บทที่ 1372 ความตายของราชันภูเขาม่วง (2)

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

ราชันภูเขาม่วงตระหนักว่าเขาอยู่ในสภาพไม่ต่างจากขอทานเฒ่าจริงๆ

 

เขามองเด็กหญิงและคิด ‘นางคือบุคคลแห่งโชคชะตางั้นหรือ? ไม่ ความรู้สึกนี้ไม่ใช่นาง แต่เป็นบุตรหลานของนาง’

 

เด็กหญิงทิ้งอาหารไว้และจากไปพร้อมกับคนรับใช้

 

คืนนั้นราชันภูเขาม่วงเข้าสู่ความฝันของนาง

 

“มรดกที่แท้จริงนี้ค่อนข้างยุ่งยากเล็กน้อย มันเป็นมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางแห่งข้อมูล และเส้นทางอาหาร ข้าจะเรียกมันว่ามรดกที่แท้จริงเสือดำ”

 

“โอ้ มันจะสำเร็จหรือไม่?”

 

“แต่อย่างน้อยก็ยังมีความหวัง”

 

ราชันภูเขาม่วงจากไปอย่างเงียบๆ

 

…..

 

ภาคเหนือ ในถ้ำแห่งหนึ่ง

 

‘นางอยู่ที่นี่’ ราชันภูเขาม่วงคิดกับตนเอง

 

ท่านหญิงหว่านซูในวัยเยาว์เข้ามาในถ้ำและพบกับราชันภูเขาม่วง หัวใจของนางจมดิ่งลง “ผู้อาวุโส เมื่อท่านอยู่ที่นี่ ผู้น้อยจะจากไป ผู้น้อยไม่กล้ารบกวนผู้อาวุโสจากการรับทอดมรดกนี้”

 

กลิ่นอายที่ทรงพลังของราชันภูเขาม่วงทำให้หัวใจของท่านหญิงหว่านซูสั่นสะท้านขึ้น

 

ราชันภูเขาม่วงมองนางและคิด ‘มันคือนาง’

 

เขากล่าว “สาวน้อย เจ้าสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะได้ตั้งแต่ยังเยาว์และยังรู้ขีดจำกัดของตนเอง เจ้ารู้ว่าเมื่อใดควรถอยหรือเดินหน้า ดี ข้าไม่มีคุณสมบัติรับสืบทอดมรดกนี้ ข้าจะมอบมันให้เจ้า แต่หลังจากเจ้าได้รับมรดก เจ้าต้องบอกเนื้อหาของมันกับข้า เจ้าจะติดหนี้บุญคุณข้า ในอนาคต เจ้าต้องช่วยคนที่ติดต่อเจ้าผ่านวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้”

 

…..

 

“ฮืม จะฆ่าก็ฆ่า แต่ข้าจะไม่ร้องขอความเมตตา!” ผู้ใช้วิญญาณหญิงที่นอนอยู่บนพื้นกล่าวอย่างดื้อรั้น

 

ราชันภูเขาม่วงหัวเราะ “เด็กน้อย เจ้าน่าสนใจทีเดียว เจ้าทำให้ข้านึกถึงอดีต การได้พบกับข้าคือความโชคดีของเจ้า”

 

หลังกล่าวจบคำราชันภูเขาม่วงชี้นิ้วไปที่หน้าผากของผู้ใช้วิญญาณหญิง

 

“นี่คือมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งไฟ ข้าจะให้ครึ่งแรกแก่เจ้า เมื่อเจ้าบรรลุสู่ระดับห้า เจ้าจะพบครึ่งหลังที่ใดสักแห่งหนึ่งในภาคเหนือ หากเจ้าจัดการได้ดี เจ้าจะกลายเป็นผู้อมตะ”

 

หลังจากนั้นราชันภูเขาม่วงก็หายตัวไป

 

“สวรรค์! ผู้อมตะ? ขอทานเฒ่าผู้นี้เป็นผู้อมตะงั้นหรือ?” ผู้ใช้วิญญาณหญิงได้สติเมื่อเวลาผ่านไป

 

นางออกจากสถานที่แห่งนี้ด้วยความตกใจและสงสัย

 

ราชันภูเขาม่วงยืนอยู่บนก้อนเมฆและมองไปยังผู้ใช้วิญญาณหญิง “หญิงผู้นี้ค่อนข้างพิเศษ ไม่เพียงนางจะมีกลิ่นอายของโชคชะตา นางยังได้รับความสนใจจากสวรรค์ ข้าเกรงว่าญาติสนิทของนางจะกลายเป็นตัวหมากเบี้ยของสวรรค์ในอนาคต”

 

…..

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า หนุ่มน้อย ข้ามีมรดกที่แท้จริงสามชิ้น”

 

“มรดกแรกจะทำให้เจ้าสามารถอาบเปลวเพลิงและเดินบนกองไฟ เจ้าจะทะลวงขีดจำกัดของมนุษย์ มรดกที่สองอนุญาตให้เจ้าควบคุมวายุและอากาศ เจ้าจะโบยบินไปได้อย่างอิสระ มรดกที่สามจะทำให้เจ้ามีอำนาจเหนือชีวิตและความตาย เจ้าสามารถช่วยผู้คนบนโลกใบนี้ เลือกหนึ่งในสาม คิดดูให้ดีและบอกข้า”

 

ไท่เป่ยหยุนเฉิงในวัยเยาว์คิดและกล่าว “ข้าเลือกมรดกที่สาม”

 

“อีกหนึ่งความหวัง”

 

“เห้อ…เกือบแสนปีมาแล้ว”

 

“ข้าหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความหวังไปทั่ว นี่คงเพียงพอที่จะช่วยสนับสนุนแผนการของร่างหลักแล้ว”

 

…..

 

“โฮก…”

 

เสียงคำรามของมังกรดังไปทั่วแดนศักดิ์สิทธิ์

 

ราชันมังกรพ่นไฟออกมาจากปากและโจมตีราชันภูเขาม่วงโดยตรง

 

ราชันภูเขาม่วงเสียสละแขนของตนเพื่อรักษาชีวิตก่อนจะล่าถอย

 

ราชันมังกรตามเข้าทุบหน้าอกของราชันภูเขาม่วงกระทั่งกระดูกหัก

 

ราชันภูเขาม่วงไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ด้วยตนเองแต่เขายังสามารถใช้วิญญาณในการเคลื่อนไหว

 

ราชันมังกรกล่าวเสียงเย็น “อยากรู้หรือไม่ว่าเหตุใดเจ้าถึงแพ้?”

 

ราชันภูเขาม่วงไอออกมาเป็นเลือดและมองราชันมังกร “ข้ากำลังฟังอยู่”

 

ราชันมังกรเผยรอยยิ้มเย็นชาและเคลื่อนย้ายสถานที่ในพริบตาไปอยู่ด้านหน้าราชันภูเขาม่วง

 

“ปัง!”

 

ราชันมังกรชกหน้าท้องของราชันภูเขาม่วงและส่งชายชราพุ่งลงสู่พื้นราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่

 

“เจ้าพยายามหลอมรวมกับเจตจำนงสวรรค์ ความจริงก็คือเทพอมตะกลุ่มดาวเคยทำมาแล้ว นางเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา แล้วเจ้าจะใช้เล่ห์กลนี้ต่อหน้านางได้อย่างไร?”

 

“เจ้าใช้เวลาครึ่งหลังของชีวิตทำสิ่งหนึ่ง นั่นคือการฉกชิงตัวหมากเบี้ยของเจตจำนงสวรรค์ แต่น่าเสียดาย เมื่อเจ้าหลอมรวมกับเจตจำนงสวรรค์ เจ้าก็กลายเป็นตัวหมากเบี้ยของเจตจำนงสวรรค์เช่นกัน”

 

ราชันมังกรกล่าวขณะบินลงมา

 

ราชันภูเขาม่วงกัดฟันและพยายามบินออกจากหลุม

 

เขาบินถอยหลังและร่อนลงบนพื้นพร้อมกับกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง

 

บาดแผลบนร่างกายของราชันภูเขาม่วงฟื้นฟูขึ้นแล้วแต่ใบหน้าของเขายังซีดขาว ตอนนี้มีเพียงความแน่วแน่เท่านั้นที่ทำให้เขายังสามารถประคองสติ

 

ราชันมังกรค่อยๆบินลงสู่พื้นก่อนจะชี้นิ้วไปที่ราชันภูเขาม่วง

 

“ฮูม…”

 

ลำแสงขนาดใหญ่พุ่งออกไป

 

ร่างของราชันภูเขาม่วงปลดปล่อยแสงสีม่วงออกมา แต่เขายังถูกส่งลอยกลับหลังก่อนจะล้มลงบนพื้นขณะที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด

 

“สำหรับเหตุผลที่เจ้าล้มเหลว ข้าแน่ใจว่าเจ้าเดาได้ ถูกต้อง อาณาจักรแห่งความฝันนี้ถูกยึดครองโดยเจตจำนงสวรรค์ไปแล้ว ยิ่งอาณาจักรแห่งความฝันปรากฏขึ้นนานเท่าใด เจตจำนงสวรรค์ก็ยิ่งแทรกซึมเข้าไปได้ลึกเท่านั้น”

 

“ครั้งนี้วังสวรรค์ของข้าได้รับคำแนะนำจากเจตจำนงของเทพอมตะกลุ่มดาว ดังนั้นเราจึงเข้าใจสถานการณ์และตำแหน่งที่อยู่ของเทพปีศาจจิตวิญญาณ”

 

“โอ้ และฟางหยวน มันค่อนข้างน่าขัน หากเขาซ่อนตัวอยู่ที่อื่น เราจะไม่พบเขา แต่เพราะเขามาที่นี่เพื่อสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน เขาจึงเปิดเผยตนเองต่อหน้าเจตจำนงสวรรค์”

 

“เขาพยายามท้าทายเจตจำนงสวรรค์ เขาสมควรตายและจะต้องตายในวันนี้”

 

ราชันมังกรก้าวไปข้างหน้า

 

อสูรวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนมารวมตัวกันแต่ราชันมังกรไม่แยแส เขายกแขนซ้ายขึ้น

 

“บึม!”

 

ด้วยเสียงระเบิดเพียงครั้งเดียว อสูรวิญญาณจำนวนมากถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ

 

ราชันมังกรหยุดยืนอยู่ด้านหน้าราชันภูเขาม่วงขณะที่ฝ่ายหลังพยายามดิ้นรนลุกขึ้นจากพื้น

 

ราชันมังกรคว้าลำคอของราชันภูเขาม่วงและยกร่างของชายชราขึ้นสู่อากาศ

 

“รู้สึกอย่างไรที่ความหวังของเจ้าพังทลายลง? การพยายามท้าทายโชคชะตาทำให้เจ้าพบจุดจบที่น่าสมเพช กระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น” ราชันมังกรกล่าวเสียงเย็น

 

ราชันภูเขาม่วงคว้าแขนของราชันมังกร “แค๊ก แค๊ก ข้า…ไม่มี…ความหวัง…แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า…ผู้อื่น…ไม่มี…ฮิฮิ”

 

การแสดงออกของราชันมังกรเปลี่ยนแปลงไป

 

“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าอ่อนแอ”

 

“เจ้าส่งวิญญาณอมตะส่วนหนึ่งออกไปแล้ว”

 

“ไม่สำนึก”

 

“กระทั่งเจ้าก็ยังทำไม่สำเร็จ แล้วกองกำลังที่เหลืออยู่ของนิกายเงาจะสามารถทำสิ่งใด?”

 

ใบหน้าของราชันภูเขาม่วงเปลี่ยนเป็นสีม่วง เขาหายใจไม่ออก เขาไม่สามารถกล่าวแต่คิดกับตนเอง ‘คนผู้นี้…แตกต่าง…’

 

‘ฟางหยวน’

 

‘เจ้าเป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์ เจ้าสามารถต่อต้านโชคชะตา’

 

‘เจ้าคือตัวหมากที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่สวรรค์เลือกให้มาจัดการกับนิกายเงา แต่ตอนนี้เจ้าหลุดพ้นจากการควบคุมของเจตจำนงสวรรค์แล้ว’

 

‘ข้าหลอมรวมกับเจตจำนงสวรรค์และพยายามแทรกแซงอิทธิพลของโชคชะตา น่าเสียดายที่ข้าล้มเหลว เป็นเช่นที่ราชันมังกรกล่าว ข้ากลายเป็นตัวหมากเบี้ยของเจตจำนงสวรรค์โดยไม่รู้ตัว’

 

‘ข้าไม่มีความหวังเหลือแล้ว แต่ฟาหงยวน เจ้าแบกรักความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเอาไว้’

 

‘ให้ข้าใช้อิทธิพลสุดท้ายของข้าในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต’

 

‘ฮิฮิ ข้าอยากรู้นัก หลังจากได้รับนิกายเงาไปแล้ว เจ้าจะไปได้ไกลเพียงใด?’

 

‘ไปข้างหน้าและสร้างหายนะให้กับโลกใบนี้ ฟางหยวน!’

 

ความคิดทั้งหมดถูกส่งไปยังฟางหยวน

 

ฟางหยวนถอนหายใจ ‘คนใกล้ตาย…’

 

เขาไม่สงสัยอีกต่อไป “ข้าเข้าใจแล้ว แม้เราจะเป็นศัตรู…ข้าก็จะยอมรับสิ่งนี้และกลายเป็นผู้นำของนิกายเงา!”

 

“ดีมาก ดีมาก…ดีมาก…” ราชันภูเขาม่วงปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนแรง

 

ในที่สุดเขาก็จากไปแต่กระนั้นเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากแขนของราชันมังกร

 

ราชันภูเขาม่วงตายแล้ว!

 

หลังจากหนึ่งแสนปีของการเดินทางอันยาวนาน ในที่สุดเขาก็ได้พักผ่อน

 

แม้เขาจะล้มเหลวและเสียชีวิต แต่ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต เขายังสามารถส่งต่อความหวัง

 

เขาตายอย่างมีความหวัง บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่เขามีรอยยิ้มบนใบหน้าขณะเสียชีวิต