บทที่ 429 คนเป็นอาจารย์
แม้จะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแล้วและสายลมเย็นยะเยือกยังคงพัดอยู่ด้านนอก สวนของลูเซียนยังคงอบอุ่นและร่มรื่น พร้อมกับดอกไม้ที่บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมไปทั่ว

มือของเขาซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อสูท ลูเซียนยังไม่ได้เริ่มถามลูกศิษย์ของเขาเกี่ยวกับการศึกษาในทันที แต่กลับกัน เขาเริ่มถามเรื่องความก้าวหน้าในการเลื่อนตำแหน่ง “ข้าได้ยินมาจากลาซาร์ว่าเจ้ามั่นใจมากว่าจะขึ้นเป็นนักเวทตัวจริงเร็วๆ นี้ อาจจะมีอีกไม่กี่เดือน เจ้าจะขึ้นชั้นด้วยตัวช่วยจากยาวิเศษ ‘จันทราสีเงิน’…ใช่ไหม?”

แอนนิค ไฮดี้ เลย์เรีย และแคทรินาต่างหันมองหน้ากัน ไม่เข้าใจในเจตนารมณ์ที่แท้จริงของอาจารย์ว่าต้องการชมถึงพัฒนาการอันรวดเร็วหรือตำหนิในความโอหังของพวกเขา พวกเขาต่างรู้สึกกังวลแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป

แต่สปรินต์ นักเวทฝึกหัดซึ่งเป็นคนที่มั่นใจที่สุดในกลุ่มเสมอ ก็พยักหน้าอย่างมั่นใจ “ภายใต้การชี้นำของอาจารย์ ระดับการวิเคราะห์คณิตศาสตร์และเวทมนตร์ของเราก็ไม่ด้อยไปกว่านักเวทชั้นต้นในตอนนี้แล้วขอรับ ดังนั้น พลังวิญญาณที่เราต้องใช้จึงต่ำลง เราพยายามจะพัฒนาในไม่กี่เดือนนี้ เราได้คุยกับนักเวทชั้นต้นสองสามคน แล้วพวกเขาก็เห็นด้วยขอรับ”

เมื่อเอ่ยถึงวิธีการสอนของลูเซียน หัวใจของสปรินต์ก็กระตุกเล็กน้อย ความทรงจำเกี่ยวกับกองกระดาษข้อสอบและหนังสือแบบฝึกหัดยังคงฝังอยู่ในสมองของเขา

ลูเซียนเดินวนไปวนมาอย่างสบายใจและพูดอย่างเป็นกันเอง “ในจักรวรรดิเวทมนตร์โบราณ มีเพียงนักเวทฝึกหัดหนึ่งในร้อยคนที่สามารถขึ้นเป็นนักเวทได้จริงๆ ตั้งแต่มีการก่อตั้งสภาเวทมนตร์ แม้จะมีการพัฒนาและความสมบูรณ์ของอาร์คานาศาสตร์และของวิธีการสอนมากกว่าหลาย ก็มีลูกศิษย์เพียงสามในสี่ของกลุ่มนักเวทฝึกหัดชั้นสูงที่ประสบความสำเร็จ”

แอนนิคและเลย์เรียหน้าแดงและคำขอโทษเกือบหลุดออกจากปากทั้งคู่ กระดาษที่สปรินต์ ไฮดี้ และแคทรินา รู้สึกว่าพวกตนทำพลาดไปและอยากจะอธิบาย

ลูเซียนโบกมือและพูดต่อ “แต่พวกเจ้าไม่เหมือนกัน พวกเจ้ามีความสามารถ ประกอบกับการสอนอันเคร่งครัดของข้า พวกเจ้ามีพื้นฐานที่เข้มแข็งสำหรับการศึกษาต่อคณิตศาสตร์และเวทมนตร์ ฮ่าๆ แบบฝึกหัดและการฝึกหนักช่วยเจ้าได้ อีกอย่าง พวกเจ้าได้ทำงานในสถาบันที่ล้ำหน้าที่สุด การศึกษาต่างๆ ที่พวกเจ้ามีส่วนร่วมในทุกๆ วัน สำหรับคนทั่วไปจะหาได้เพียงในวารสารเท่านั้น และการศึกษาพวกนั้นที่จอมเวทชั้นต้นส่วนใหญ่ยากที่จะเข้าใจ เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าคนใดคนหนึ่งไม่ผ่านการเลื่อนขั้น แน่นอนว่าเป็นเพราะการขาดความเอาใจใส่และความเลินเล่อของเจ้าเอง ไม่ใช่เพราะเจ้าไม่พร้อม ข้าพูดชัดไหม?

“รับทราบ อาจารย์!” นักเวทฝึกหัดทุกคนต่างยิ้มกว้าง พวกเขาตระหนักได้ว่าอาจารย์กำลังให้กำลังใจพวกเขา!

ระหว่างการเดินทางไกลของการศึกษาเวทมนตร์ ในการขึ้นเป็นนักเวทตัวจริงเป็นความท้าทายที่ยากที่สุดสำหรับหนุ่มสาวที่ไร้ประสบการณ์ แม้ว่าทุกคนจะค่อนข้างมั่นใจ แต่ก็ยังมีเรื่องให้กังวลและเป็นห่วงอยู่ลึกๆ ในใจ นักเวทฝึกหัดพวกนี้ต่างเคยเห็นเพื่อนร่วมชะตากรรมไม่ผ่านการเลื่อนขั้น และเหลือเพียงความรู้สึกร้ายๆ อยู่ในหัวสมอง ซึ่งยิ่งก่อความกังวลมากยิ่งขึ้น

ตอนนี้ ลูเซียนได้วิเคราะห์จุดแข็งของแต่ละคนแล้ว เขาช่วยขจัดความกลัวและสร้างความหวังให้พวกเขาว่าจะประสบความสำเร็จ

หลังจากให้กำลังใจลูกศิษย์เสร็จเรียบร้อย ลูเซียนก็ยิ้มแล้วพูดว่า “แล้ว พวกเจ้าศึกษาอะไรกันบ้างในช่วงนี้?”

สปรินต์ตอบคนแรกเหมือนทุกครั้ง เขาพูดอย่างหัวเสีย “ท่านอาจารย์ ท่านบอกให้เราศึกษาเรื่องการปล่อยประจุเพื่อหาสาเหตุของมัน แต่ทันทีที่เราค้นพบรังสีแคโทดและอิเล็กตรอน ท่านบรูคก็พบคำตอบจากสายฟ้าบนเมฆ ก็คืออิเล็กตรอนอิสระที่ก่อให้เกิดการปล่อยประจุ เราเลยหลงทาง แล้วต้องกลับไปศึกษารังสีแคโทดและอิเล็กตรอนใหม่ เพื่อดูว่าเราจะพบอะไรบ้างในสาขาใหม่นี้”

การทดลองของบรูคเรียบง่ายมากแต่ก็เสี่ยงสูง มีเพียงจอมเวทชั้นตำนานเท่านั้นที่ทำแบบนั้นได้ แม้แต่ตัวเขาเองก็อาจต้องอาศัยการเกิดใหม่จากวิธีการที่เตรียมไว้ หากมีอะไรผิดพลาด ดังนั้น นักเวทฝึกหัดพวกนี้พลาดโอกาสสำคัญและทำได้เพียงดูบรูคตีพิมพ์บทความเท่านั้น”

“รังสีแคโทดและอิเล็กตรอนเกี่ยวข้องกับโครงสร้างภายในของอิเล็กตรอน การศึกษาเรื่องนี้จะช่วยให้พวกเจ้าก้าวเข้าสู่โลกจุลภาคได้ แม้แต่ท่านบรูคก็ยังไม่พบคำตอบ ข้าขอเสนอให้เจ้ายังไปต่อในทางนี้ นี่เป็นดินแดนแห่งใหม่ ห้องลับเต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติ อีกแค่เอื้อม พวกเจ้าจะสามารถค้นพบสิ่งที่เหลือเชื่อมากในอดีต” ลูเซียนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับเป็นอาจารย์ตัวจริง

ไฮดี้และสปรินต์พยักหน้าอย่างกระตือรือร้น ด้วยจำนวนนับครั้งไม่ถ้วนในอดีต ผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่านักบุกเบิกที่หนักแน่นจะได้รับรางวัลชิ้นใหญ่ เมื่อค้นพบพื้นที่ใหม่ ขณะที่คนขี้ขลาดจะไม่เหลืออะไร นอกจากความเสียใจ

“ท่านอาจารย์ เราขอศึกษาเรื่องรังสีแคโทดและอิเล็กตรอนด้วยได้ไหมเจ้าคะ นอกจากการศึกษาเรื่องอุณหภูมิต่ำ?” แคทรินาถามด้วยความกังวล

ในการทดลองการดูดซับอากาศของถ่านหินภายใต้อุณหภูมิต่ำ แคทรินาและเลย์เรียช่วยเจอโรมได้มากในฐานะผู้ช่วยของเขา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นโครงการที่มอบหมายจากลูเซียน ลูเซียนจึงได้ชื่อเป็นผู้เขียนชื่อแรกอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตามด้วยเจอโรมซึ่งเป็นผู้ทำการทดลอง ในฐานะของนักเวทฝึกหัด พวกเขาไม่มีแม้แต่ชื่อตัวเองในบทความ ขณะเดียวกัน พวกเขาทําได้เพียงมองดูอาจารย์ได้รับคะแนนอ้างอิงและรายได้จากการใช้สิทธิบัตรมากมาย เนื่องจากพวกเขายังไม่ได้เป็นจอมเวทอย่างเป็นทางการ

แต่ลูเซียนค่อนข้างใจกว้างต่อนักเวทฝึกหัด แม้เขาจะไม่สามารถให้คะแนนความน่าเชื่อถืออาร์คานากับเด็กๆ ได้ ตามกฎของสภาเวทมนตร์ แต่ลูเซียนก็แบ่งคะแนนอาร์คานาให้ตามสัดส่วนจากการขายสิทธิบัตรในการสร้างสุญญากาศโดยใช้ถ่านหินอุณภูมิต่ำ แม้จะไม่มากในสายตาของลูเซียนซึ่งมีมังกรเป็น ‘สัตว์เลี้ยง’ แต่แคทรินาและเลย์เรียก็สามารถเก็บคะแนนสะสมได้มากพอที่จะซื้อน้ำยาเวทมนตร์ที่ต้องการ แล้วตอนนี้ก็สามารถซื้ออุปกรณ์ทดลองได้ด้วยตัวเองแล้ว

ตั้งนาน แคทรินาจึงเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานอยากเข้าสู่โลกใหม่ของอะตอม นางหวังว่านางอาจได้รับรางวัลสูงสุดในสาขาใดสาขาหนึ่งเหมือนท่านอีวานส์ และท่านหญิงอิซาเบลลา และทำตามความฝันของนาง

“แน่นอน เวลาเจ้าว่าง เราสามารถทดลองอะไรก็ได้ที่เจ้าสนใจ เจ้าสามารถใช้วงเวทและวงเวทเล่นแร่แปรธาตุในสถาบันได้เช่นกัน” ลูเซียนพยักหน้า

“วิเศษเลย! ขอบคุณมาก ท่านอีวานส์” เลย์เรียดีอกดีใจ “ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา เราไม่ค่อยมีความคืบหน้าในการศึกษาวัสดุไครโอเจน ทำได้เพียงเก็บข้อมูลได้บ้าง บางครั้งก็น่าเบื่อเหมือนกันเจ้าค่ะ…”

“การศึกษาเรื่องอุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุต้องทำวิจัยซ้ำๆ และเก็บข้อมูลจำนวนมาก ดังนั้น นี่เป็นหนึ่งในโครงการที่ใช้เวลาเยอะที่สุดและต้องใช้ความอดทนสูง อย่าเพิ่งคิดเรื่องจะประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ในตอนนี้ และอย่าดูถูกงานที่เจ้าทำ ทุกๆ การทดลองย่อมเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการค้นพบในอนาคต ผลการศึกษาของเจ้าอาจช่วยให้ผลิตภัณฑ์เล่นแร่แปรธาตุระดับหนึ่งและสองได้รับความนิยมสูง และช่วยลดราคาของสินค้าชั้นสูงลงมา เจ้าอาจได้รับรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ จากเรื่องนี้ก็ได้” ลูเซียนอธิบาย

หลังจากพูดคุยกับลูกศิษย์ส่วนใหญ่ของเขาเสร็จสิ้น ลูเซียนก็มองไปที่แอนนิค เด็กหนุ่มคนนี้ค่อนข้างเงียบขรึมและขี้อาย “แล้วช่วงนี้เจ้าทำอะไร? เจ้าไปในทิศทางไหน?”

แอนนิคหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย “ท่านอีวานส์ ข้ากำลังศึกษาเรื่องอิเล็กตรอนเช่นกัน เนื่องจากอิเล็กตรอนอิสระก่อให้เกิดการปล่อยประจุ ข้าก็คิดว่ากระแสไฟฟ้าอาจเกิดจากอิเล็กตรอนได้เช่นกัน”

“น่าสนใจ ทำต่อไป” ลูเซียนลดความเร็วในการเดินลงมาเดินเทียบข้างกับแอนนิค นักเวทฝึกหัดอีกคนกำลังมองแอนนิคด้วยความสงสัย

นับเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากสำหรับแอนนิคที่ได้รับการสนใจมากขนาดนี้ เขาจึงรู้สึกประหม่า “ข้ากำลังพยายามออกแบบการทดลองเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ แต่ความรู้ของข้าเรื่องแม่เหล็กไฟฟ้ายังตื้นเขิน ข้ายังไม่รู้จะทำอย่างไร เลยลองหาหนังสือของท่านบรูคมาอ่าน มีเล่มหนึ่งชื่อ ‘แม่เหล็กไฟฟ้า’ และบทความช่วงนี้ของเขา มีบทความหนึ่งที่อภิปรายถึงผลที่น่าประหลาดใจของการทดลองปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกก็ทำให้ข้ามีแรงบันดาลใจ”

“แล้วเจ้าหาคำตอบได้หรือยัง?” ลูเซียนถาม เขารู้สึกขบขันกันล็กน้อย จริงๆ แล้ว บรูคมีความศรัทธาอันแรงกล้าในทฤษฎีควอนตัมของเขา ซึ่งถูกจอมเวทส่วนใหญ่หลงลืมไปแล้ว ตอนนี้ จอมเวทส่วนใหญ่ใช้สมการการแผ่รังสีความร้อนโดยตรงโดยไม่มัวคิดมากว่าทำไมสมการนี้จึงใช้ได้ผล

แอนนิครีบส่ายศีรษะ “ไม่ ไม่ขอรับ… ไม่มีทางที่ข้าจะคิดหาคำตอบของปัญหาที่ค้างคาใจท่านบรูคมานานขนาดนี้ได้ ข้าได้แรงบันดาลใจเพราะบทความนั้นที่เห็นว่าเมื่อฉายแสงความถี่คงที่ไปยังชิ้นโลหะ ก็จะเกิดกระแสไฟฟ้า แต่เนื่องจากตัวชิ้นโลหะเองไม่บรรจุกระแสไฟ แสงจึงไม่อาจถูกเปลี่ยนเป็นกระแสไฟฟ้า เพราะฉะนั้นแล้วอะไรล่ะที่สร้างกระแสไฟฟ้า?”

“ถ้าเป็นเหมือนที่ข้าสันนิษฐาน… กระแสไฟฟ้าน่าจะเกี่ยวกับอิเล็กตรอน นั่นหมายความว่าการฉายแสงทำให้ชิ้นโลหะมีอิเล็กตรอนใช่หรือไม่? ถ้าคำตอบคือใช่ ถ้ามองจากอีกมุมหนึ่ง แล้วนั่นพิสูจน์ว่าอิเล็กตรอนเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างภายในอะตอมใช่หรือไม่?” แอนนิคอธิบาย

“ดี ดีมาก เป็นสมมุติฐานที่กล้าหาญมาก…” ลูเซียนไม่เคยหวงคำชม “ขั้นต่อไป พิสูจน์ให้ได้ เจ้าต้องใช้การทดลองที่ออกแบบอย่างระมัดระวัง เพื่อแสดงให้เห็นว่าปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกจะสร้างอิเล็กตรอนได้”

เมื่อได้ยินคำพูดให้กำลังใจ สีหน้าของแอนนิคก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ราวกับแอปเปิลสุก เขาพยักหน้าอย่างแรง “ข้า… จะทำสุดความสามารถขอรับ”

แอนนิคไม่กลัวว่าท่านอีวานส์จะขโมยความคิดของเขา เนื่องจากท่านอีวานส์มีรางวัลเกียรติยศสูงสุดมากมายในสาขาต่างๆ รายล้อมอยู่แล้ว เขารับรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ และ ‘บัลลังก์นิรันดร’ และก็กำลังจะได้รับรางวัล ‘คาถาอาร์คานา’ อีก

ไม่มีทางที่อาจารย์อย่างท่านอีวานส์จะขโมยความคิดของลูกศิษย์ตัวเอง

นอกจากนี้ เนื่องจากท่านอีวานส์รับฟังอยู่ตรงนี้ นักเวทฝึกหัดคนอื่นคงไม่กล้าเข้ามายุ่งเรื่องนี้ หากแอนนิคไม่ได้ชวนเข้ามา หรือเขายอมแพ้เลิกทำโครงการวิจัยไปเอง

นักเวทฝึกหัดคนอื่นรู้สึกอิจฉาอยู่บ้างและก็มีความคิดชั่วร้ายแว่บเข้ามาในหัว แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มอันอบอุ่นของท่านอีวานส์ พวกเขาก็ขับไล่ความคิดชั่วนั้นออกไปได้

“อีกไม่นาน พวกเจ้าจะได้เป็นนักเวท…” ลูเซียนตั้งใจหยุดพูด แล้วพูดต่อเมื่อสีหน้าของนักเวทฝึกหัดทุกคนดูมีความหวังขึ้นมา “… แต่อย่าคิดว่าเจ้าไม่ต้องศึกษาหนักอีกต่อไป หลังจากนั้น ตรงกันข้ามเลย ความรู้ลึกซึ้งมากมายกำลังรอเจ้าอยู่ เพื่อให้เจ้าได้เตรียมตัวพร้อมสำหรับการศึกษาในอนาคต หลังจากขึ้นเป็นนักเวท ข้าเลยเตรียมแบบฝึกหัดแคลคูลัสและการวิเคราะห์คณิตศาสตร์ไว้ให้หลายชุด”

รอยยิ้มอันสดใสหายไปจากหน้าของนักเวทฝึกหัดในทันที

“นอกจากนี้ ข้าจะดัดแปลงเนื้อหาจากสำนักแม่เหล็กไฟฟ้า แสง-ความมืด สนามแรง อุณหพลศาสตร์ ธาตุ การเล่นแร่แปรธาตุ ภาพมายา โหราศาสตร์ การแปลงกาย และศาสตร์มืดเป็นแบบจำลองและแบบฝึกหัดพื้นฐาน พวกเจ้าจะได้เรียนได้เร็วขึ้น” ลูเซียนกำชับ

การอัญเชิญไม่ใช่จุดแข็งของลูเซียน และเขาก็ไม่มีแผนที่จะศึกษาเรื่องนี้ในเร็วๆ นี้

เหล่านักเวทฝึกหัดต่างรู้สึกท้อแท้ ไฮดี้ถึงกับพูดพึมพำกับตัวเอง

“ไม่น่ารีบอยากเลื่อนขั้นเลย…”

หลังจากนักเวทฝึกหัดกลับไป คฤหาสน์ของลูเซียนก็มีผู้มาเยือนคนใหม่

“ท่านอีวานส์ ท่านดักลาส อาจารย์ของข้า ขอเรียนเชิญท่านไปยังมิติพิเศษเพื่อสนทนาเกี่ยวกับดาวเคราะห์จำลองขอรับ” ชายหนุ่มที่อายุยังไม่ถึงเลขสามคนหนึ่งกล่าวขึ้น

เขามีผมสีดำและดวงตาสีน้ำเงิน พร้อมทั้งสวมแว่นตาข้างเดียวตามต้นตำรับของราชอาณาจักรโฮล์ม ชายหนุ่มผู้นี้รูปร่างสันทัด มีมารยาทดีและสุภาพ แต่เหรียญตราบนหน้าอกของเขาแสดงให้เห็นชัดว่าเขาเป็นจอมเวทระดับหกและนักเวทระดับแปด รวมถึงเป็นสมาชิก ‘คณะกรรมการกิจการ’

จะเริ่มแล้วหรือ?

ลูเซียนมีความรู้สึกแปลกใจอยู่ในหัว