ตอนที่ 317 แอบฟังการเดท / ตอนที่ 318 จับพลัดจับผลู

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 317 แอบฟังการเดท 

 

 

เหยียนเค่อได้ยินเสียงเยียบเย็นของซย่าเสี่ยวมั่วแล้วก็เข้าใจในทันที ดูท่าซย่าเสี่ยวมั่วคงเริ่มโมโหแล้ว เขาบอกแล้วไง ว่าใครก็ทำให้ซย่าเสี่ยวมั่วมีความสุขไม่ได้หรอก 

 

 

สวีรั่วชีเห็นท่าทางแปลกๆ ของเขาแล้วก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมา เหยียนเค่อคิดไปเองเก่งเสียยิ่งกว่าผู้ชายคนนั้นเสียอีก นายรู้สิ่งที่ซย่าเสี่ยวมั่วต้องการแล้วจะมีประโยชน์อะไร นายรู้แต่ไม่สารภาพรักจะมีประโยชน์อะไร! มีสิทธิ์อะไรมานั่งกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ตรงนี้ 

 

 

เหยียนเค่อไม่สนใจว่าสวีรั่วชีจะคิดอะไร หูตั้งฟังความเคลื่อนไหวของโต๊ะข้างๆ  

 

 

“ขอโทษครับ นี่ก็แค่ความคิดของผม ถ้าคุณคิดว่าไม่โอเคก็ลองเสนอมาได้ เราคุยกันได้นี่ครับ” หวังอี้เหว่ยเหมือนจะไม่สนใจท่าทางของซย่าเสี่ยวมั่วเลยสักนิด ราวกับมั่นใจแล้วว่าต้องเป็นซย่าเสี่ยวมั่วเท่านั้น 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกไปหมดแล้ว เธอให้สิ่งที่เขาต้องการไม่ได้ สิ่งที่เธอต้องการเขาก็ให้เธอไม่ได้เช่นกัน 

 

 

“คุณไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ เดิมทีพวกเราก็อยู่คนละโลกอยู่แล้ว ฉันไม่ชอบแฟนที่เป็นข้าราชการ สำหรับศิลปินอย่างฉันแล้ว ชีวิตยึดติดในแบบของคุณมีแต่จะมาจำกัดความคิดของฉัน” เธอไม่อยากเป็นฝ่ายยอม ทำไมผู้ชายต้องร้องขอมากขนาดนั้น และฝ่ายหญิงทำได้เพียงรับฟังอย่างเดียวงั้นเหรอ “ฉันอยากตามหาคนที่ความคิดไปในทิศทางเดียวกันและชอบพอกันค่ะ” 

 

 

“ขอพูดอะไรที่มันไม่ค่อยน่าฟังหน่อยนะครับ ถ้าคุณหาผู้ชายที่ชอบพอกับคุณได้ล่ะก็ คุณยังโสดมาจนถึงตอนนี้อยู่เหรอครับ” 

 

 

“นี่คือความแตกต่างของเรายังไงล่ะคะ ฉันจะทำให้ชีวิตเป็นดั่งบทกวี ตามหาคนที่ชอบไม่เจอก็จะไม่ฝืน แต่คุณกลับยอมแพ้เพื่อชีวิตของตัวเอง” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่เข้าใจและก็ไม่เห็นด้วยเลย แต่เธอไม่มีสิทธิ์ไปชี้นิ้วบงการชีวิตของคนอื่น ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้คนอื่นมาวิจารณ์ว่าชีวิตของตัวเองดีหรือไม่ดีอย่างไร 

 

 

เห็นได้ชัดว่าหวังอี้เหว่ยยังคงไม่ยอมแพ้ ยังอยากให้ซย่าเสี่ยวมั่วเปลี่ยนแปลงความคิดของตัวเอง ซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงดื้อดึงถึงขนาดนั้น 

 

 

“ฉันคิดแบบนี้มาตั้งแต่เด็กเลยค่ะ พ่อแม่ฉัน คุณครูของฉันก็ไม่มีใครคิดว่ามันผิด ฉันเองก็เชื่อมาตลอด ทุกคนควรมีความคิดที่แตกต่างกัน ดังนั้นทำไมคุณต้องบอกว่าความคิดของฉันมันผิดด้วยล่ะคะ” 

 

 

“ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นครับ ผมชอบคุณมากจริงๆ ” หวังอี้เหว่ยอธิบาย 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วแอบกลอกตาในใจ ถ้าไม่เห็นแก่ท่าทางเรียบร้อยของเขานะ เธอคงไม่พูดมากขนาดนี้หรอก ทำไมถึงวกกลับมาพูดเรื่องความชอบอีกแล้วล่ะ? 

 

 

สวีรั่วชีฟังคำพูดของผู้ชายคนนั้นแล้วก็ลอบมองเหยียนเค่อ ขนาดคนแปลกหน้ายังพูดคำว่าชอบออกมาได้อย่างตรงไปตรงมาเลย แต่ทำไมถึงออกมาจากปากเหยียนเค่อได้ยากเย็นนักนะ 

 

 

“นี่ นายไม่ได้ชอบซย่าเสี่ยวมั่วเหรอ” 

 

 

ที่เหยียนเค่อสงสัยก็คือ ทำไมสวีรั่วชียังถามคำถามนี้ไม่หยุด “เกี่ยวอะไรกับเธอด้วยเหรอ” 

 

 

คำพูดนี้ฟังแล้วเหมือนกำลังหาเรื่องอย่างไรอย่างนั้น ทำให้คนฟังไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ความจริงเหยียนเค่อก็ถามออกมาเพราะสงสัยจากใจจริง 

 

 

สวีรั่วชีดึงผมดัดลอนยาวของตัวเอง ดวงตาจ้องมองไปทางซย่าเสี่ยวมั่ว “ฉันคิดมาตลอดเลยนะว่า นางฟ้าควรจะมีพระเจ้าคอยคุ้มครอง และซย่าเสี่ยวมั่วก็คือนางฟ้าของฉัน” 

 

 

เหยียนเค่อยิ้มบางๆ “เพราะว่าเขาผิวขาวงั้นเหรอ” 

 

 

“หืม?” สวีรั่วชีชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะดึงสติกลับมาได้ แบมืออย่างเอือมระอา “เป็นคนซื่อบื้อก็โชคดีเหมือนกันเนอะ อย่างเช่นวันนี้” 

 

 

เหยียนเค่อไม่พูดต่อ โต๊ะข้างๆ กันนั้นก็เริ่มเงียบลงแล้วเช่นกัน 

 

 

“ฉันควรเข้าไปหรือยังนะ” สวีรั่วชีไม่ได้รับข้อความจากซย่าเสี่ยวมั่ว และก็ไม่รู้ว่าตนควรจะนั่งทำอะไรดี “อีกเดี๋ยวนายเดินเข้าไปเอาไหม” 

 

 

เหยียนเค่อส่ายหัว “เมื่อไรสวีอันหรานจะมา ฉันจะไปรอเขาข้างหน้าร้าน” 

 

 

“ใกล้แล้วล่ะ” สวีรั่วชีดูนาฬิกา “นายไปรับเขาที่หน้าร้านละกัน” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 318 จับพลัดจับผลู 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกกระวนกระวายใจ คิดหาเหตุผลที่เหมาะสมมาปฏิเสธเขาไม่ได้ ทำได้เพียงปล่อยเลยตามเลย “ความจริงฉันมีคนที่ชอบแล้วค่ะ” 

 

 

“งั้นเหรอครับ?” หวังอี้เหว่ยไม่คิดว่าที่เธอพูดจะเป็นความจริง จึงมองมาที่เธออย่างสนอกสนใจ 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเกลียดการที่คนอื่นไม่เชื่อเธอที่สุด ทั้งรู้สึกหงุดหงิด ทั้งอยากแกล้งคน อยากเรียกให้สวีรั่วชีมาช่วย 

 

 

เหยียนเค่อยังจำได้ว่าก่อนหน้านี้เขาเดินผ่านหน้าซย่าเสี่ยวมั่วไปหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่เคยสนใจเลย หัวข้อสนทนาของพวกเขาในตอนนี้คงไม่ทำให้ซย่าเสี่ยวมั่วสละเวลามามองคนรอบกายแน่นอน ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืนอย่างใจเย็น แล้วเดินไปบนทางเดินตรงกลางที่ผ่านโต๊ะของซย่าเสี่ยวมั่ว 

 

 

ตอนที่เหยียนเค่อเพิ่งเดินไปถึงด้านหลังของซย่าเสี่ยวมั่ว เธอก็หันกลับมาจะตะโกนเรียกสวีรั่วชีพอดี สุดท้ายก็ถูกเสื้อเชิ้ตสีม่วงบดบังสายตาเอาไว้ ส่วนมือก็ตีเข้าที่ขาอ่อนด้านนอกของเหยียนเค่ออย่างสนิทสนม ช้อนตาขึ้นมองก็เห็นเหยียนเค่อที่ยืนอย่างงามสง่า 

 

 

เหยียนเค่อเองก็ตกใจกับการที่จู่ๆ เธอก็หันมาอย่างกะทันหัน แต่ก็ทำให้ตัวเองสงบนิ่งไว้ได้โดยทันที 

 

 

“น…น…นาย” ซย่าเสี่ยวมั่วเอียงหัวจ้องหน้าเขาอย่างจริงจัง มองคนตรงหน้าตนอย่างไม่เชื่อสายตา 

 

 

เหยียนเค่อสบตากับเธอเพียงครู่ ก่อนจะเบนสายตาไปมองผู้ชายที่นั่งตรงข้ามเธอ แล้วเบือนหน้ากลับมาตามเดิม 

 

 

แม้แต่สวีรั่วชียังรู้สึกว่าท่าทางที่เหยียนเค่อสองมือล้วงกระเป๋าก้มหน้ามองซย่าเสี่ยวมั่วนั้นอ่อนโยนลึกซึ้งสุดๆ 

 

 

เธอมองคนที่กำลังทำหน้างงอย่างสะใจก่อนจะรีบกวักมือเรียกพนักงาน ให้พนักงานพาตัว 

 

 

สวีอันหรานเข้ามาจากทางด้านหลังเงียบๆ ก่อนจะนั่งรอดูเรื่องสนุกอย่างเบิกบานใจ 

 

 

นี่คงเป็นการจับพลัดจับผลูที่แท้จริงสินะ ซย่าเสี่ยวมั่วสบตากับเขาเพียงชั่วครู่ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร แต่องค์ดราม่าคิงกลับประทับร่างเหยียนเค่อ เขายกมือขึ้นลูบหัวของเธอ “ฉันได้ยินเธอบอกว่าเธอชอบฉัน” 

 

 

“ฉ…ฉ…ฉัน” ซย่าเสี่ยวมั่วลุกลี้ลุกลนอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกลับสู่ความสงบเยือกเย็นตามเดิม แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “ฉันไม่รู้จักนาย” 

 

 

บอกแล้วไงว่าเราสองคนไม่มีอะไรติดค้างกันอีก ต่อให้ตอนนี้จะอยู่ในสถานการณ์คับขัน แต่เธอก็ไม่อยากติดหนี้น้ำใจเหยียนเค่ออีกแล้ว 

 

 

ตอนที่เหยียนเค่อเพิ่งปรากฏตัวขึ้น หวังอี้เหว่ยก็มองเขาอย่างตึงเครียด แต่พอได้ยินซย่าเสี่ยวมั่วพูดแบบนั้นแล้วก็ค่อยผ่อนคลายลงมานิดหน่อย 

 

 

แค้นฝังหุ่นจริงๆ เหยียนเค่อมองเธออย่างอยากจะหัวเราะ “ฉันได้ยินมาว่าคนแซ่หวังที่อยู่ข้างบ้านชอบมาจีบแฟนคนอื่น คนแซ่หวังคนนี้อยู่ข้างบ้านใช่ไหม” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วส่ายหัว ไม่ใช่ข้างบ้านสักหน่อย แล้วก็ไม่ได้จีบแฟนคนอื่นด้วย 

 

 

เหยียนเค่อพยักหน้า “งั้นถ้าเธอแต่งงานออกไปแล้วก็ระวังผู้หญิงข้างบ้าน หรือไม่ก็คุณนายใหญ่บ้านนั้นไว้ให้ดีล่ะ” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วหมดคำพูด นี่คือการค่อนแคะคนอื่นแบบใหม่เหรอเนี่ย… 

 

 

“ความจริงเธอจะนอกใจก็ได้ ยังไงคนแซ่หวังที่อยู่ข้างบ้านเราก็ยังเป็นพวกเศรษฐี ฉันจะยอมรับก็ได้ แต่ทำไมเธอถึงตาถั่วขนาดนี้ล่ะ” 

 

 

เหยียนเค่อใช้มือหนึ่งเท้าพนักเก้าอี้ของซย่าเสี่ยวมั่ว อีกมือล้วงกระเป๋ากางเกง พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ทำท่าทีราวกับว่ามีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นจริงๆ ทำเอาซะซย่าเสี่ยวมั่วอยากจะให้เหยียนเค่อนั่งแล้วมาจับเข่าคุยกันดีๆ 

 

 

หวังอี้เหว่ยโดนผู้ชายคนนี้พูดค่อนขอดอย่างกำกวมก็อารมณ์ขุ่นเป็นอย่างมาก เดิมทีนึกว่าเขาจะไม่รู้จักกันอย่างที่ซย่าเสี่ยวมั่วพูดจริงๆ แต่เห็นบรรยากาศการพบกันของทั้งคู่เช่นนี้แล้ว จะให้หลอกตัวเองว่าสองคนนี้ไม่รู้จักกันก็คงไม่ได้ จึงมองทั้งคู่พูดคุยมองหน้ากันด้วยความมึนงง 

 

 

“ฉันคงตาบอดจริงๆ แหละ” ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้า ทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นรู้เลยว่าเหยียนเค่อพูดมากขนาดนี้ 

 

 

“เธออย่าตาบอดจะดีกว่านะ ถ้าตาบอดคงยิ่งขายไม่ออกไปกันใหญ่ ทำไมถึงไม่รู้ตัวบ้างเลย” 

 

 

หวังอี้เหว่ยฟังทั้งคู่คุยกันอยู่นาน ก็ยิ่งมั่นใจว่าทั้งคู่รู้จักกันจริงๆ จึงเริ่มรู้สึกนั่งไม่ติด เอ่ยขัดจังหวะขึ้น “คุณซย่าครับ คุณคนนี้ใครครับ จะไม่แนะนำกันหน่อยเหรอ” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกำลังจะพูดก็ถูกเหยียนเค่อชิงพูดตัดหน้าเสียก่อน “ผมเป็นแฟนเก่าเขาครับ” 

 

 

“เวร” ซย่าเสี่ยวมั่วหลุดสบถคำหยาบออกมาเบาๆ “ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลยว่านายเป็นแฟนเก่าฉัน”