บทที่ 430 การโต้แย้งอันแสนดุเดือด

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 430 การโต้แย้งอันแสนดุเดือด
มิติพิเศษของดักลาสดูแตกต่างจากมิติพิเศษ ‘หลุมฝังศพ’ ของธานาทอส มิติพิเศษ ‘นรกสายฟ้า’ ของเฟอร์นันโด และ ‘สวรรค์ธาตุ’ ของแฮททาเวย์ เมื่อลูเซียนก้าวเท้าเข้าไปสู่มิติพิเศษพร้อมกับนอร์แมน สมาชิกคณะกรรมการกิจการที่มานำทางลูเซียน เขาไม่รู้ตัวเลยว่าพวกเขามาถึงมิติพิเศษแล้ว มิติพิเศษของดักลาสดูเหมือนเป็นการขยายจากโลกจริง ทุกสิ่งทำงานตามกฎเดียวกัน แม้ว่าบรรยากาศจะดูเรียบง่ายและปกติ คงมีความลับที่ทรงเสน่ห์ซ้อนอยู่เบื้องหลัง

แม้ว่ามิติพิเศษทั้งหมดจะดูแตกต่างกัน เพราะนักเวทชั้นตำนานมีความเข้าใจโลกและความชื่นชอบแตกต่างกัน แต่มิติพิเศษทั้งหมดต่างก็มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว ส่วนในมิติพิเศษของดักลาส มีป่าสีดำขึ้นชอุ่ม และทะเลสาบที่ดูเหมือนกับกระจก เชื่อมโยงกับเทือกเขาสีเขียวสูงทะมึนตรงปลายขอบฟ้าอีกด้านหนึ่ง หอคอยเวทมนตร์ถูกรอบล้อมด้วยสนามหญ้าสีเขียวที่ดูเหมือนพรมฝอยๆ สถานที่แห่งนี้ดูไม่แตกต่างจากโลกจริง

“ความฝันของอาจารย์คือการทำความเข้าใจโลก มิติพิเศษของท่านเลยเหมือนโลกจริงมากที่สุด” นอร์แมนยิ้มและอธิบาย

ลูเซียนพยักหน้าเบาๆ และมองไปรอบๆ “ไม่สงสัยเลย ท่านประธานถึงเลือกตั้งชื่อที่นี่ว่า ‘ลินซอร์ด’”

ในภาษาของจักรวรรดิเวทมนตร์ซิลวานาสโบราณ ลินซอร์ดหมายถึงความจริงของโลก ดังนั้น มิติพิเศษของดักลาสจึงเรียกได้อีกชื่อว่า ‘ดินแดนแห่งความจริง’ และ ‘โลกในกระจก’

เมื่อเดินเข้าประตูเวทมนตร์ที่ปกปักษ์รักษาโดยโกเลมมิธริลสองตัว นอร์แมนนำลูเซียนเข้าไปยังห้องนั่งเล่นเล็กๆ มีแขกสองคน ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง นั่งรออยู่ก่อนแล้ว

ห้องนั่งเล่นประดับด้วยพรมสีแดง เก้าอี้ตั้งอยู่กระจัดกระจาย โต๊ะน้ำชา และชั้นหนังสือหลายชั้น การจัดห้องค่อนข้างสบายๆ เป็นกันเอง สถานที่นี้ดูเหมือนกับห้องประชุมส่วนตัวของดักลาสสำหรับการพบปะสหายและเหล่าลูกศิษย์ลูกหา

“ท่านดักลาส ท่านเจ้าแห่งวายุ และท่านศาสดาพยากรณ์ยังทำการทดสอบสุดท้ายกันอยู่ ได้โปรดรอที่นี่สักครู่” นอร์แมนอธิบาย แล้วเขาก็แนะนำแขกอีกสองคนให้ลูเซียนรู้จัก “สองท่านนี้คือลูกศิษย์ของท่านดักลาสเช่นกัน บังเอิญทั้งสองท่านเข้าเมืองมาพอดี เลยอยากอยู่ร่วมเป็นพยานช่วงเวลาประวัติศาสตร์ หากดาวเคราะห์ที่ท่านดักลาสสร้างสามารถโคจรรอบโลกได้ และเฝ้าสังเกตได้จากหอคอยโหราศาสตร์บนพื้นดิน จะกลายเป็นบทพิสูจน์ที่ทรงพลังสำหรับระบบเคลื่อนที่ของวัตถุท้องฟ้า จะได้หมดคำถามและข้อสงสัยเสียที”

จริงๆ แล้ว นอร์แมนตื่นเต้นมากจนเขาเกือบลืมแนะนำตัวต่อ โชคดีที่เขารู้ตัวทันเวลา จึงชี้ไปยังชายวัยกลางคนผมหงอก และรีบพูดกับลูเซียน “ท่านนี้คืออาร์ทิล ลูกศิษย์ผู้ติดตามท่านดักลาสมานานที่สุด เขามีความเชี่ยวชาญในโหราศาสตร์ สนามแรง การแปลงไฟล์ และแสง-ความมืด”

อาร์ทิลมีใบหน้าที่ซูบผอมและเห็นโหนกแก้มชัดเจน ดวงตาของเขาเรียวเล็ก ไม่ต่างจากปาก เหรียญตราที่เขาสวมอยู่บอกให้รู้ว่าเขาเป็นจอมเวทระดับแปดและผู้วิเศษระดับเก้า แต่เขาไม่ได้เป็นสมาชิกคณะกรรมการใดๆ หรือแม้แต่สภาสูงสุด

เขาพยักหน้ารับและพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดาแต่แฝงความกระแทกแดกดัน “ถ้าไม่ใช่ลูกศิษย์ที่ติดตามท่านดักลาสมานานที่สุด ยังมีคนที่แก่กว่าและเป็นลูกศิษย์ของท่านดักลาสนานกว่าข้าอีก”

เมื่อได้ยินดังนั้น นอร์แมนและสตรีอีกคนก็รู้สึกละอายขึ้นมา ไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร ลูเซียนเข้าใจดีว่าอาร์ทิลหมายถึงใคร เขากำลังหมายถึง ‘จักรพรรดิแห่งการควบคุม’ ‘บทกวีแห่งเทพี’ ท่านบรูค ว่ากันว่าตอนนี้บรูคกับดักลาสไม่ลงรอยกันเพราะความขัดแย้งเรื่องลักษณะอนุภาคหรือคลื่นของแสง

นอร์แมนและจอมเวทหญิงยังคนดูเป็นหนุ่มสาวอยู่ ทั้งคู่ไม่เคยมีประสบการณ์กับเรื่องนี้ด้วยตาตัวเอง สำหรับพวกเขาแล้ว อดีตระหว่างบรูคและดักลาสถูกบันทึกไว้เป็นตำนาน และเมื่อไม่ได้ประสบพบเจอด้วยตัวเอง ก็เป็นเรื่องยากที่จะตั้งแง่รังเกียจเดียดฉันท์บรูค อย่างไรก็ตาม อาร์ทิลได้ติดตามบรูคมาเป็นเวลานาน และอาจจะเป็นสหายร่วมสำนักกับบรูคมายาวนานเช่นกัน ในสายตาของเขา พฤติกรรมของบรูคเป็นเสมือนผู้ทรยศที่น่ารังเกียจ ไม่แปลกใจเลยที่อาร์ทิลจะไม่มีความเคารพในตัวบรูคแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นดังนั้นลูเซียนก็ไม่อยากฟื้นฝอยหาตะเข็บกับเรื่องนี้ นอร์แมนรีบหันไปแนะนำหญิงสาวอีกคนให้ลูเซียนรู้จัก “ท่านนี้คือลูเซียนา ลูกศิษย์ของท่านดักลาสเช่นกัน นางเชี่ยวชาญเรื่องธาตุ โหราศาสตร์ สนามแรง การอัญเชิญ และการแปลงกาย นอกจากนี้ นางยังทำการศึกษาเชิงลึกเรื่องคณิตศาสตร์ นางน่าจะมีหัวข้อคุยกับท่านมากมายทีเดียว อีวานส์”

“ข้าเพิ่งอ่านวารสารธรรมชาติจบ ข้าสนใจในระบบเรขาคณิตแบบใหม่ที่ท่านและท่านเลฟสกีนำเสนอมา ข้าวางแผนจะพัฒนาต่อยอดไปอีก” หญิงสาวผมแดงดั่งเพลิงผู้นี้กล่าว ดูเหมือนว่านางไม่น่าจะอายุยี่สิบห้า และเหรียญตราก็แสดงให้เห็นว่านางเป็นจอมเวทระดับเจ็ดและนักเวทระดับแปด รวมถึงคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานาเช่นกัน

ก่อนที่ลูเซียนจะทันได้ตอบอะไร อาร์ทิลก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นมา “ลูเซียนา ทำไมมัวเสียเวลาเรื่องคณิตศาสตร์? มันไม่เป็นประโยชน์กับอาร์คานาเชิงปฏิบัติและเวทมนตร์ เวลาเป็นของมีค่าสำหรับทุกคน แม้เราจะอยู่กันมานาน เราก็ยังต้องใช้เวลาอีกหลายร้อยปีเพื่อเข้าถึงความจริงของโลกให้มากที่สุด เราจะมามัวเสียเวลาแบบนี้ไม่ได้ ถ้าการทดลองดาวเคราะห์จำลองของอาจารย์สำเร็จ นี่จะเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของทั้งสายโหราศาสตร์และสายสนามแรง เจ้าจะมีโครงการวิจัยใหม่ๆให้ทำมากมาย”

ระบบเรขาคณิตใหม่ไม่มีความสำคัญกับเขาแม้แต่น้อย

นอร์แมนซึ่งยืนอยู่ด้านข้างพยักหน้าเบาๆ ดูเหมือนเขาจะเห็นด้วยกับอาร์ทิล แต่เขาไม่อยากพูดออกมาต่อหน้าลูเซียนาได้เหมือนอาร์ทิล โดยเฉพาะเมื่อลูเซียนอยู่ด้วย

“ข้าติดนิสัยมา ข้าชอบคำนวณคณิตศาสตร์เพื่อผ่อนคลาย” ลูเซียนาปฏิเสธอย่างเยือกเย็น นางรักการศึกษาความงามของคณิตศาสตร์ แต่อันที่จริงแล้ว นางก็ไม่เห็นคุณค่าเชิงปฏิบัติของระบบเรขาคณิตใหม่ทั้งสองที่เกี่ยวกับอาร์คานาแล้วเวทมนตร์

“…ท่านผู้นี้คือท่านลูเซียน อีวานส์… ข้าเชื่อว่าคงไม่ต้องเกริ่นนำมากนัก ท่านอีวานส์เป็นจอมเวทอัจฉริยะที่โด่งดังที่สุด และมีความสามารถพิเศษทางสายธาตุ อุณหพลศาสตร์ และคณิตศาสตร์” นอร์แมนรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

อาร์ทิลใช้วิธีเปลี่ยนเก้าอี้ยาวแล้วพูดขึ้น “นั่งสิ อีวานส์ ก่อนที่อาจารย์ของเราจะมา ไหนเรามาคุยกันหน่อย ถึงข้าจะไม่ค่อยรู้เรื่องธาตุ แต่ข้าก็รู้ว่าสิ่งที่เจ้าเพิ่งค้นพบ ‘อิเล็กตรอน’ เป็นต้นกำเนิดของสายฟ้า น่าสนใจทีเดียว ข้าคิดว่าสำนักแม่เหล็กไฟฟ้าจะยึดตามทฤษฎีคลื่นเสียอีก”

เมื่ออาร์ทิลไม่ได้แสดงการดูถูกเหยียดหยาม เขาก็ปกติดี

“อันที่จริง สำนักแม่เหล็กไฟฟ้าเชื่อเสมอมาว่ากระแสไฟเป็นการปลดปล่อยภายนอกของการเคลื่อนตัวของประจุไฟฟ้า แต่ก่อนหน้านั้น มีเพียงปัญหาเดียวก็คือมันไม่มีส่วนเชื่อมโยงกับอนุภาคขนาดเล็ก” ลูเซียนตอบด้วยเหตุผล ขณะเขากำลังจิบชาดำมะนาวที่ข้ารับใช้นำมาให้

“อย่างไรก็ตาม อนุภาคมาจากสารัตถะและรากฐานของโลก!” อาร์ทิลพูดด้วยน้ำเสียงคุ้มคลั่ง “ตราบใดที่การทดลองได้ผลดี และดาวเคราะห์จำลองถูกสร้างขึ้น บรูคจะไม่มีวันโจมตีทฤษฎีของอาจารย์เราได้อีกต่อไป! มันต้องมีเหตุผลอื่นที่ทำไมเราถึงยังไม่เจอดาวเคราะห์! ในกรณีนี้การทดลองของอาจารย์เรื่องความเร็วแสงจะพิสูจน์ว่าตัวกลางอีเธอร์ไม่มีอยู่จริง และเมื่อไม่มีตัวกลาง คดีคลื่นของแสงก็ล่มสลายเหมือนกับอาคารหลังสูงๆ ที่รากฐานพังทลาย!”

“แสงและพลังวิญญาณมาในรูปแบบของอนุภาค! มันต้องมีอนุภาค!”

นอร์แมนขมวดคิ้วและพูดแทรกอาร์ทิล “การทดลองของท่านดักลาสยังไม่สำเร็จ ถึงแม้จะสำเร็จก็ตาม ก็เป็นเพียงข้อพิสูจน์ที่มีพลัง แต่ไม่ใช่ข้อพิสูจน์ที่สมบูรณ์ บางทีน่าจะมีคำอธิบายอื่นถึงการทดลองนี้ตามทฤษฎีเกี่ยวกับอีเธอร์ จนถึงตอนนี้ เรายังไม่สามารถใช้ทฤษฎีอนุภาคของแสงอธิบายการเลี้ยวเบนของแสงและจุดที่พบในการทดลองของบรูคได้เลย เราไม่ควรมองโลกในแง่ดีเกินไป”

“ก็ได้ นอร์แมน เข้าใจล่ะ จริงๆ แล้ว เจ้าสนับสนุนทฤษฎีคลื่นใช่ไหม?!” อาร์ทิลเริ่มเกี้ยวกราด “ทำไมไม่ลองมองอีกมุม? ทำไมเจ้ากล้าคิดว่าการเลี้ยวเบนของแสงเป็นเพียงข้อพิสูจน์ที่มีพลัง แต่ไม่ใช่ข้อพิสูจน์ที่สมบูรณ์ และบางทีน่าจะมีคำอธิบายอื่นตามทฤษฎีอนุภาค?”

เมื่อถูกอาร์ทิลคุกคาม นอร์แมนก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมา “เปิดตาของท่านบ้าง อาร์ทิล ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ทฤษฎีทั้งหมดที่พยายามอธิบายทฤษฎีอนุภาคต่างถูกพิสูจน์แล้วว่าผิด มีจอมเวทกี่คนกันในสภาที่ยังคงสนับสนุนทฤษฎีอนุภาค? ถ้าท่านต้องการล้มล้างทฤษฎีคลื่น ท่านต้องอธิบายการเลี้ยวเบนของแสงให้ได้เสียก่อน! ดวงตาท่านมืดบอดด้วยความอิจฉา!”

“อิจฉา?!” อาร์ทิลชี้ที่ตัวเขาเองอย่างโกรธแค้นและไม่อยากเชื่อ “ข้าอิจฉาบรูค เจ้าโง่นั้นนะหรือ?! ข้าเชื่อในการตัดสินใจของข้าเท่านั้น!”

ลูเซียนารวมวงโต้วาที “น่าเสียดาย นอร์แมน ขอโทษที่ทำให้ท่านผิดหวัง แต่ข้าเป็นหนึ่งในจอมเวทไม่กี่คนที่หนุนหลังทฤษฎีอนุภาค ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของความจริงง่ายๆ เพียงเพราะฝั่งท่านมีคนมากกว่าหรอกนะ!”

“บางครั้งมันก็จริงที่ความจริงอาจอยู่ในมือของคนกลุ่มน้อย แต่ทฤษฎีอนุภาคไม่สามารถแม้แต่อธิบายปรากฏการณ์การทดลอง! จอมเวทอย่างพวกท่านเชื่อเข้าไปได้อย่างไร!” นอร์แมนเปิดเผยอคติที่แท้จริงออกมาโดยไม่รู้ตัว

“เจ้าหักหลังเรา!” ดวงตาเรียวแหลมของอาร์ทิลเบิกโพลงเพราะความโกรธ

“ข้าเพียงแค่เชื่อมั่นในความจริง!” นอร์แมนปฏิเสธห้วนๆ

ลูกศิษย์สามคนของดักลาสมีวิวาทะกันดุเดือด เพราะทฤษฎีคลื่นและทฤษฎีอนุภาค และลูเซียนก็ถูกทั้งสามลืม

ลูเซียนปาดเม็ดเหงื่อเย็นๆ บนหน้าผาก ด้วยความกังวลว่าทั้งสามอาจเริ่มลงไม้ลงมือกันเมื่อไรก็ได้ เห็นได้ชัดเลยว่าการโต้แย้งเรื่องทฤษฎีคลื่นและทฤษฎีอนุภาคในสภาเวทมนตร์เป็นเรื่องที่อันตรายมากจริงๆ…

“นอร์แมน เจ้ายังศึกษาเรื่องแรงขับดันแรกอยู่หรือไม่? ช่างยโสยิ่งนัก! แม้แต่อาจารย์ของเราก็ยังแก้ปัญหานี้ไม่ได้! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร!?” อาร์ทิลตะโกนลั่น

“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ท่านดักลาสก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้ และเรื่องนี้เป็นเป้าหมายปลายทางสุดท้ายของระบบทฤษฎีของอาจารย์ อาร์ทิล ข้ารู้ว่าเจ้าก็แอบศึกษาเรื่องนี้เหมือนกัน! ส่องกระจกดูตัวเองไปก่อน!” นอร์แมนตะโกน

การโต้แย้งดุเดือดรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และทันใดนั้น ทั้งสามก็หันมามองลูเซียนพร้อมกัน

“อีวานส์ ท่านคิดอย่างไร? จะทฤษฎีคลื่นหรือทฤษฎีอนุภาค?”

“อีวานส์ ข้ารู้มาว่าท่านเป็นคนเสนอการทดลองดาวเคราะห์จำลองเพื่อช่วยท่านดักลาสพิสูจน์ว่าอีเธอร์ไม่มีอยู่จริง?”

“ข้าเชื่อว่านักเวทผู้เชี่ยวชาญสายธาตุทุกคนย่อมสนับสนุนทฤษฎีอนุภาคอย่างแน่นอน”

จู่ๆ ลูเซียนก็ถูกลากเข้าสู่การโต้แย้ง ขณะที่เขากำลังชั่งน้ำหนักคำพูด ดักลาส เฟอร์นันโด และศาสดาพยากรณ์จากกลุ่มหอคอยก็เดินลงบันไดมา