อาเรียสร้างสถานที่โดยรวมค่าบำรุงรักษาเกียรติที่จัดจ่ายให้พระชายาและทรัพย์สินเงินทองที่เธอเก็บสะสมมาจนถึงตอนนี้ทุกอย่างเข้าด้วยกัน
สถานที่อำนวยความสะดวกที่เธอจะสร้างนั้นมีทั้งหมดสามแห่ง แห่งแรกที่วางแผนไว้คือสถาบันการแพทย์ ถัดมาคือโรงเรียน และสุดท้ายคือห้องสมุด
สถานที่อำนวยความสะดวกทั้งหมดนี้จะเปิดให้สามัญชนทุกคนได้เข้าใช้บริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งเป็นสถานที่อำนวยความสะดวกที่ต่างจากโรงเรียนหรือวิทยาลัยที่มีเงื่อนไขการเข้าใช้กำหนดไว้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกรณีของสถาบันการแพทย์ เมื่อเทียบกับสถาบันประเภทอื่นแล้ว เงินจำนวนมหาศาลถูกใช้ไปกับบุคลากรทางการแพทย์และหยูกยาต่างๆ ทว่าเดิมทีอาเรียก็มีเงินจำนวนมากอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว และผู้คนที่ต้องการทำการบริจาคก็หลั่งไหลเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ เธอจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย
ไม่สิ เธอมาถึงจุดที่จะต้องคิดว่าเธอควรจะรับบริจาคเงินของใครดีแล้ว
“ถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไป ก็คงจะมีคนพูดกันอย่างหนาหูว่าอยากให้พระชายาขึ้นเป็นเจ้าชาย ไม่สิ จักรพรรดินะครับ”
อาซที่นั่งอยู่ข้างๆ อาเรียกล่าว วิธีการพูดของเขาฟังดูเป็นการบ่นงึมงำ แต่สีหน้าของเขาดูอ่อนโยน
ถึงเขาจะพูดว่าเขาอยากให้เธอกลายเป็นนางร้ายและถูกปล่อยให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่ความจริงเขาเองก็ดูเหมือนจะภูมิใจในตัวอาเรียที่ได้รับความรักและการสนับสนุนจากทุกคนรอบข้าง
“จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไรกันคะ ตำแหน่งนั้นทั้งยิ่งใหญ่ และทั้งเป็นตำแหน่งที่ยากลำบากนะคะ ใครจะบังอาจมาพูดแบบนั้นกันคะ ต่อให้มีคนพูดแบบนั้นจริงๆ ก็เป็นแค่การล้อเล่นขำๆ ล่ะค่ะ”
“ไม่หรอกครับ ผมมั่นใจว่าพระชายาจะต้องทำได้ดีแน่ๆ ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องลองคิดดูแล้วล่ะค่ะ ตำแหน่งนั้น”
“ฮ่าๆ เข้าใจแล้วครับ ผมจะเตรียมตัวเตรียมใจยกที่นั่งนี้ให้พระชายาทุกเมื่อเลยครับ”
หลังจากบทสนทนาอันรื่นรมย์ใจผ่านไป อาซก็เปิดปากของเขาด้วยใบหน้าจริงจังราวกับมีประเด็นที่จะพูดหลักแยกออกมาจริงๆ
“ผมว่าหน่วยงานที่พระชายาแนะนำกำลังจะถูกสร้างในอีกไม่ช้าครับ แน่นอนว่าในนามธุรกิจของพระชายาครับ”
“ตายจริง จริงหรือคะ”
“ครับ ฉะนั้นต่อจากนี้ไม่ต้องรับเงินบริจาคแล้วก็ได้ครับ”
หมายความว่าสถานที่อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่อาเรียสร้างนั้นจะได้รับการจดทะเบียนเป็นสถานที่ราชการของอาณาจักร และจะมีการก่อตั้งหน่วยงานเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการขึ้นในนามธุรกิจของพระชายา
มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะจนถึงตอนนี้ยังไม่มีพระชายาหรือราชินีองค์ไหนที่ไม่ดำเนินกิจการของภาครัฐ
ถ้าไม่นับเรื่องที่เป็นธุรกิจนั้นมีการทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเหมือนที่อาเรียทำ มันก็ไม่ใช่เรื่องพิเศษขนาดนั้น ด้วยเหตุนี้เองจึงสามารถตั้งหน่วยงานสำหรับพระชายาได้ทันที และเรื่องการสนับสนุนก็ทำได้อย่างไม่ลำบากอะไร
“ไม่ค่ะ ฉันจะรับเงินบริจาคต่อไปค่ะ มันยังมีธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเพราะเรื่องนั้นอีกน่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณบริจาคเงินไปที่อื่นดีไหมครับ”
“ไม่ค่ะ ฉันจะลงเงินไปกับสิ่งก่อสร้างพวกนั้นต่อไปค่ะ เราต้องมีงบประมาณอย่างเพียงพอ เพื่อไม่ให้ใครได้รับความไม่เป็นธรรม และช่วยให้เขาได้รับผลประโยชน์สิคะ ฉันไม่อยากเห็นสิ่งที่ฉันสร้างต้องสั่นคลอนและติดขัดทางการเงินน่ะค่ะ”
เธอเกลียดการที่มีมากเกินไป แล้วใช้อย่างสิ้นเปลือง แต่เธอจะเกลียดมากกว่าถ้ามีไม่พอ และเงินไม่ถูกใช้ไปตามจุดประสงค์เดิมที่ควรจะเป็น
“อีกทั้งด้วยความที่หน่วยงานอยู่ในวัง ฉันคิดว่าเรายังสามารถดูแลจัดการงบประมาณได้อย่างโปร่งใสด้วยค่ะ งบประมาณที่เหลือเราค่อยสะสมรวบรวมอีกทีเพื่อรับมือกับภัยธรรมชาติอย่างโรคระบาดต่างๆ ก็ได้ ฉะนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องหยุดรับเงินบริจาคใช่ไหมล่ะคะ”
ไม่มีประเทศที่เจริญแล้วชาติไหนที่เกิดภัยธรรมชาติ เพราะมันเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า อาเรียได้เตรียมงบประมาณเอาไว้สำหรับเรื่องนี้แล้วก็จริง แต่ถ้าพวกเขาช่วยอาเรียได้ มันก็คงจะดียิ่งขึ้นไปอีกไม่ผิดแน่
อาซจับมือของอาเรีย โดยไม่พูดบ่นไร้สาระอีกต่อไปเมื่อได้ยินคำตอบอันเฉียบขาดของเธอ
“ผมช่างโง่เขลาเสียจริงๆ นะครับ พระชายาช่างตัดสินใจได้ชาญฉลาดอย่างที่ผมคิดไว้เลยครับ”
“โง่เขลาอะไรกันคะ ฉันเพิ่งจะมาตระหนักเอาได้ก็ตอนอยู่เคียงข้างคุณอาซมาเป็นเวลานานเนี่ยล่ะค่ะ”
สุดท้ายสิ่งที่เหลืออยู่ในบทสนทนาที่จบลงด้วยการชมเชยซึ่งกันและกันก็มีเพียงรอยยิ้มเท่านั้น
“ตอนนี้เวลาพักก็หมดลงแล้ว ผมเกรงว่าคงจะต้องกลับห้องทำงานแล้วล่ะครับ… แล้วตารางต่อจากนี้ของพระชายาเป็นอย่างไรครับ”
“ฉันว่าจะไปเดินดูรอบๆ สถานที่ของฉันเสียหน่อยค่ะ พวกเขาเพิ่งจะเปิดทำการพอดีเลย แล้วก็ว่าจะไปเดินดูรอบๆ อาคารใหม่ว่ากำลังไปได้สวยหรือเปล่าน่ะค่ะ”
“อย่างนั้นสินะครับ ผมควรจะต้องให้คนมาพิทักษ์อารักขาคุณเสียหน่อยแล้ว”
“อ๊ะ จะว่าไป ผู้รับผิดชอบที่ฉันขอคุณไปเป็นอย่างไรแล้วคะ”
“แน่นอนว่าผมจัดการให้เรียบร้อยตามที่คุณขอเลยล่ะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ควรจะไปเดินดูรอบๆ กับเขาแล้วสินะคะ”
คนที่อาเรียขอให้อาซมอบหมายหน้าที่ให้เป็นผู้รับผิดชอบของหน่วยงานที่จะร่วมทำงานด้วยกันกับเธอนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากฮานส์
ด้วยความที่เขาเป็นสามัญชน แถมยังมีภูมิหลังชาติกำเนิดที่ไม่ค่อยดีในหมู่สามัญชนอีก จึงเกิดข้อจำกัดในการเลื่อนตำแหน่งให้เขา แต่ด้วยการสนับสนุนอย่างเต็มแรงของอาเรีย ทำให้ไม่มีใครสามารถหยุดเขาจากการไปสู่ประสบความสำเร็จได้
“ปะ เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ! พระชายา! กระผมจะทำให้ดีที่สุดครับ!”
ฮานส์ผู้ที่แม้แต่เหล่าขุนนางก็ยังอยู่ภายใต้คำบัญชาของเขาโค้งคำนับอาเรียอย่างไม่สามารถปิดซ่อนความกังวลของตัวเองเอาไว้ได้
“ฮานส์ ฉันก็หวังว่านายจะทำตามนั้นเพื่อไม่ให้มีประชาชนคนไหนจะต้องใช้ชีวิตอย่างไร้ความสุขอีกนะ”
“กระ กระผมจะจำใส่หัวไว้ครับ!”
เจสซี่ที่ยืนอยู่ด้านหลังของอาเรียเฝ้ามองดูเขาด้วยใบหน้าซาบซึ้งใจจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา
แล้วอาเรียก็เรียกชื่อเจสซี่
“เจสซี่”
“…คะ!”
“ฉันไปดูสถานที่ทุกครั้งไม่ได้ และฉันก็ยุ่งๆ อยู่กับงานอื่นๆ ด้วย ฉะนั้นต่อจากนี้ช่วยแวะไปดูสถานที่พวกนั้นบ่อยๆ ทีนะ”
“ดิ ดิฉันหรือคะ แต่ว่าดิฉัน…”
เป็นอย่างมากก็แค่สาวใช้เองนะ อาเรียเดาได้ว่าเจสซี่จะพูดว่าอะไร เธอจึงตอบกลับโดยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเรื่องนั้น
“ใช่สิ คนที่ฉันไว้ใจได้ก็มีแต่เธอคนเดียวไม่ใช่หรือไง แล้วก็ฮานส์ เจสซี่ยังไม่ค่อยคุ้นชินกับงานพวกนี้ ฉะนั้นนายช่วยดูแลเธอให้ดีด้วยนะ”
“…คะ ครับ!”
ต่อจากนี้ฮานส์จะงานยุ่งมากขึ้นเรื่อยๆ เขาคงจะไม่มีเวลาไปเจอเจสซี่ นอกจากนี้ยังเพื่อเป็นการเอาใจใส่ และเพราะอาเรียตั้งใจจะยกที่นั่งให้เจสซี่เหมือนกับแอนนี่เพื่อทำให้ตำแหน่งของเธอแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ทั้งสองมีส่วนร่วมในธุรกิจที่มีการลงทุนด้วยเงินก้อนโตและจะได้รับการยกย่องเชิดชูต่อไปในภายภาคหน้า ซึ่งก็เปรียบเสมือนการให้สัญญาว่าพวกเขาจะมีอนาคตที่สดใสไร้เมฆบดบัง
อาคารใหม่สำหรับเป็นสถาบันทางแพทย์นั้นกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง พวกเขาจึงทำงานในอาคารที่มีอยู่แล้วจนกว่าจะสร้างอาคารใหม่เสร็จ
เมื่อเธอเปิดประตูของสถาบันทางการแพทย์ออก ด้านในก็เต็มไปด้วยผู้คนสามัญชนจำนวนมากเรียงแถวกันยาวเหยียดตั้งแต่หน้าประตูทางเข้า
เธอมาเยี่ยมดูว่าพวกเขาจัดการและดำเนินงานไปได้อย่างราบรื่นและไม่มีปัญหาใด ทันใดนั้นก็มีผู้คนวิ่งไปมาอย่างเหงื่อชุ่มฝ่าเท้าและอ้าปากของพวกเขากว้างด้วยความตกใจ ก่อนที่หน้าจะคว่ำลงไปกับพื้นอย่างไม่รอช้า
“ถวายบังคม พระชายา”
“…พระชายาอย่างนั้นหรือ!”
แม้แต่สามัญชนคนเจ็บคนป่วยทั้งหลายต่างก็หมอบกราบลงไปกับพื้นในเวลาไม่ช้า ถึงที่นี่จะเปิดทำการได้ไม่นานนัก แต่ก็ไม่มีใครที่รอคิวอยู่รู้สึกไม่พอใจแม้แต่คนเดียว เพราะเธอได้ทุ่มทุนมหาศาลไป ทำให้สามารถดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว
พระชายาผู้คำนึงถึงประชาชนอย่างแท้จริง ข่าวลือเรื่องวัยเด็กที่ยากลำบากของเธอได้แพร่กระจายไปนอกทวีปต่างอาณาจักรแล้ว
แล้วจะให้พวกเขาไม่รู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมกับเธออย่างที่รู้สึกต่างจากบรรดาขุนนางหรือบรรดาสมาชิกของราชวงศ์คนอื่นๆ ได้อย่างไรกัน ยิ่งไปกว่านั้นอาเรียยังเผยรอยยิ้มอันเมตตาปรานีแก่พวกเขาทุกคน ทำให้ความประทับใจและความเคารพของพวกเขาเพิ่มมากขึ้นไปอีก
“ฉันแค่มาดูๆ น่ะค่ะว่ามีปัญหาติดขัดอะไรหรือเปล่า”
“มะ ไม่มีแน่นอนครับ! “เพียงแค่ว่านี่เป็นครั้งแรก เลยมีผู้คนพลุกพล่านวุ่นวาย แต่ผมคิดว่าอีกเดี๋ยวก็จะมั่นคงขึ้นเองครับ…!”
บุคลากรแพทย์ตอบคำถามของอาเรียราวกับว่าเขาตื้นตันใจ ไม่มีใครทักท้วงคำตอบของเขาเหมือนว่าเรื่องที่เขาตอบนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดไปเพียงคนเดียว
“ถ้าอย่างนั้นก็โล่งอกนะคะ ถึงอย่างนั้นฉันก็จะขอแนะนำคนที่คุณสามารถติดต่อได้เผื่อเอาไว้ค่ะ นี่คือเจสซี่ เด็กสาวคนโปรดและคนที่ฉันเชื่อใจมากที่สุดค่ะ”
ทุกคู่สายตาจับจ้องไปที่เจสซี่ตามคำอธิบายของอาเรีย เจสซี่หน้าแดงทำตัวไม่ถูกกับสายตาที่มองมาราวกับว่าเธอเป็นหญิงสาวผู้เลิศเลอ
“เจสซี่จะแวะมาที่นี่วันละครั้ง ฉะนั้นถ้ามีปัญหาหรือขาดเหลืออะไร ก็บอกเธอได้เลยนะคะ”
“ขะ ขอบคุณครับ!”
ด้วยเหตุนี้เจสซี่ที่เคยเป็นอย่างมากก็แค่สาวใช้ได้กลายเป็นศาสนาจารย์แห่งผลงานความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของพระชายา และจากนี้ก็จะไม่มีใครมาลดคุณค่าของเธออีกต่อไป ทำให้ความกังวลของอาเรียก็หายไปด้วยเช่นกัน
แถมเจสซี่ยังจัดการงานได้ดีกว่าที่ฉันคิดเสียอีก ถึงขนาดได้รับคำชม แล้วจะให้ฉันกังวลต่อไปได้อย่างไรกัน
เจสซี่ผู้ยึดมั่นในหลักการและมีคุณธรรมจริยธรรมสูงเป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงานที่เธอมอบหมายให้
มันอาจจะยากเล็กน้อย ด้วยความที่มันเป็นงานที่ต้องทำด้วยตัวเอง ไม่ใช่งานที่ต้องมาคอยปรนนิบัติรับใช้ แต่เธอก็จัดการงานทั้งหมดอย่างเต็มที่ด้วยความเต็มใจ
เจสซี่ดูสดใสและเบิกบานแบบที่แต่ก่อนเทียบไม่ติด อาจจะเป็นเพราะเธอได้เจอฮานส์วันละครั้ง และได้ทำอะไรที่ได้รับความภาคภูมิใจ
“ผู้คนต่างพากันสรรเสริญพระชายาไม่หยุดเลยนะคะ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าเรียกฉันว่าพระชายาน่ะ ซาร่า ฉันก็ไม่อยากเรียกคุณว่ามาร์เชอเนสเหมือนกันนะคะ”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ ฉันจะบังอาจไปเรียกชื่อของพระชายาได้อย่างไรกันคะ”
“ช่วยเรียกกันด้วยชื่อตอนที่อยู่กันสองคนทีนะคะ”
เมื่ออาเรียทำตัวเหมือนเด็กและร้องขอให้ซาร่าทำเช่นนั้นเหมือนพวกเธอเพิ่งเจอกันครั้งแรก ซาร่าจึงเผยรอยยิ้มราวกับช่วยไม่ได้และเรียกชื่ออาเรีย มุมปากของเธอเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
“เข้าใจแล้วค่ะ อาเรีย ฉันจะทำแบบนั้นตอนที่ไม่มีใครอยู่รอบๆ นะคะ”
ที่อาเรียเรียกซาร่ามานั้นไม่ใช่แค่เพื่อคุยเล่นกันเท่านั้น แต่เธอเรียกมาเพราะอยากให้เธอมาเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนที่สร้างขึ้นใหม่
เธอไม่จำเป็นต้องอธิบายซ้ำ เพราะเธอได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไปในจดหมายก่อนหน้านี้แล้ว เธอเพียงแค่รอคำตอบจากซาร่าว่าเธอตกลงเท่านั้น
ถ้าเธอผู้เป็นนายหญิงแห่งตระกูลมาร์ควิสที่ครองอำนาจมากที่สุดในอาณาจักร ณ ปัจจุบันที่ไม่มีดยุกได้ตอบตกลงล่ะก็ ไม่เพียงแค่อำนาจของกษัตริย์จะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่จะไม่มีใครแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับอาเรียง่ายๆ ได้อีกต่อไป
แน่นอนว่าอาเรียก็เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวด้วยเช่นกัน สำหรับซาร่าแล้ว หน้าที่คุณครูที่ทำอย่างมากก็แค่สอนหนังสือสัปดาห์ละครั้งนั้นไม่เหมาะกับเธอ
เธอจะต้องเล่นอะไรที่ใหญ่กว่านี้อีกสักหน่อย ซาร่ามีจิตใจอบอุ่นและโอบอ้อมอารีที่สามารถปราบเด็กที่ดื้อรั้นเหมือนกับอาเรียได้
ดังนั้นสถานที่ที่เหมาะที่สุดสำหรับเธอก็คือที่นั่งของครูใหญ่ประจำโรงเรียนสามัญชนที่อาเรียก่อตั้ง ถึงจะเป็นโรงเรียนสามัญชน แต่ก็เป็นโรงเรียนที่ก่อตั้งโดยพระชายา คงจะเห็นกันไม่ได้ง่ายๆ แน่นอน
ดังนั้นก็เหลือแค่คำตอบตกลงของซาร่าเท่านั้น
“แต่ฉันต้องดูงานของมาร์ควิสด้วยน่ะค่ะ ไม่แน่ใจว่าฉันจะทำงานนั้นได้หรือเปล่า”
“ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้นหรอก แค่รับเอกสารรายงาน แล้วก็เดินดูพวกเด็กๆ ไปรอบๆ ก็มากพอแล้วค่ะ กลับกัน อาจจะมีเวลาเหลือมากกว่าตอนนี้เสียอีกก็ได้นะคะใครจะไปรู้”
เห็นได้ชัดว่าถ้าซาร่าขึ้นเป็นครูใหญ่จริงๆ เธอจะงานยุ่งมากจนเทียบกับคุณครูที่โรงเรียนไม่ติด แต่อาเรียก็โน้มน้าวเธอว่ามันไม่เป็นเช่นนั้นแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น
“ยิ่งไปกว่านั้นซาร่ากำลังจะมีเจ้าตัวน้อยแล้วไม่ใช่หรือคะ ฉันมั่นใจเลยล่ะค่ะว่าเจ้าตัวน้อยของซาร่าจะต้องภูมิใจมากแน่ๆ ถ้ารู้ว่าซาร่าเป็นคุณแม่ที่ดูแลเด็กๆ ตั้งมากมาย”
ซาร่ากำลังจะมีลูกในไม่ช้าก็เร็ว ไม่สิ เธอรู้สึกว่ามันคงจะช้ากว่าแต่ก่อนเล็กน้อย เพราะเธอมีงานมากมาย
“แถมไม่ใช่แค่ตัวน้อยของซาร่าเท่านั้นนะคะ แต่เหล่าตัวน้อยในเมืองหลวงทุกคนจะตามซาร่าต้อยๆ เหมือนเป็นคุณแม่ของพวกเขาแน่ๆ เลยล่ะค่ะ คนที่จะทำให้เด็กพวกนั้นมีความสุขได้ก็มีแค่ซาร่าเท่านั้นนะคะ”
“…”
ในท้ายที่สุดเมื่ออาเรียสะกิดต่อมรักเด็กของซาร่าเข้า ริมฝีปากของเธอก็แน่นขึ้น สีหน้าของเธอราวกับตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว
ด้วยความที่มันเป็นตำแหน่งงานที่สูงสุดที่หญิงคนหนึ่งจนปีนไต่ขึ้นไปได้ ต่อให้เป็นซาร่าเอง ก็คงจะต้องเกิดความโลภกันขึ้นมาบ้าง อีกทั้งเธอยังใฝ่ฝันอยากจะเป็นครูมาตั้งแต่เด็ก
“…เข้าใจแล้วค่ะ แต่ฉันต้องได้รับการยินยอมจากสามีก่อนนะคะ ฉันมีเรื่องให้ต้องออกจากบ้านบ่อยๆ ฉะนั้นฉันก็ควรจะต้องบอกเขาสินะคะ”
“แน่นอนสิคะ ตามสบายเลยค่ะ แต่ฉันมั่นใจว่ามาร์ควิสวินเซนต์จะต้องเห็นชอบด้วยความปีติยินดีแน่นอนเลยค่ะ”
มาร์ควิสวินเซนต์ไม่ปฏิเสธคำขอของซาร่าอย่างที่อาเรียพูด และใช้เวลาไม่นานนักก่อนที่ทุกคนจะรู้ว่าครูใหญ่ของโรงเรียนที่พระชายาก่อตั้งขึ้นเพื่อสามัญชนคือมาร์เชอเนสซาร่า วินเซนต์
…………………………..