เราจะพบปัญหาใหญ่”

 

“ข้ามีวิธีจัดการเรื่องของสีฟ้า นั่นคือการหลอมรวมวิญญาณอมตะดาบแห่งปัญญา สำหรับเจตจำนงสวรรค์…ข้าจะคิดหาวิธี” สีม่วงกล่าว

 

…..

 

“แม้สีฟ้าจะไม่ถูกผูกมัดด้วยความรักอีกต่อไป แต่ความพยายามในการก้าวเข้าสู่ระดับเก้าของเขาก็ล้มเหลวอย่างสมบูรณ์”

 

“เราสามารถทำสิ่งใดได้อีก”

 

“เราจะต่อต้านเจตจำนงสวรรค์ได้อย่างไร?”

 

สีม่วงพยายามหาทางอย่างเต็มที่

 

และในที่สุดเขาก็พบวิธี

 

“หลอมรวมกับเจตจำนงสวรรค์ ข้าจะเป็นส่วนหนึ่งของเจตจำนงสวรรค์ชั่วคราว”

 

“แม้จะอันตราย แต่มันเป็นความคิดที่ดี เราจะแทรกซึมเข้าไปและเรียนรู้แผนการของเจตจำนงสวรค์”

 

“แต่มีบางสิ่งที่ต้องระวัง หากหลอมรวมกับมันนานเกินไป เจตจำนงสวรรค์อาจครอบงำข้า ข้าจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเจตจำนงสวรรค์จริงๆ”

 

“ข้าต้องหาทางรักษาสติของตน”

 

หลังจากอนุมานอย่างยากลำบาก

 

“ฮืม ในที่สุดข้าก็มีวิธี ข้าจะตั้งชื่อมันว่าผลึกหินทองม่วง เพื่อต่อต้านเจตจำนงสวรรค์ แม้จะมีความหวังเพียงเล็กน้อย ข้าก็ยังต้องทำ แค๊ก แค๊ก”

 

เขาไอออกมาเป็นเลือด

 

…..

 

เวลาผ่านไปอีกครั้ง

 

ผลึกหินทองม่วงแตกออก สีม่วงตื่นขึ้น

 

“ที่นี่ที่ใด นานเท่าใดแล้ว?” เขามองสภาพแวดล้อมที่ไม่รู้จักและตกตะลึง

 

“ร่างแยกรุ่นแรกเสียชีวิตเกือบหมดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่คน พวกเขาเป็นเหมือนข้าที่แทบไม่สามารถรักษาชีวิต เห้อ…โชคดีที่นิกายเงาพัฒนาไปได้ด้วยดี”

 

สีม่วงถอนหายใจและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

“เจตจำนงสวรรค์” ใบหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึม

 

…..

 

“ท่านปู่ เชิญดื่มน้ำ” วันหนึ่งสีม่วงพบกับคู่เจ้านายกับคนรับใช้

 

เด็กหญิงสวมชุดหรูหรามากับสาวใช้กล้ามโต

 

“คุณหนูสาม อย่าเข้าใกล้ขอทานเฒ่า ท่านใจดีเกินไป ขอทานเฒ่าผู้นี้ไม่ใช่สมาชิกในหมู่บ้านของเรา อย่าเข้าใกล้เขา” คนรับใช้หญิงมองสีม่วงและไม่ปกปิดกลิ่นอายของผู้ใช้วิญญาณ

 

สีม่วงมองตัวเองด้วยรอยยิ้มขมขื่น